อบจ. ‘สกลนคร-จันทบุรี’ ช่วยชาวนา จับคู่เจรจาสั่งซื้อข้าวคุณภาพดี

นายชัยมงคล ไชยรบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สกลนคร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาชาวนาถูกผลิตคำพูดไว้อย่างสวยหรู ว่า เป็นกระดูกสันหลังของชาติ แต่ปัจจุบันชาวนาอยู่ในสภาวะผลผลิตตกต่ำ อาจไม่สามารถขายข้าวให้ต่างชาติได้ แต่เชื่อมั่นว่าในประเทศไทยยังมีจังหวัดที่สั่งข้าวเข้าไปบริโภค รวมถึงจังหวัดจันทบุรี ต้องสั่งข้าวเข้าไปกิน หากจับคู่ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ.) บริหารจัดการแทนโรงสี เพื่อนำข้าวคุณภาพดี ต้นทุนต่ำจากจังหวัดสกลนคร ส่งให้ผู้บริโภคในจังหวัดจันทบุรีหรือจังหวัดอื่นๆ ที่สั่งข้าวกิน จะสามารถแก้ปัญหาได้

“การทำนาในภาคอีสาน ส่วนหนึ่งเก็บไว้กิน อีกส่วนนำไปขาย สกลนครมีปริมาณการผลิตข้าว 6-7 แสนตัน บริโภคภายในจังหวัด ประมาณ 3 แสนตัน ส่วนที่เหลือคือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก ต้องสั่งข้าวเข้าไปบริโภคภายในจังหวัด ถ้า อปท. สำรวจความต้องการขายและความต้องการซื้อของแต่ละจังหวัด แล้วให้ท้องถิ่นประสานความร่วมมือ จะเป็นแนวทางแก้ปัญหาให้ชาวนาได้ ทั้งนี้ อปท. มิได้มุ่งหวังทำการค้าแข่งขันกับผู้ใด แต่มองที่ชาวนาไม่สามารถจัดการเรื่องการตลาดได้ จึงต้องจัดการชาวนาให้เข้มแข็ง มี อปท. เป็นผู้ประคับประคอง ขอยืนยันจะทำเรื่องนี้อย่างดีที่สุด โดยนัดพูดคุยกับท้องถิ่นทั้งประเทศจับคู่แลกเปลี่ยนสินค้ากัน” นายชัยมงคล กล่าว

นายธนภณ กิจกาญจน์ นายก อบจ. จันทบุรี กล่าวว่า ประชาชนชาวจันทบุรี 80% มีอาชีพทำสวนผลไม้ ซึ่งจันทบุรีและสกลนคร เรามีความคล้ายคลึงกัน โดยจันทบุรีมีศูนย์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์คุ้งกระเบน ส่วนสกลนครมีศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานฯ ซึ่งจันทบุรีมีผลไม้เป็นหลัก ส่วนสกลนคร 85% มีข้าวเป็นหลัก ดังนั้น ทั้ง 2 จังหวัด หรืออีกหลายๆ จังหวัด จึงมีแนวคิดเสนอกระทรวงมหาดไทย หรือกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ อปท. ทุกระดับดำเนินการช่วยเหลือ เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของรัฐบาล

“อบจ. สกลนคร และ อบจ. จันทบุรี ตกลงกันว่าจะนำข้าวสารคุณภาพดีจากสกลนคร ต้นทุนไม่สูงของชาวนาสกลนคร ไปขายที่จันทบุรีอย่างน้อย 50 ตัน ก่อน และจะสั่งข้าวเข้าไปจำหน่ายเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ ชาวนาสามารถขายข้าวในราคาที่พึงพอใจ การกดขี่หรือการเอารัดเอาเปรียบจากโรงสีคงจะไม่เกิดขึ้น”

 

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน