สืบสาน “เกษตรทฤษฎีใหม่”!! มุ่งลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้เกษตรกร

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย จึงได้จัดทำโครงการ 5 ประสานสืบสาน “เกษตรทฤษฎีใหม่” ขึ้น เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาตั้งแต่ปี 2560 โดยส่งเสริมให้เกษตรกรที่มีความสมัครใจจาก 882 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 70,000 ราย และปี 2561 วางเป้าเกษตรกรเข้าร่วมอีก 70,000 ราย โดยน้อมนำหลักทฤษฎีใหม่ไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเองอย่างเหมาะสม ให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ของเกษตรกรตามภูมิสังคมของแต่ละพื้นที่

ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตร เป็นหน่วยงานหนึ่ง ได้ดำเนินการขับเคลื่อนโครงการ 5 ประสานสืบสาน“เกษตรทฤษฎีใหม่” ตั้งแต่ปี 2560 โดยสนับสนุนให้เกษตรกรนำแนวทางทฤษฎีใหม่มาปรับใช้ในการดำเนินกิจกรรมทางการเกษตร ในพื้นที่ของตนเองตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับพื้นที่ของเกษตรเพื่อให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถลดรายจ่ายในครัวเรือน และมีรายได้เสริม ซึ่งจากผลดำเนินงานร้อยละ 80 ของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีการปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตเป็นแนวเกษตรทฤษฎีใหม่และสามารถลดรายจ่ายในในครัวเรือนร้อยละ 30 จากรายจ่ายเดิม

นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ส่วนแผนงานในปี 2561ได้วางเป้าพัฒนาแปลงสู่เกษตรทฤษฏีใหม่เต็มรูปแบบ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เสริม ผลผลิตที่เหลือจากการบริโภค นำมาแบ่งปันและนำไปขายเป็นรายได้เสริมอีกทางหนึ่งด้วย และสามารถทำให้ “พอแบ่ง” ด้วยการขยายพื้นที่เพิ่ม มีกิจกรรมที่หลากหลายขึ้นเพื่อผลผลิตจะได้เหลือแบ่งปันและมี “รายได้เสริม” หลังจากทฤษฏีในขั้นแรกจะมุ่งทำให้ “พอกิน” โดยการเปิดสมัครเกษตรกรที่มีความพร้อมที่ “ระเบิดจากข้างใน” หรือเกษตรกรที่มีความตั้งใจจริงที่จะทำเกษตรกรทฤษฏีใหม่ด้วยตนเอง ซึ่งกรมวิชาการเกษตร จะทำหน้าที่ในการสนับสนุนปัจจัยในการผลิตควบคู่กับการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่เกษตรกร

“ในปี 2561กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดฝึกอบรมหลักสูตรกลางการปรับแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและสามารถนำไปปรับแนวคิดสร้างแรงจูงใจกับเกษตรกรในการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ที่ถูกต้องสามารถนำไปประยุกต์ตามแนวทางแต่ละขั้นได้ ประกอบด้วยวิชาแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรทฤษฎี การลดต้นทุนการผลิต การลดรายจ่าย การสร้างผลผลิตหรือสร้างรายได้ การจัดทำบัญชีครัวเรือน บัญชีต้นทุนการผลิต เป็นต้น”

ลุงถนอม มณีแสง วัย 67 ปี ซึ่งเป็นเกษตรกรตำบลหูช้าง อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัย นับเป็นอีกเกษตรกรต้นแบบที่สืบสานเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามรอยในหลวง รัชกาลที่ 9 บนพื้นที่ 12 ไร่ ด้วยการปลูกพืชผสมผสานหลากหลาย ทั้งกล้วย มะนาว ฝรั่ง ไม้ยืนต้นสร้างรายได้ให้ครอบครัวอย่างเป็นกอบเป็นกำ ลุงถนอม เล่า ว่าเดิมที่ปลูกพืชล้มลุก เช่น ปลูกคะน้า ปลูกข้าวโพดกิน รายได้เดือนหนึ่งก็ประมาณ 4-5 พัน บาท ครอบครัวมี 2 คน ตายาย ตอนนั้นพอกินพอใช้ เพราะปลูกข้าวกินเอง จากนั้นสมัครเข้าสู่โครงการทฤษฎีใหม่ของกรมวิชาการเกษตรในปี 2560 โดยหน่วยราชการได้นำพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์มาให้ อาทิ นำไก่ เป็ด ปลา ผัก มะพร้าว ให้พันธุ์พืช การยึดแนวทางพ่อหลวงทำให้มีรายได้ดีขึ้น จากการปลูกพืชที่หลากหลาย ต้นทุนลดลง ตอนนี้สวนสามารถขายฝรั่งได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 8,000 บาท รายได้เพิ่มขึ้น 1 เท่า ยังไม่รวมถึงพืชผลอื่นๆ อีกหลายชนิด นอกจากนี้ ยังได้รับการอบรมทำบัญชีครัวเรือน ซึ่งทำให้เห็นค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน สามารถนำมาควบคุมต้นทุนได้ง่ายขึ้น จะเห็นว่าถ้าค่าใช้จ่ายมากไป ก็สามารถเซฟลงมาได้ ควบคุมต้นทุนได้

“การยึดแนวเกษตรปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้ครอบครัวมีรายได้มั่นคงขึ้น ให้เราทำมาหากิน ทำให้รายได้เพิ่ม มีทั้งพืชระยะยาว และระยะสั้น มันสำปะหลังคือพืชระยะยาว ปลูกรวมๆ กันไป ฝรั่งขายได้กิโลกรัมละ 20 บาท พันธุ์กิมจู ถ้าขายส่งกิโลกรัมละ 10 บาท มันสำปะหลังประมาณ 6 ไร่ ที่ข้างๆ เค้าทำยังไม่ถึงฤดูเค้ากลัวเน่า ยังไม่ถึงฤดูที่จะเก็บเกี่ยว มันสำปะหลังเราขายป้อนโรงงาน ตอนนี้ไม่ต้องวัดเปอร์เซ็นต์เค้าซื้อ 2,200 บาท ต่อ 1 ตัน ของลุงจำนวน 6 ไร่ได้ประมาณ 4 ตัน ต่อ 10311 เดือน”

ขณะที่ นายธนกร บัวสังข์ และ นางกมล บุญเกิด สองสามีภรรยา เกษตรกรตำบลบ้านใหม่คลองเคียน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี หันหนีชีวิตมนุษย์เงินเดือนจากหนุ่ม-สาวโรงงานกลับมาพลิกแผ่นดินบ้านเกิดบนพื้นที่ 7ไร่ทำฟาร์มเห็ด ปลูกข้าวไรท์เบอร์รี่ เลี้ยงปลา เป็ด ไก่ผสมผสมกันอย่างลงตัว โดยได้เริ่มเข้าโครงการ “เกษตรทฤษฎีใหม่” เมื่อปี 2560

นายธนกร กล่าวว่า เดิมเป็นหนุ่มสาวชาวโรงงานอยู่กรุงเทพฯ มองว่าระบบโรงงานเป็นอาชีพที่ไม่ยั่งยืนรายได้ 2 คนรวมกัน 4 หมื่นบาท จึงตัดสินใจกลับบ้านเกิดหันมาทำเกษตร แต่ก่อนจะมาทำเกษตรก็ไปดูงานหลายๆ ที่ เช่น อ่างทอง สระบุรี เรีบนรู้การทำเห็ด ซึ่งไม่ต้องลงทุนเยอะ ก็ทำได้ และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทุกอาทิตย์ อาทิตย์หนึ่งเฉลี่ย 40 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 70 บาท รวมทั้งเดือนประมาณ 12,000 บาท รวมทั้งได้ปลูกผักไว้กินเอง เลี้ยงเป็ด เลี้ยงปลา เสริมรายได้

“การทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ทำให้ชีวิตเราอยู่ดีมีสุข คือ ได้กินของที่ปลอดภัย ปลูกผักกินเองไม่ต้องซื้อแถมประหยัดเรื่องพลังงานไม่ต้องใช้ตู้เย็น เพราะผลผลิตเก็บกินสดๆ ตลอดปี”

ทั้งหมด คือ แนวทางของในหลวง รัชกาลที่ 9 โดยมุ่งหวังจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ อันเกิดจากการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ครอบครัว และชุมชน โดยการสร้างอาชีพอย่างเหมาะสมกับทรัพยากรและปัจจัยการผลิตที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า

ที่มา : มติชนออนไลนฺ์