ชาวกะเหรี่ยง เผยชีวิตเปลี่ยนหลัง ในหลวง ร.9 เสด็จพระราชดำเนินไปถึง ปลูกผักสลัดรายได้มั่นคง

 

นายสุดี มิตรยอดดอย อายุ 47 ปี ชาวเผ่ากะเหรี่ยง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 18 ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ได้ถือรูปที่เคยเฝ้ารับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และห้อยเหรียญพระราชทานที่ได้รับตกทอดมาจากบิดาและมารดาไว้ที่คอ โดยมีอักษร “ภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ ๙” และอีกด้านมีอักษร “เหรียญที่ระลึกสำหรับชาวเขา ชม 175114” กล่าวว่า ตอนที่ทราบข่าวว่าพระองค์สวรรคต ตนรู้สึกเสียใจมาก ชาวกะเหรี่ยงทุกคนก็เสียใจ และอยากเดินทางมาสักการะพระบรมศพ แต่ไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะเดินทางมากรุงเทพฯ ได้แต่ไปแสดงความอาลัยที่ทางจังหวัดจัดพื้นที่ไว้ให้ ส่วนตนก็ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่เพื่อจะมาสักการะพระบรมศพ เพราะเกรงว่าถ้าใส่ชุดชาวเขาที่มีสีแดงอาจจะไม่สุภาพ

นายสุดีกล่าวต่อว่า เมื่อประมาณปี 2525 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาทอดพระเนตรแปลงปลูกผักที่หมู่บ้านตน ซึ่งตนได้เฝ้าฯ รับเสด็จด้วย ขณะนั้นตนอายุ 13 ปี เมื่อได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจและภูมิใจมาก ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าพูดอะไรบ้างและพระองค์รับสั่งอะไร เพราะตนยังพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่มีล่ามแปลให้ ตนรู้สึกได้ว่าพระองค์ไม่รังเกียจประชาชนเลย แม้กระทั่งพวกตนที่เป็นชาวเขา พระองค์ก็ยังมาให้ความช่วยเหลือ ทำให้หมู่บ้านพัฒนาขึ้นมาก โดยมีถนนสัญจรไปมาสะดวก

s__9117721-696x495

นายสุดี กล่าวอีกว่า เมื่อก่อนครอบครัวตนยากจนมาก ไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย แต่พอได้ปลูกผักสลัดแก้วส่งโครงการหลวงก็ทำให้ตนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาก เพราะมีรายได้แน่นอนและมั่นคง โดยเฉลี่ยเดือนละ 10,000-20,000 บาท ซึ่งตนได้ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยจัดสรรพื้นที่ปลูกผักหลากหลาย ปลูกดอกไม้ และเลี้ยงไก่ไว้กินเอง รวมถึงสอนลูกหลานให้ดำเนินชีวิตตามรอยพระยุคลบาทด้วย

“ผมติดตามข่าวก็เห็นพระองค์ทรงงานหนักมาตลอดและทรงเหนื่อยมามากแล้ว เพราะพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปช่วยเหลือคนทุกที่ ด้วยพระเมตตาของพระองค์ที่มีต่อชาวเขาก็ทำให้พวกผมมีชีวิตที่ดีและอยู่อย่างเป็นสุข ผมได้อธิษฐานขอพระบารมีพระองค์ปกป้องคุ้มครองให้ประเทศไทยมีความสงบสุข” นายสุดีกล่าวด้วยความตื้นตันใจ