เผยแพร่ |
---|
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาประทับช้าง สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ( บ้านโป่ง ) ราชบุรี กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอเมือง และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลหลุมดิน สนธิกำลังออกปฏิบัติการนำอุปกรณ์ กรงจับสัตว์ รถยนต์ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ เข้ามาดำเนินการจับหมูป่าที่อาศัยอยู่บริเวณป่าละเมาะและโดยรอบของกำแพงภายในอุโบสถวัดท่าโขลง หมู่ที่ 2 ต.หลุมดิน อ.เมือง จ.ราชบุรี ส่งผลกระทบต่อชุมชน ได้รับความเดือดร้อนด้านสิ่งแวดล้อม ขุดคุ้ย รื้อถังขยะ ทั้งถ่ายมูล ส่งกลิ่นเหม็น สร้างความสกปรก อีกทั้งชาวบ้านเกรงว่าหมูป่าจะทำอันตรายลูกหลานที่ออกมาวิ่งเล่น ทางเทศบาลตำบลหลุมดินจึงประสานปศุสัตว์จังหวัดและเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหานำหมูป่ากลับคืนบ้าน หรือมอบให้ประชาชนที่สนใจจะนำไปเลี้ยงดูแลต่อไป
ดังนั้น ชุดปฏิบัติการจึงได้ไล่ต้อนฝูงหมูป่าที่เข้ามาหลบอาศัยอยู่ภายในอุโบสถวัดท่าโขลง จำนวน 24 ตัวก่อน ส่วนที่อยู่ตามป่าละเมาะที่มีอีกจำนวนมากนั้น จะดำเนินอีกครั้งในระยะต่อไป ทั้งนี้ มีการนำอาหารและน้ำมาวางดักล่อฝูงหมูป่าไว้ หมูป่ามีทั้งตัวขนาดเล็ก ใหญ่ ตั้งแต่ 30 กิโลกรัม ไปจนถึง 100 กิโลกรัม ทั้งกำลังท้องแก่เกิดอาการหิวก็จะเดินเข้ามาภายในกำแพงวัด จากนั้นเจ้าหน้าที่รีบปิดประตูทางเข้าออก และนำกรงตาข่ายเหล็กมาขวางกั้น และใช้กรงดักสัตว์ต่อกันเป็นแถวยาวบริเวณปากประตูทางเข้า แล้วใช้แผ่นเหล็กกั้นให้เป็นพื้นที่แคบลง จากนั้นเจ้าหน้าที่หลายคนช่วยกันเป่านกหวีดแล้วเดินต้อนฝูงหมูป่าเข้ามาใกล้ๆ ปากประตู ซึ่งมีกรงเปิดดักไว้ แต่เจ้าหมูป่าแสนฉลาด พอเห็นคนจำนวนมากมามุงดูก็พากันวิ่งหนี ส่งเสียงดัง ปี๊ดๆๆ ไม่ยอมเข้าใกล้ประตู เจ้าหน้าที่จึงไล่ต้อนพร้อมใช้แผงเหล็กบีบเข้ามาอยู่ในวงแคบ และต้อนเข้ากรงละ 2-3 ตัว ใช้เวลาประมาณ 40 นาที สามารถต้อนหมูป่าเข้ากรงได้สำเร็จ ส่วนหมูป่าตัวที่ท้องแก่ให้อยู่ในกรงตัวเดียว เพื่อลดการกระทบกระเทือนในระหว่างเดินทาง
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะนำหมูป่าชุดแรกนี้ไปเลี้ยงชั่วคราว ที่โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริบ้านบ่อหวี ต.นาวศรี อ.สวนผึ้ง ส่วนชุดต่อไป ทางเจ้าหน้าที่ได้วางแผนให้ชาวบ้านนำอาหารมาวางเพื่อดักล่อบริเวณกำแพงอุโบสถวัด และที่อยู่บริเวณป่าละเมาะ ซึ่งใช้วิธีล่ออาหารเป็นวิธีที่ดีที่สุด เนื่องจากจะใช้เวลาปฏิบัติการจับที่ค่อนเร็ว เพราะมีรั้วกำแพงวัดกั้น หมูป่าไม่สามารถวิ่งออกไปด้านนอกได้ ซึ่งหากเป็นวิธีอื่นจะใช้เวลานานในการออกติดตามค้นหา โดยหมูป่าจะมีลักษณะปราดเปรียว วิ่งเร็ว สามารถวิ่งชนคนจนล้มได้เมื่อถึงเวลาต่อสู้ทำร้าย อาจจะได้รับอันตรายได้หากไม่มีความชำนาญในการจับ
อย่างไรก็ตาม สำหรับปฏิบัติการจับหมูป่าที่ยังคงเหลืออีกเกือบ 100 ตัว ทางเทศบาลตำบลหลุมดินจะได้กำหนดจุดวางดักกรงล่อไว้เป็นจุดๆ เมื่อได้หมูป่ามาแล้วก็จะนำมาพักเลี้ยงดูแลไว้ชั่วคราว และประกาศประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ หากประชาชนท่านใดสนใจอยากเลี้ยงเป็นบุญทาน ไม่เอาไปฆ่า สามารถติดต่อลงทะเบียน และขอรับหมูป่าได้ที่เทศบาลหลุมดิน เบอร์ติดต่อ โทร. 032-741-756-7
ที่มา มติชนออนไลน์