เผยแพร่ |
---|
ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 15 ปีนี้ จัดขึ้นที่อาคารชาเลนเจอร์ 1-2 เมืองทองธานี ระหว่าง วันที่ 18-21 กรกฎาคม 2561 ชูประเด็น “โลกมั่นใจ สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย” โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ นำผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสมุนไพรมาจัดแสดงมากมาย
รวมทั้งยังมอบรางวัลหมอไทยดีเด่นแห่งชาติ ให้กับหมอพื้นบ้านที่ใช้ภูมิปัญญาไทยในการบำบัดโรคมาอย่างช้านาน คือ “พ่อหมอขาว เฉียบแหลม” อายุ 82 ปี จากจังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีความรู้ ความชำนาญด้านการรักษาโรคสตรี โดยภายในงานยังแจกหนังสือเปิดสูตร 6 ตำรับ รักษาโรคในสตรี ประกอบด้วย 1.ตำรับประสะน้ำนม ประกอบด้วย รากหรือเถานมวัว เล็บเหยี่ยว สีหวด รุ่นไร่ เครือหมากแตก ฝางแดง ไผ่จืด และช้างน้าว นำสมุนไพรทั้งหมดมาต้มและดื่มทุกวัน หลังอาหาร 3 มื้อ ประมาณ 1 เดือน ช่วยบำรุงน้ำนมสำหรับมารดาหลังคลอดที่มีปัญหาน้ำนมไม่มา และยังบำรุงร่างกายทั้งเพศชายและหญิง

2.ตำรับแก้ผิดสำแดง ประกอบด้วยแก่นตะลุมพุกแดง แก่นต้นสีหวด รากระเวียง รากหนามแดง แก่นระไหว นำมาต้มดื่มมีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดศีรษะ อาเจียน หรือหัวนมฟกบวม ปวดเต้านม มีไข้ 3.ตำรับขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ประกอบด้วย หญ้าหนวดแมว หัวหญ้าชันกาด และรากหญ้าคา นำมาต้มดื่ม ช่วยผู้มีอาการปวดไต ปัสสาวะติดขัด
4.ตำรับแก้ริดสีดวงทวาร ประกอบด้วย แก่นแก้วมือไว รากข้าวตาก มะระขี้นก แก่นขันทองพยาบาล นำมาต้มดื่มติดต่อกัน 1 สัปดาห์ ดื่มวันละ 3 ครั้ง สรรพคุณสำหรับผู้มีอาการปวดทวารหนัก ถ่ายเป็นก้อนเล็กๆ หรือเลือดออกทางทวารหนัก
5.ตำรับแก้สตรีตกขาว ประกอบด้วย รากสามสิบหรือที่รู้จักกันในชื่อสาวน้อยร้อยผัว และรากเจตมูลเพลิง นำมาต้มดื่มติดต่อกัน 1 สัปดาห์ วันละ 3 ครั้ง สรรพคุณช่วยเรื่องปวดท้องน้อย แก้อาการตกขาว และ 6.ตำรับบำรุงร่างกาย ประกอบด้วย ใบและต้นกำลังเสือโคร่ง แก่นกำแพงเจ็ดชั้น ใบกำลังช้างสาร ต้นใบ และรากโด่ไม่รู้ล้ม แก่นกวด ใบทองกวาว และหัวหนอนตายอยาก นำมาต้มดื่มได้เรื่อยๆ ช่วยอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
ซึ่งสูตรตำรับเหล่านี้เป็นสูตรโบราณที่พ่อหมอขาว ได้ร่วมกับทางโรงพยาบาลหนองสองห้องในการให้บริการผู้ป่วยสตรี ซึ่งเป็นการรักษาแบบผสมผสาน และขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาวิจัยเพิ่มเติมในตำรับประสะน้ำนมเพิ่มเติม เพื่อเข้าสู่กระบวนการสิทธิบัตรต่อไป
งานนี้ไฮไลท์ที่หนีไม่พ้น คือ โซนมูลนิธิเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่จัดตรวจสภาพผิวหน้าให้ผู้มาร่วมงานฟรี พร้อมคำแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยปีนี้ยกการดูแลสุขภาพของคนทุกวัย ได้แก่ 1. วัยเด็ก ที่มักพบว่าจะป่วยด้วยอาการหวัด ไอ ท้องอืด ควรใช้สมุนไพรที่มีรสอุ่น เช่น กะเพรา ขิง หัวหอมแดง หรือดีปลี รวมทั้งเครื่องดื่มจากการบูร ผสมกับสมุนไพรอื่นๆ ก็ช่วยย่อย ขับลม จุกเสียด แน่นท้องได้
2.วัยทำงาน เป็นช่วงวัยที่มีความร้อนสูง มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และมีความเครียด มักป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวกับความร้อน ควรใช้สมุนไพรฤทธิ์เย็น และช่วยผ่อนคลายได้ เช่น มะลิ บัวบก คุณนายตื่นสาย ปัญหาปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ควรใช้สมุนไพรเถาวัลย์เปรียง กระดูกไก่ดำ และปัญหาผิวสิว ฝ้า ใช้สมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์จากมังคุด หรือเซรั่มจากประดู่ทุ่งที่เราพัฒนาพบว่าช่วยลดปัญหาคนเป็นฝ้าได้
3.วัยผู้สูงอายุ มีโอกาสที่จะเกิดโรคเกี่ยวกับระบบประสาทได้ง่าย เนื่องจากมีธาตุลมเป็นส่วนประกอบ มักพบว่ามีปัญหานอนไม่หลับ ความเสื่อมของมวลกระดูก ปัญหาโรคปริทันต์ และอาการหลังหมดประจำเดือนในผู้หญิง คือ น้ำมันรำข้าว บัวหลวง มะลิ ช่วยปรับสมดุลการนอนหลับ เพชรสังฆาตช่วยเพิ่มมวลกระดูก กระชายรักษาโรคปริทันต์และดับกลิ่นปาก
ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว เภสัชกรชำนาญการ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า สำหรับความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรกระดูกไก่ดำ จะมีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ เนื่องจากปัจจุบันผลิตภัณฑ์สเปรย์น้ำมันกระดูกไก่ดำที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดเมื่อย เส้นเอ็นอักเสบ เมื่อฉีดออกไปอาจไม่แรงพอ จึงจะมีการพัฒนาในรูปแบบผลิตภัณฑ์อัดแก๊สให้ใช้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังร่วมกับมหาวิทยาลัยจากจีนในการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาการศึกษาการออกฤทธิ์ของกระดูกไก่ดำ พบว่า มีผลเทียบเท่ายาแผนปัจจุบันในเรื่องของเส้นเอ็นอักเสบ โดยได้ศึกษาในอาสาสมัคร 100 คน จึงจะมีการขยายการวิจัยต่อเนื่องต่อไป
ล่าสุด สเปรย์กระดูกไก่ดำ หรือ มัสคูลสเปรย์ แก้อาการฟกช้ำปวดเมื่อย ของ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นต้น มอบรางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ (Prime Minister Herbal Awards : PMHA) ร่วมกับผลิตภัณฑ์สารสกัดขมิ้นชันแคปซูล “แอนติออกซ์” ขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) ซึ่งผ่านการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จากการศึกษาวิจัยทางคลินิกพบว่า สารสกัดขมิ้นชันแคปซูล สามารถใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบันที่มีสรรพคุณเช่นเดียวกันได้ คือ บรรเทาอาการปวดในโรคข้อเข่าเสื่อมได้
อย่างไรก็ตาม ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ทั้งโซนให้ร่วมกิจกรรมอบรมสมุนไพร ซึ่งจะรับเพียงรอบละ 20 คน จำนวน 3 รอบ อาทิ การอบรมทำ “เจลรักษาสิว” โดย นายปกรณ์ บุญญะฐี นักศึกษาแพทย์แผนไทย เจ้าหน้าที่ประจำบู๊ธ ให้ข้อมูลว่า สำหรับการทำเจลรักษาสิวนั้น เรียกว่า “เจลตำลึง…สะเดา” โดยสมุนไพรทั้งตำลึงและสะเดานั้น มีฤทธิ์รสขมเย็น จึงช่วยลดการอักเสบ ลดความร้อนได้ โดยเฉพาะตำลึงที่มีข้อมูลงานวิจัยของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ช่วยลดสารต้านอนุมูลอิสระ และลดการเกิดสิวได้ดีด้วย
โดยวิธีในการทำเจลนั้น จะใช้ใบตำลึงและสะเดาคั้นสด 1 ลิตร แล้วใส่สารเพิ่มความหนืดหรือ (Carbopol) ปริมาณ 10 กรัม ค่อยโรยทีละน้อยในน้ำคั้น แล้วรอให้อิ่มตัว แล้วคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเจล จากนั้นเติมสารไตรเอทาโนลามีน (Triethanolamine) ประมาณ 4 มิลลิลิตร เพื่อปรับค่า pH ไม่ให้เป็นกรดด่างมากเกินไป คนจนเจลหนืด ค่อยหยดสารกันบูด พาราเบน (Paraben) ปริมาณ 1 มิลลิลิตร ลงไป คนให้เข้ากัน แล้วบรรจุลงในหลอดหรือตลับที่สะอาดก็สามารถนมาใช้งานได้ แต่หากไม่ต้องการทำเป็นเจล ซึ่งคนอาจมองว่ามีความยุ่งยากในการเตรียม ก็สามารถใช้น้ำคั้นตำลึงและสะเดาสดๆ ที่ได้ นำมาทาบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ
ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ ในมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติมีดีกว่าที่คิด…