ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม นายสุธี ชวชาติ ตัวแทนภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวขอบคุณกระทรวงการคลัง ที่ช่วยสั่งการให้ การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ยสท. รับซื้อใบยาสูบเหมือนเดิมในปีนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ยสท. ประกาศจะไม่รับซื้อใบยาสูบ ซึ่งจะกระทบกับรายได้และปากท้องของชาวไร่ยาสูบกว่า 50,000 ครอบครัว อย่างไรก็ตาม นายสุธี มองว่า ยสท. ยังไม่มีท่าทีชัดเจนที่จะดำเนินการตามที่คลังสั่ง จึงควรมีการประชุมใหญ่ตัวแทนทุกภาคส่วนจากอุตสาหกรรมยาสูบ ยสท. ผู้นำเข้าบุหรี่ ผู้ส่งออกใบยาสูบ ผู้ค้ายาสูบ กระทรวงการคลัง กรมสรรพสามิต เพื่อหารือปัญหาและผลกระทบจากพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 พร้อมทั้งหาทางออกร่วมกันให้เป็นรูปธรรมและยั่งยืนเพื่อเสนอต่อผู้กำหนดนโยบายภาครัฐ
“ก่อนหน้านี้ ยสท. ได้ประกาศงดรับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรในปีนี้ โดยอ้างเหตุผลเรื่องผลกระทบจาก พ.ร.บ.ฯ โดย ยสท. คาดว่าจะทำให้มีสต๊อกใบยาเหลือพอกับยอดขายบุหรี่ที่จะหดตัวลงต่อเนื่องไปอีก การที่กระทรวงการคลัง สั่งการให้ ยสท. รับซื้อใบยาฤดูกาล 61-62 นี้ เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น พวกเราชาวไร่ยังกังวลว่าเมื่อรัฐปรับขึ้นภาษีบุหรี่อีกครั้ง เป็น 40% ในวันที่ 1 ต.ค. 2562 จะเกิดปัญหาซ้ำรอยอีก จึงเห็นว่าจำเป็นจะต้องให้ทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมยาสูบมาร่วมหารือกันถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้านให้เห็นภาพรวมปัญหาของทั้งอุตสาหกรรม ที่จะมากระทบความอยู่รอดของทั้งอุตสาหกรรมโดยเฉพาะประเด็นการรับซื้อใบยาสูบอีก หากไม่เร่งหาทางออกร่วมกันอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม” นายสุธีกล่าว
นายสุธี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมารัฐบอกให้อุตสาหกรรมปรับตัว แต่ให้เวลาเพียง 2 ปี ตอนนี้ผ่านไป 1 ปีแล้วอุตสาหกรรมยังคงอลวนอลหม่านกันอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร แรงงาน ร้านค้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยาสูบ ตรงนี้จึงอยากให้ทุกฝ่ายพูดคุยกัน ภาคีฯ ในนามตัวแทนชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศกว่า 50,000 ครอบครัว ใน 20 จังหวัด ขออาสาเป็นตัวกลางให้ทุกฝ่ายมาร่วมประชุมกัน หากทุกฝ่ายไม่หันหน้าเข้าหากัน ผู้ที่จะเดือดร้อนมากที่สุดก็คือ เกษตรกร ซึ่งคิดว่ารัฐบาลคงไม่อยากให้เกิดผลเช่นนั้นในช่วงเลือกตั้ง