“มะตูมยักษ์” สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ของดีจากไทรโยค

ทุกวันนี้ กระแสความนิยมบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพยังคงเติบโตต่อเนื่อง ทำให้สินค้าพืชผักผลไม้และสมุนไพรคุณภาพดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพพลอยขายดิบขายดีตามไปด้วย ซึ่ง “มะตูม” ก็ติดโผสินค้าขายดียอดนิยม เพราะเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณทางยามากมาย

“มะตูม” พันธุ์ไม้มงคล

“มะตูม” เป็นสมุนไพรเก่าแก่ของประเทศอินเดีย และเป็นไม้มงคลของศาสนาฮินดู เนื่องจากใบมะตูมมีลักษณะเป็น 3 แฉก คล้ายตรีศูลของพระศิวะ (พระอิศวร) ชาวอินเดียจึงนิยมปลูกมะตูมเป็นไม้มงคลประจำบ้าน เพื่อเอาไว้กินผลสุก และใช้ใบในการบูชาพระศิวะเมื่อต้องการขอพร และยกย่องต้นมะตูมว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่าต้นโพธิ์

ประเทศไทย ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์มาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงนิยมนำใบมะตูมมาใช้ในพิธีสำคัญต่างๆ อาทิ พิธีพืชมงคลแรกนาขวัญ ในพิธีสมรสพระราชทาน เป็นต้น ปัจจุบัน “มะตูม” ได้รับการยกย่องให้เป็นต้นไม้ประจำจังหวัดชัยนาทอีกด้วย คนโบราณเชื่อว่าใบมะตูมป้องกันภูตผีปีศาจและเสนียดจัญไร เป็นไม้มงคลที่นิยมปลูกในบริเวณบ้าน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรือง โดยถือเอาเสียง “ตูม” นั้นโยงเข้ากับความรุ่งเรืองเหมือนพลุ ดอกไม้ไฟ และเสียงปืนใหญ่ที่ดังตูม เพื่อประกาศความเกรียงไกรนั่นเอง

คุณครูลออ ดอกเรียง กับมะตูมพันธุ์เพิ่มทรัพย์

ราก ใบ ผลแก่ สุก เปลือก ราก ของมะตูมมีสรรพคุณทางยา ผลมะตูมสุกมีรสชาติหวาน หอม ช่วยแก้โรคท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเสีย ใบและยอดอ่อนมะตูม มีกลิ่นหอม รสมัน รสฝาด ใช้เป็นผักแนมแกล้มลาบ แกงเผ็ด หรือน้ำพริก  ผลมะตูมมีวิตามินบี 1 บี 2 ช่วยบำบัดอาการปลายมือ เท้า ไม่ให้ชา บำรุงกระเพาะลำไส้ได้ ลูกมะตูมดิบนิยมนำมาปรุงเป็นยำมะตูมรสชาติอร่อย คนโบราณนิยมดื่มน้ำมะตูม เพราะมีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ แก้กระหายได้ดีนักแล

มะตูม ปลูกแพร่หลายในอินเดีย ศรีลังกา ออสเตรเลีย ฯลฯ เพราะปลูกดูแลง่าย ทนร้อนทนแล้ง ไม่ต้องรดน้ำก็อยู่ได้ มักพบเห็นมะตูมในป่าเบญจพรรณทั่วไป ต้นมะตูมมีดอกสีขาวสวย กลิ่นหอมเย็นเหมือนดอกปีบ มีลำต้นสูงไม่เกิน 5 เมตร

มะตูม ที่เห็นวางขายในท้องตลาดทั่วไป มีผลขนาดย่อมปานกลาง ไม่ใหญ่มาก แต่ในขณะนี้จะพาไปเยี่ยมชม “มะตูมยักษ์” ของดีหายาก ของอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ เท่ากับผลมะพร้าวกันเลยทีเดียว หลายคนที่เพิ่งพบเห็นผลมะตูมยักษ์เป็นครั้งแรก รู้สึกตื่นตะลึงกับความแปลกมหัศจรรย์ของ “มะตูมยักษ์”ไปตามๆ กัน

คุณครูลออ ดอกเรียง กับมะตูมพันธุ์มาลี

คุณครูลออ ดอกเรียง เจ้าของไร่ “มะขามป้อมยักษ์ครูลออ” เลขที่ 14/2 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี 71150 โทร. (081) 756-0939 และ (084) 926-7259 เล่าให้ฟังว่า มะตูม เป็นพันธุ์พืชท้องถิ่นของอำเภอไทรโยคนี่เอง มะตูมยักษ์ ที่นำมาโชว์ มีขนาดผลใหญ่มาก ประมาณ 2-3 กิโลกรัมขึ้นไป มะตูมยักษ์สายพันธุ์โบราณที่ชาวบ้านรู้จักและคุ้นเคยกันดีมีหลายสายพันธุ์ เช่น มะตูมหม้อ หรือ มะตูมนมยาน ซึ่งมีลักษณะผลแตกต่างกันไป

“ลักษณะเด่นของ “มะตูมนมยาน” ก็คือ ผล มีขนาดยาวรี ส่วนมะตูมหม้อ ตรงก้นจะเสมอกัน สามารถวางผลตั้งขึ้นได้ มะตูมยักษ์ที่เราเพิ่งเจอนี้ มีลักษณะผสมของมะตูมหม้อและมะตูมนมยาน” คุณครูลออ กล่าว

รู้จัก มะตูมสายพันธุ์โบราณ

คนไทยนิยมปลูกมะตูมและใช้ประโยชน์จากต้นมะตูมมาอย่างยาวนานนับร้อยปี ที่ปลูกอย่างแพร่หลายในประเทศไทยมีหลากหลายสายพันธุ์ ได้แก่

  1. มะตูมหม้อ ลักษณะลูกใหญ่ 2-4 กิโลกรัม เนื้อเยอะ เปลือกหนา ตรงก้นจะเรียบเสมอกัน ลูกวางตั้งได้ ลูกอ่อนเปลือกสีเขียวเข้ม แก่ใกล้สุกสีเปลือกจะจางลงจนเป็นสีเหลืองทอง มะตูมหม้อนิยมนำมาทำมะตูมเชื่อม เพราะได้ปริมาณเนื้อเยอะ หรือหั่นแปรรูปเป็นสมุนไพรตากแห้งก็ได้ ปัจจุบัน มะตูมหม้อ เป็นสายพันธุ์มะตูมที่หายาก
  2. มะตูมนมยาน เป็นพันธุ์ลูกใหญ่พอๆ กับ มะตูมหม้อ แตกต่างกันที่ลักษณะลูก มะตูมนมยานลูกจะยาวรี บางต้นยาวรีเหมือนลูกรักบี้ก็มี ลูกอ่อนเปลือกสีเขียวเข้ม พอแก่เปลือกจะมีสีเหลืองทอง เปลือกหนา เนื้อเยอะ เหมาะสำหรับแปรรูปทำมะตูมเชื่อม หรือหั่นตากแห้งขาย มะตูมนมยานก็มีหลายสายพันธุ์ ซึ่งเกิดจากการกลายพันธุ์นั่นเอง
  3. มะตูมไข่ ลักษณะลูกค่อนข้างกลม ผลมีขนาดเล็กประมาณกำมือ บางท้องที่จะเรียกมะตูมขี้ช้าง หากมีขนาดใหญ่ประมาณครึ่งกิโลถึงหนึ่งกิโล เรียกว่า “มะตูมไข่” ซึ่งสายพันธุ์นี้สามารถพบเห็นได้ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ถือเป็นสายพันธุ์มะตูมที่หาง่าย นิยมนำไปหั่นตากแห้งเป็นส่วนมาก
  4. มะตูมนิ่ม สายพันธุ์นี้จะมีลักษณะเปลือกบางกว่ามะตูมทั่วไป ตอนสุกเปลือกจะนิ่ม ถือเป็นมะตูมสายพันธุ์หายากในปัจจุบัน มะตูมนิ่มมีทั้งลักษณะลูกกลมและลูกรี นิยมนำผลไปเป็นยาสมุนไพร สีผิวลูกจะไม่เขียวเข้ม ผลมีขนาดไม่ใหญ่มาก
เนื้อมะตูมยักษ์

ค้นพบ มะตูมยักษ์พันธุ์ใหม่ 

คุณครูลออ ได้รวบรวมสายพันธุ์มะตูมยักษ์หายากที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอไทรโยคนำมาปลูกเพื่ออนุรักษ์สายพันธุ์ให้เป็นมรดกของท้องถิ่น ซึ่งมะตูมยักษ์ที่เพิ่งค้นพบเหล่านี้ คุณครูลออ ยืนยันว่า มาจากต้นพันธุ์ที่เกิดจากต้นเพาะเมล็ด มีอายุ 15-30 ปี แต่ละพันธุ์มีเพียงต้นเดียวเท่านั้น ซึ่งแต่ละต้นมีลักษณะของผลแตกต่างกันไป เช่น ผลยาวรี  เหมือนลูกส้มโอ หรือเหมือนฟักทอง ผลยาวแต่ตรงก้นเสมอกัน สามารถวางผลตั้งขึ้นได้ แถมบางต้นไส้ไม่มียาง  ต้นมะตูมยักษ์ทั้ง 4 พันธุ์ใหม่ ที่คุณครูลออค้นพบในครั้งนี้ ถูกตั้งชื่อตามเจ้าของสวนแต่ละแห่ง อาทิ

มะตูมไข่
  1. มะตูมพันธุ์เพิ่มทรัพย์

คุณครูลออ บอกว่า มะตูมพันธุ์เพิ่มทรัพย์ มาจากต้นพันธุ์ที่มีอายุ 10-15 ปี ผลมีขนาดใหญ่ 2-3 กิโลกรัมขึ้นไป ต้นสูง 5-7 เมตร ส่วนใหญ่ผลจะมีขนาดใกล้เคียงกัน แต่บางลูกที่มีขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม มะตูมพันธุ์เพิ่มทรัพย์ก็ยังมีขนาดใหญ่กว่ามะตูมสายพันธุ์ทั่วไปอยู่ดี

  1. มะตูมพันธุ์มาลี

มะตูมต้นนี้ มาจากต้นแม่พันธุ์อายุประมาณ 30 ปี ข้างๆ จะมีต้นลูกขึ้นอยู่ด้วย ผลที่ติดของต้นลูกจะมีขนาดเล็กกว่าต้นแม่พันธุ์ ลักษณะผลของมะตูมพันธุ์มาลีจะแตกต่างจากสายพันธุ์มะตูมทั่วไป เนื่องจากลักษณะผลยาวรีเหมือนลูกรักบี้นั่นเอง

  1. มะตูมพันธุ์ไชโย

มะตูมต้นนี้ มาจากต้นแม่พันธุ์อายุประมาณ 15 ปี ลักษณะผลยาวรี ก้นแหลมไม่มาก ขนาดผลใหญ่

4. มะตูมพันธุ์บังอร

มะตูมต้นนี้ มาจากต้นแม่พันธุ์อายุประมาณ 20 ปี ลักษณะผลยาว ตรงก้นเสมอกันวางตั้งได้ ขนาดผลใหญ่

“มะตูมยักษ์ 4 สายพันธุ์ใหม่ ที่กล่าวมานี้ เป็นมะตูมยักษ์ที่มีขนาดผลใหญ่ ประมาณ 2-3 กิโลกรัม บางลูกมีขนาดใหญ่กว่านี้ก็เคยเจอมาแล้ว แต่ละพันธุ์มีต้นแม่พันธุ์เพียงแค่ต้นเดียว ซึ่งเกิดจากการเพาะเมล็ด หากต้องการสายพันธุ์แท้ ต้องเป็นต้นเสียบยอดหรือทาบกิ่งเท่านั้น” คุณครูลออ กล่าว

วิธีการปลูกดูแล

ต้นมะตูม เป็นไม้ผลที่มีระบบรากแข็งแรง ใน 1 ต้น อาจมีรากแก้ว 1-3 ราก จึงทำให้เติบโตได้เร็ว โดยธรรมชาติแล้ว มะตูมเป็นไม้ผลที่ทนทานต่อความแห้งแล้งได้ดี สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ เติบโตดีในสภาพดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินลูกรัง ดินเหนียว

มะตูมพันธุ์ไชโย

คุณครูลออ แนะนำให้ปลูกต้นมะตูมยักษ์ในช่วงต้นฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน โดยปลูกในระยะห่างประมาณ 8×8 เมตร ขุดหลุมลึก 50×50 เซนติเมตร ก่อนปลูกควรรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกเก่า หากใช้ปุ๋ยคอกใหม่ ควรปล่อยทิ้งไว้สัก 1 เดือน เพื่อให้ปุ๋ยย่อยเสียก่อน เวลาปลูกควรโรยหน้าดินกลบปุ๋ยคอกสักหน่อย โดยโรยดินหนาสัก 10 เซนติเมตร เพื่อเป็นกันชนปุ๋ยคอกกับราก

หลังเตรียมหลุมเสร็จให้นำต้นมะตูมยักษ์ลงปลูก ถ้าจะเสริมรากเพิ่ม ให้นำต้นเพาะเมล็ดลงปลูกไปพร้อมกันเลย ถ้าเสริม 4 ราก ก็ควรปลูกต้นเพาะเมล็ด 4 ต้น ลงไปพร้อมกับต้นพันธุ์ดี ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ก็เสริมรากได้สำเร็จ

ตอนปลูกใหม่ๆ ถ้าฝนไม่ตก ควรรดน้ำให้ต้นมะตูมด้วย เพราะต้นยังไม่แข็งแรง หลังปลูกได้ 3 ปี ต้นมะตูมจะเริ่มให้ผลผลิต หลังจากนั้นคอยดูแลให้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยเคมี สูตร 25-7-7 สำหรับมะตูมต้นเล็ก ควรให้ปุ๋ยประมาณ 1 ช้อนชา  และค่อยๆ เพิ่มไปเรื่อยๆ เมื่อต้นโตขึ้น หากต้องการบำรุงให้ต้นเติบโตเร็ว ควรใส่ปุ๋ยทุกๆ 14 วัน ต่อครั้ง แมลงศัตรูสำคัญของต้นมะตูมก็คือ หนอนกินใบ มักเจอในช่วงต้นมะตูมแตกใบอ่อน หากปล่อยให้หนอนกัดกินใบจะทำให้ต้นมะตูมเติบโตช้า

โดยทั่วไป ต้นมะตูมจะผลิดอกประมาณช่วงเดือนมีนาคม ก่อนออกดอก ใบมักร่วงหมดเสียก่อน พอแตกใบใหม่ ต้นมะตูมก็จะแทงช่อดอกออกมาด้วย ผลมะตูมมักสุกแก่ประมาณช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี

เทคนิคการเลือกซื้อต้นพันธุ์

มะตูมพันธุ์บังอร

คุณครูลออ บอกว่า ต้นมะตูมที่ใช้เมล็ดปลูก จะต้องใช้ระยะเวลาปลูกดูแลนาน 5-8 ปี จึงจะให้ผลผลิต มะตูมกลุ่มนี้จะมีลำต้นสูง อาจเกิดการกลายพันธุ์ได้ หากเลือกใช้ต้นพันธุ์มะตูมที่เกิดจากการเสียบยอดหรือทาบกิ่ง ใช้เวลาปลูกดูแลเพียงแค่ 3 ปี ก็จะเริ่มให้ผลผลิตแล้ว ผลมะตูมที่ได้จะมีลักษณะตรงกับต้นแม่พันธุ์ทุกประการ แถมลำต้นไม่สูงเหมือนกับต้นพันธุ์ที่ปลูกด้วยวิธีเพาะเมล็ด

โอกาสทางการตลาด ของ มะตูมยักษ์

มะตูม จัดอยู่ในกลุ่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ใช้เป็นวัตถุดิบป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม  มะตูมยักษ์เหมาะสำหรับทำมะตูมเชื่อม เพราะได้ปริมาณเนื้อเยอะ หากนำไปทำมะตูมตากแห้ง ก็สามารถแปรรูปได้หลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น ชามะตูม มะตูมผงชงพร้อมดื่ม น้ำมะตูม มะตูมผลสุก เหมาะสำหรับรับประทานเป็นผลไม้ หรือทำเค้กมะตูม เป็นต้น

ปัจจุบัน ไร่มะขามป้อมยักษ์ครูลออ นับเป็นแหล่งรวบรวมมะตูมคุณภาพสายพันธุ์ต่างๆ จำนวนมาก ทั้งมะตูมยักษ์ มะตูมนิ่ม มะตูมอินเดียแล้ว ยังมีมะขามป้อมยักษ์หลายสายพันธุ์ จำหน่ายให้แก่ผู้สนใจด้วย สามารถแวะชมสวนหรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับ คุณครูลออ ดอกเรียง ได้ที่ไร่มะขามป้อมยักษ์ครูลออ เลขที่ 14/2 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี 71150 โทร. (081) 756-0939 และ (084) 926-7259