รบ.หนุนระบบสหกรณ์ แก้ปัญหาเกษตรยั่งยืน เชื่อมอีคอมเมิร์ซขายทั่วโลก

รัฐบาลผลักดันระบบสหกรณ์เข้มแข็ง แก้ปัญหาเกษตรยั่งยืน พร้อมเชื่อมโยงอีคอมเมิร์ซขายสินค้าสหกรณ์ทั่วโลก ควบคู่เปิดหน้าร้านกระจายสินค้าทั่วประเทศ หวังเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายชาวนาชาวไร่วิสาหกิจชุมชน

พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลส่งเสริมให้พี่น้องเกษตรกร ชาวนาชาวไร่ และวิสาหกิจชุมชน รวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน จากที่แต่ละคนไม่สามารถแก้ปัญหาตามลำพังได้ไปสู่การดำเนินวิสาหกิจที่ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน มีเงินทุนหมุนเวียน มีอำนาจต่อรองในการซื้อขายสินค้า และยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ

“ที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าสหกรณ์ หรือ CDC ซึ่งขณะนี้มีอยู่ประมาณ 107 แห่งทั่วประเทศ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกเพื่อตอบสนองความต้องการของเกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ที่ส่งสินค้าไปขายยังศูนย์ดังกล่าว โดยตั้งแต่เริ่มจัดตั้งเดือน ต.ค.58 – พ.ค.59 เพียง 6 เดือน มียอดจำหน่ายรวมกว่า 6,300 ล้านบาท”

พลโท สรรเสริญ กล่าวต่อว่า รัฐบาลยังได้ต่อยอดการซื้อขายสินค้าของสหกรณ์ด้วยการเชื่อมโยงกับระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ตามนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและไทยแลนด์ 4.0 เพิ่มช่องทางการตลาดให้เข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลก โดยนำข้อมูลผลิตภัณฑ์ของสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชน ที่มีคุณภาพดี ไปบรรจุไว้ในตลาดสินค้าสหกรณ์ออนไลน์ www.co-opclick.com ประกอบด้วยสินค้า 9 หมวด คือ ข้าวสาร น้ำดื่ม นม สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าแปรรูป ผลไม้ กาแฟ สินค้าประมง และสินค้าโอท็อป

“ท่านนายกฯ ชื่นชมการดำเนินงานของ กษ. ที่พยายามช่วยเหลือเกษตรกรอย่างครบวงจร เป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว ไม่ใช่อุดหนุนเงินแต่เพียงอย่างเดียว โดยย้ำว่าจุดเด่นของตลาดออนไลน์ที่รัฐบาลส่งเสริม ช่วยทำให้เกษตรกรและสหกรณ์ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนการจัดทำห้องแสดงสินค้าหรืออาคารจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และขยายตลาดสินค้าไปได้ในทุกพื้นที่”

นอกจากนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังได้ปรารภด้วยว่า ประเทศไทยมีศักยภาพด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อย่างมาก โดยในปี 2558 มูลค่าการซื้อขายเติบโตถึง 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจบริการที่พักและอาหาร การผลิต ค้าปลีกและส่ง จึงต้องยกระดับสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าการซื้อขายสูงขึ้นด้วยการใช้ประโยชน์จากช่องทางนี้รัฐบาลจะส่งเสริมความเข้มแข็งของอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพด้านอีคอมเมิร์ซของภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชน ให้ดีขึ้น โดยล่าสุด Alibaba.com ได้ร่วมมือกับม.หอการค้าไทย เปิดศูนย์ฝึกอบรมด้านอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยสร้างผู้ประกอบการใหม่ได้ 5,000 คนต่อปี และช่วยให้เอสเอ็มอีไทยสามารถขยายธุรกิจสู่ระดับนานาชาติได้มากยิ่งขึ้น”