ปิดทองฯ สนับสนุน จ.ปัตตานี บริการทันตกรรมพระราชทาน

ปิดทองฯ ร่วมมือจังหวัดปัตตานี อำเภอสายบุรี สนับสนุนออกหน่วยทันตกรรมพระราชทาน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตามแนวพระราชดำริ สร้างโอกาสประชาชนพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงบริการการแพทย์ด้านทันตกรรมที่ได้มาตรฐานมากขึ้น ระดมทีมทันตแพทย์ ชั้นครูกว่า 58 คน พร้อมทีมงาน 11 หน่วยงานในพื้นที่กว่า 322 ชีวิต ให้บริการนักเรียนและประชาชนไม่ต่ำกว่า 2,000 คน ลดปัญหาโรงพยาบาลพื้นที่ขาดบุคลากรไม่ทั่วถึง ขณะที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก

นายวีระนันท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2561 ซึ่งวันแรกของการเปิดให้บริการด้านทันตกรรมพระราชทาน ณ ที่ว่าการอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี มีนักเรียนและประชาชนเข้ารับบริการด้านทันตกรรมกว่า 1,393 คน และเมื่อสรุปยอดรวมวันที่ 2 เชื่อว่าสามารถทำได้มากกว่า 2,000 คนตามแผนที่วางไว้ นับเป็นจำนวนที่เข้ารับบริการด้านสุขอนามัยในช่องปากมากที่สุดเมื่อเทียบกับการบริการด้านทันตกรรมพระราชทานครั้งที่ผ่านๆ มาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้

จากการสำรวจตัวเลขสถิติพบว่า เฉพาะที่จังหวัดนราธิวาส สัดส่วนทันตแพทย์เทียบกับประชากรจังหวัดเป็น 1 ต่อ 12,000 คน เฉพาะที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี มีทันตแพทย์ 5 ต่อประชากร 70,000 คน เทียบกับสัดส่วนของทั้งประเทศคือ 1 ต่อ 8,000 คน ขณะที่สถิติผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคฟัน สุขอนามัยในช่องปาก ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้กลับมีจำนวนสูงสุดของประเทศ

ผศ.ทพ.ดร.สุชิต พูลทอง คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าทีมทันตแพทย์อาสาพระราชทาน กล่าวว่า หน่วยทันตกรรมพระราชทานมีหน้าที่ให้บริการประชาชนในพื้นที่ห่างไกลอยู่แล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ขาดแคลนบริการทันตกรรมหน่วยทันตกรรมพระราชทานเคยทำงานร่วมกับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ และมูลนิธิปิดทองหลังพระฯ มานานในหลายพื้นที่ เมื่อทราบว่าทางปิดทองฯ มาดำเนินงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงมาร่วมด้วย เพราะนอกจากประชาชนในจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี จะมีปัญหาเรื่องสุขภาพในช่องปากมากที่สุดของประเทศแล้ว ยังเพื่อแสดงให้เห็นว่า พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือประเทศไทยที่ทุกคนสามารถเดินทางมาได้โดยไม่มีปัญหา

เมื่อมีการเปิดรับสมัครทันตแพทย์อาสา ปรากฏว่า ทันตแพทย์จำนวนมากสมัครมาร่วมเต็มจำนวนอย่างรวดเร็ว อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เพราะทุกคนอยากช่วยประชาชนที่ไม่เคยมีโอกาสได้รับบริการ และยังเป็นการช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ที่ต้องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุผลที่ทำให้มีการออกหน่วยใหญ่ขนาดในครั้งนี้ ผศ.ทพ.ดร.สุชิต กล่าวว่า เนื่องจากมีผู้ป่วยจำนวนมากและสถานที่ให้บริการมีความสะดวก ครบถ้วน สามารถให้บริการประชาชนจำนวนมากได้

ทั้งนี้ การออกหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพื้นที่จังหวัดปัตตานี โดยความร่วมมือระหว่างหน่วยทันตกรรมพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดปัตตานี ทุกหน่วยงานในจังหวัด มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ มูลนิธิปิดทองหลังพระฯ และมูลนิธิรากแก้ว ฯลฯ ถือเป็นการบริการที่ภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน ให้ความใจใส่ดูแลพี่น้องประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา เพราะถือทุกคนเป็นคนไทย ที่ต้องดูแลคุณภาพชีวิต ถือเป็นบุญใหญ่ที่สะท้อนถึงความเอื้ออาทรระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เป็นความดีงามที่ยังมีอยู่ในประเทศไทย

การออกหน่วยทันตกรรมพระราชทาน ในพื้นที่อำเภอสายบุรี เนื่องจากมีโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สายบุรีตั้งอยู่ ที่สำคัญคือเดือนกรกฎาคมเป็นเดือนพระราชสมภพของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โดยหน่วยทันตกรรมพระราชทาน เป็นการสะท้อนถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพสกนิกร ที่สืบทอดมาจากแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9  ซึ่งความร่วมมือของทุกฝ่ายในการดำเนินการครั้งนี้ เป็นรูปแบบที่ดีที่สามารถนำไปปฏิบัติต่อในพื้นที่อื่นๆ ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ต่อไปในอนาคต เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับพี่น้องประชาชนว่า เราเป็นคนไทยด้วยกัน “ต้องรักและดูแลกัน”

ทต.ญ.ซูไฮดา สิเตะ ทันตแพทย์ชำนาญการ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี กล่าวว่า ส่วนใหญ่ประชาชนในพื้นที่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องการดูแลรักษาสุขภาพในช่องปาก และขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ เนื่องจากจำนวนทันตแพทย์มีเพียง 5 คน ต่อประชากร 70,000 คน ทำให้ไม่สามารถให้การดูแลได้อย่างทั่วถึง การออกหน่วยทันตกรรมพระราชทานครั้งนี้ เป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับว่าเป็นโอกาสดีของคนในพื้นที่ เพราะนอกจากจะเป็นการให้การรักษาแล้ว ยังมีส่วนที่จะกระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปากที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของเขาดีขึ้น

ทต.ญ.ซูไฮดา กล่าวว่า โดยปกติ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรีจะให้บริการได้วันละ 6-80 คน หรือมากที่สุด ปีละ 8,000 คน การออกหน่วยทันตกรรมพระราชทานครั้งนี้สามารถให้บริการได้มากกว่า 2,000 ราย ซึ่งตามปกติอาจต้องใช้เวลา 1-2 เดือนจึงจะให้บริการได้ครบ ซึ่งการที่ได้อาสามาร่วมในครั้งนี้ เพราะเห็นประโยชน์ที่จะเกิดกับประชาชน หมอจึงมีความสุขมากวันนี้”