เผยแพร่ |
---|
ด้านนายประกอบ กล่าวว่า สหกรณ์จังหวัดเพชรบุรีได้พลิกวิกฤตเป็นโอกาส โดยขอความร่วมมือจากสหกรณ์ผู้ใช้น้ำหนองเตียนจำกัด และสหกรณ์ ผู้ใช้น้ำแม่ประจันต์ จำกัด เป็นเครือข่ายที่ตั้งอยู่เหนือเขื่อนเพชร การติดตังเครื่องสูบน้ำระบบไฟฟ้าที่สามารถสูบน้ำต่อวินาทีได้ในปริมาณ 1.5 ลูกบาศก์เมตร/วินาที หรือ 130,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน จำนวน 3 ตัว ซึ่งจะมีอัตราการสูบรวมประมาณ 450,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน และเร่งสูบน้ำลงคลองชลประทานสายย่อย ให้ไหลลงสู่นาในพื้นที่ของสมาชิกสหกรณ์ผู้ใช้น้ำกว่า 2,000 ไร่ นาน 15 วัน รวมแล้ว 15 วันคาดว่าจะสามารถระบายน้ำรวมทั้งหมดประมาณ 6,000,000 ลูกบาศก์เมตร แต่หากว่าสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ยังรุนแรงอยู่ก็จะสูบน้ำเข้านาให้เพิ่มขึ้นในลักษณะเป็นแก้มลิงกักเก็บน้ำไว้ให้มากที่สุด และเมื่อสถานการณ์น้ำคลี่คลาย ก็จะผันน้ำลงแม่น้ำเพชรบุรี เพื่อช่วยเหลือแบ่งปริมาณน้ำไหลเข้าสู่ตัวเมืองเพชรบุรีให้น้อยลง
ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวเป็นการบูรณาการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกรมชลประทานเพื่อแบ่งเบาสถานการณ์น้ำของกรมชลประทาน และเพื่อชาวเพชรบุรี การดำเนินการดังกล่าวไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เนื่องจากทางสหกรณ์เองมีค่าใช้จ่ายจากผู้ใช้น้ำของสหกรณ์อยู่แล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อภาครัฐ ภาครัฐไม่ต้องต้องมาเยียวยาให้แก่เกษตรกรชาวนาอีกด้วย
“น้ำที่ไหลมาจากเขื่อนแก่งกระจานมีสภาพเป็นสีขุ่นขาว นั่นหมายความว่าเป็นน้ำที่มาจากป่าบนเขา มีคุณภาพแร่ธาตุสารอาหารตามธรรมชาติมากมาย เมื่อตกตะกอนจะเป็นปุ๋ยชั้นดีของต้นข้าว ทำให้ชาวนาประหยัดปุ๋ยในการทำนาได้อีกทาง” นายประกอบ กล่าว
ด้านนายสรนันท์ รองประธานสหกรณ์ผู้ใช้น้ำหนองเตียนจำกัด กล่าวว่า ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมเป็นฤดูกาลเพาะปลูกข้าวของสมาชิกสหกรณ์ผู้ใช้น้ำหนองเตียน อำเภอท่ายาง แต่เนื่องจากขณะนี้เขื่อนแก่งกระจาน มีมวลน้ำจำนวนมากจนเต็มความจุจึงต้องปล่อยระบายอย่างรวดเร็ว และมีปริมาณมากเกินกว่าที่คลองระบายน้ำจะปล่อยได้ เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์จึงตกลงใจพร้อมกันเลื่อนการเพาะปลูกข้าว และใช้พื้นที่นาเป็นแก้มลิงโดยการสูบน้ำขึ้นมากักเก็บไว้ในนาในพื้นที่เหนือเขื่อนเพชร เพื่อช่วยแบ่งเบามวลน้ำให้การระบายน้ำเหนือเขื่อนเพชรส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ชาวนาจะชะลอการเพาะปลูกไปถึงประมาณต้นเดือนหน้า จึงจะเริ่มฤดูกาลเพาะปลูกอีกครั้ง แม้จะแบ่งเบาปริมาณน้ำได้ไม่มากแต่ก็ภูมิใจ และยินดีที่ชาวสหกรณ์ผู้ใช้น้ำได้มีโอกาสช่วยชาวเพชรบุรีส่วนรวม