สตง. เร่งสอบข้าว 9.4 แสนตันหาย อดุลย์เชื่อโปร่งใส “ถ้าหายจริงต้องมีคนรับผิดชอบ”

“อดุลย์” อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เผย นบข. เห็นชอบให้ส่งเรื่องให้กับ สตง. ตรวจสอบปริมาณข้าวส่วนต่าง 9.4 แสนตันแล้ว หากพบถ้าหายจริงต้องหาคนรับผิดชอบ เบื้องต้นกำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบ 1 เดือนให้สรุปผล ยันที่ผ่านมารัฐบาลทำงานอย่างโปร่งใส ส่วนการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาลล่าสุดเหลือ 7 หมื่นตันพร้อมเร่งระบายให้เร็วนี้

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่มีการเรียกร้องหาผู้รับผิดชอบกรณีข้าวในสต็อกรัฐบาลที่ยังติดค้างอยู่ในคลังสินค้าขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ไม่สามารถนำออกมาระบายได้เพราะมีข้าวหายไปจากบัญชีการตรวจนับเป็นจำนวนมากนั้น ว่า เบื้องต้น ในกรณีนี้ยังไม่ได้มีข้อสรุปว่ามีข้าวหายไปในสต็อกรัฐบาลปริมาณ 0.94 ล้านตัน หรือ 9.4 แสนตัน แต่ตัวเลขที่เกิดขึ้นเป็นส่วนต่างระหว่างตัวเลขทางบัญชีที่มีการรายงานครั้งแรกว่ามีปริมาณข้าวในสต็อกรัฐบาลที่มาจากโครงการรับจำนำข้าวปริมาณ 18.7 ล้านตัน แต่เมื่อมีการตรวจสอบจริงกลับพบว่ามีปริมาณข้าวอยู่ในสต็อกปริมาณ 17.76 ล้านตัน ดังนั้น ตัวเลขดังกล่าวจึงเป็นตัวเลขส่วนต่างที่เกิดขึ้น

ดังนั้น กรมฯในฐานะอนุกรรมการฯและเลขานุการพิจารณาระบายข้าว ได้นำประเด็นนี้เสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณา ล่าสุด นบข.ได้พิจารณาและมอบหมายให้ ส่งเรื่องให้กับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่ได้รับการยอมรับทุกฝ่าย เข้ามาตรวจสอบปริมาณข้าวส่วนต่าง 9.4 แสนตัน นั้นมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ต่างเพราะอะไร ซึ่งกรมฯได้ส่งเรื่องไปที่ สตง. เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2561 สตง.ก็ได้เข้ามาหารือกับกรมฯเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาและตรวจสอบกับหน่วยงานที่ดูแลต่อไป

อย่างไรก็ดี ระยะเวลาในการตรวจสอบปริมาณข้าวส่วนต่างที่เกิดขึ้น เบื้องต้น กำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2561 นี้ โดยเมื่อสรุปผลแล้วเสร็จ สตง. จะนำเรื่องส่งมาที่กรมฯ เพื่อรวบรวมข้อมูลและนำเสนอในที่ประชุม นบข. พิจารณาต่อไป แต่หากภายในระยะเวลาที่กำหนดยังไม่สามารถสรุปได้ ก็จะหารือว่าสาเหตุมาจากเรื่องอะไร เพราะอะไร เมื่อชี้แจงและเห็นสมควรจากเหตุผลที่มี ก็จะยืดเวลาในการตรวจสอบออกไปเพื่อให้ได้ข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

“หากสรุปไม่ทันเราก็ยืดเวลาออกไปได้ ซึ่งก็เป็นไปตามขบวนการ ขั้นตอน และเหตุผล แต่เมื่อมีข้อสรุปจากการตรวจสอบ และหากพบว่าถ้าปริมาณข้าวส่วนต่างในสต็อกรัฐบาล 9.4 แสนตัน หายไปจริง ก็ต้องดำเนินการตามขบวนการ ขั้นตอนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ที่ดูแลเรื่องนี้ ส่วนจะเป็นอย่างไร ยังไม่สามารถตอบได้เนื่องจากต้องรอผลการตรวจสอบจาก สตง. ก่อน พร้อมทั้งมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเท่าไร เพราะต้องบอกว่าเราไม่ทราบว่า 9.4 แสนตัน เป็นข้าวอะไร คุณภาพเป็นอย่างไร หายจริงหรือไม่ ดังนั้น จึงตอบไม่ได้”

ทั้งนี้ การดำเนินของกรมฯในฐานนะอนุระบายฯและเลขานุการฯ ก็ทำหน้าที่ในการระบายข้าวจาก มติที่ประชุม นบข. ที่เห็นชอบในการระบาย ปริมาณที่นำออกมาระบายจากตัวเลขที่ตรวจสอบจริงมีปริมาณ 17.76 ล้านตัน ซึ่งกรมฯก็ได้ดำเนินการระบายมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2557 โดยสามารถระบายข้าวไปได้แล้วกว่า 16.84 ล้านตัน มีมูลค่ากว่า 145,865 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันเหลือปริมาณข้าวคงค้างในสต็อกรัฐบาลที่รอการระบายเพียง 70,000 ตัน โดยแบ่งเป็นข้าวกลุ่ม 2 คือข้าวที่เข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ปริมาณ 20,000 ตันและข้าวกลุ่ม 3 คือ ข้าวที่เข้าสู่อุตสาหกรรมที่คนกินไม่ได้และสัตว์กินไม่ได้ ปริมาณ 50,000 ตัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดระบายได้เร็วๆนี้

นายอดุลย์ กล่าวอีกว่า จากนี้ก็ต้องรอผลการตรวจสอบจาก สตง. ว่าจะมีข้อสรุปผลจากการตรวจสอบเรื่องนี้เป็นอย่างไร และถ้าพบว่าหายจริงก็ต้องหาคนรับผิดชอบ เพราะต้องยอมรับว่างบประมาณที่ใช้ในโครงการเป็นเงินของแผ่นดิน ดังนั้น ก็ต้องมีความชัดเจนและโปร่งใสในทุกขบวนการ การทำงานทั้งหมด และย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้และก็ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว และการทำงานที่ผ่านมาทุกฝ่ายก็ทำงานอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้

Advertisement

ส่วนการส่งออกข้าวตั้งแต่ต้นปี จนถึงณ วันที่ 1 สิงหาคม 2561 ส่งออกข้าวไปแล้วปริมาณ 6.4 ล้านตัน มูลค่า 3,266 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ สถานการณ์ราคาข้าว ข้าวหอมมะลิ 100% ราคา 1,122 เหรียญสหรัฐต่อตัน ข้าวข่าว 5% ราคา 399 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนสถานการณ์ตลาดในต่างประเทศ ขณะนี้ผู้นำเข้ายังอยู่ระหว่างกาติดตามผลลผิตข้าวไทย เพื่อประเมินแต่ก็ยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอยู่ อีกทั้ง การส่งออกข้าวในปี 2562 ได้ตั้งเป้าการส่งออกไม่ต่ำกว่า 10 ล้านตัน และเร็วๆนี้ กรมฯเตรียมผลักดันการทำสัญญาซื้อขายข้าวล้านที่ 2 กับจีนในวันที่ 26 สิงหาคม 2561 นี้ ซึ่งได้ร่างสัญญาเสร็จแล้วโดยรอการพิจารณาจากจีนต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับในกรณีดังกล่าวนี้ได้มีการสอบถามไปยังพล.ต.ท. ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานองค์การคลังสินค้า (อคส.) เพื่อสอบถามในประเด็นดังกล่าว โดยได้คำตอบว่ายังไม่ทราบในรายละเอียดในประเด็นนี้ โดยขอเวลาในการดูข้อมูลและตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกันนี้ จะมอบหมายให้ผู้อำนวยการคลังสินค้า ไปติดตามรายละเอียดและตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงต่อไป

Advertisement