ที่มา	ครัวชาวบ้าน
ผู้เขียน	พิชญาดา เจริญจิต
เผยแพร่	วันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2564

อาหารของไทยมีชื่อเสียงดังไปไกลถึงต่างประเทศหลากหลายเมนู และหากเอ่ยชื่อเมนูอาหารชื่อดังของไทย ที่นอกจาก ต้มยำกุ้ง ส้มตำ แล้ว ผัดไทย ก็ถือว่าเด็ดเช่นเดียวกัน และปัจจุบันถือได้ว่าเป็นเมนูประจำชาติไทยไปแล้ว

เชื่อว่าหลายๆ คน เมื่อนึกถึงอาหารไทยๆ จานเดียวประเภทเส้นก็ต้องคิดถึงอาหารจาน ผัดไทย เป็นอันดับแรกๆ เสมอ และยิ่งในหมู่ชาวต่างชาติด้วยแล้ว ต้องบอกว่าเขารู้จักและชื่นชอบผัดไทยมากกว่าคนไทยเราซะอีก! ดังจะเห็นได้จากมีร้านอาหารไทยในต่างแดนผุดขึ้นมากมาย และยิ่งเป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะฝรั่งทางยุโรปที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้ว ส่วนมากต้องแวะมาลองลิ้มชิมอาหารจาน ผัดไทย อย่างแน่นอน

ที่มาของผัดไทย

ผัดไทย เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารจีน เดิมเรียกอาหารชนิดนี้ว่า ก๋วยเตี๋ยวผัด และได้รับการเปลี่ยนแปลงด้านรสชาติใหม่ตามอย่างอาหารไทยมากขึ้นในเวลาต่อมา

ผัดไทย เป็นที่รู้จักของคนต่างชาติในสมัยนายกรัฐมนตรี จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในขณะนั้นซึ่งเป็นช่วงเดียวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งท่านได้รณรงค์ให้ประชาชนหันมากินก๋วยเตี๋ยวให้มากขึ้น เพื่อลดการกินข้าวภายในประเทศ เนื่องจากในช่วงนั้นสภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ ข้าวยาก หมากแพง

โดยท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า…อยากให้พี่น้องกินก๋วยเตี๋ยวให้ทั่วกัน เพราะก๋วยเตี๋ยวมีประโยชน์ต่อร่างกาย มีรสชาติเปรี้ยว เค็ม หวานพร้อม ทำเองได้ในประเทศไทย หาได้สะดวกและอร่อยด้วย หากพี่น้องชาวไทยกินก๋วยเตี๋ยวคนละหนึ่งชามทุกวัน วันหนึ่งจะมีคนกินก๋วยเตี๋ยวสิบแปดล้านชาม ตกลงวันหนึ่งค่าก๋วยเตี๋ยวของชาติไทยหนึ่งวันเท่ากับเก้าสิบล้านสตางค์เท่ากับเก้าแสนบาท เป็นจำนวนเงินหมุนเวียนมากพอใช้ เงินเก้าแสนบาทนั้นก็จะไหลไปสู่ชาวไร่ ชาวนา ชาวทะเลทั่วกัน ไม่ตกไปอยู่ในมือใครคนหนึ่งคนใดเพียงคนเดียว และเงินหนึ่งบาทก็มีราคาหนึ่งบาท ซื้อก๋วยเตี๋ยวได้เสมอ ไม่ใช่ซื้ออะไรก็ไม่ได้เหมือนอย่างทุกวันนี้ซึ่งเท่ากับไม่มีประโยชน์เต็มที่ในค่าของเงิน

ด้วยเพราะกระแสชาตินิยมที่มองว่า ก๋วยเตี๋ยว เป็นอาหารจีน จึงได้ดัดแปลงให้ผัดไทยเป็นอาหารไทย ซึ่ง ผัดไทย ในยุคแรกใช้เส้นจันท์เป็นเส้นในการผัด ส่วนหมูนั้นก็จะไม่ใส่ เพราะมองว่าเป็นผัดซีอิ๊วมากกว่า ซึ่งจะทำให้เหมือนกับอาหารจีนมากเกินไป โดยจะใส่กุ้งแห้งแทน นอกจากนี้ ยังใส่เต้าหู้เหลือง มะนาว ใบกระเทียม หัวปลี และถั่วงอก ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในประเทศไทย และเรียกเปลี่ยนชื่อ ก๋วยเตี๋ยวผัด เป็น ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ตามชื่อใหม่ของประเทศ ปัจจุบันเรียกกันโดยย่อเหลือเพียงแค่ ผัดไทย

จนทำให้ในปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติไทย

ในเวียดนามมีอาหารที่ใกล้เคียงกันเรียกว่า เฝอส่าว หรือ บั๊ญเฝอส่าว แปลว่า เฝอผัดในแถบประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย บรูไน มีอาหารคล้ายผัดไทย เรียกว่า ช่าก๋วยเตี๋ยว ประกอบด้วย เส้นก๋วยเตี๋ยวเส้นแบนๆ ใส่กุ้ง หอย ไข่ ปลา ถั่วงอก กุนเชียง ใช้น้ำมันหมูในการผัด และรองด้วยใบตองในการเสิร์ฟ ซึ่งพบได้ทั่วไปในปีนัง

เมนูผัดไทย

เมนูผัดไทยอยู่คู่ครัวเรือนคนไทยมาตราบนานเท่านาน แถมยังโด่งดังไปทั่วโลกอีกต่างหาก ผัดไทยเป็นเมนูที่ทำง่ายๆ ซึ่งทุกคนควรจะเรียนรู้การทำไว้ เผื่อได้มีโอกาสโชว์ฝีมือทำอาหารไทยให้ใครๆ ได้ลองกินบ้าง และที่สำคัญวิธีทำก็ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอะไรเลย

ส่วนผสม

​1. ซอสผัดไทย (น้ำตาลปี๊บ ​น้ำมะขามเปียก น้ำปลา พริกป่น (เผ็ดตามชอบ)

วิธีทำ ซอสผัดไทย

ผสมน้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา และพริกป่นเข้าด้วยกัน นำขึ้นตั้งไฟพอร้อนและน้ำตาลปี๊บละลายเตรียมไว้ (ถ้าต้องการเก็บไว้หลายวันให้รอจนเดือดแล้วเก็บใส่ขวดหรือภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด)

2.กุ้งสด หรือกุ้งแห้ง (ตามชอบ)

3.​เต้าหู้เหลือง (หั่นเต๋า)

4.ไชโป๊ว (สับละเอียด)

5.ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก แช่น้ำจนนิ่ม

6.ถั่วงอกดิบ

7.ใบกุยช่าย (หั่นท่อนสั้น)

8.ไข่ไก่

9.น้ำมันพืช (สำหรับผัด)

10.ถั่วลิสงคั่ว บด (ตามชอบ)

11.​​​ผักสด (สำหรับทานคู่)

วิธีทำผัดไทย
1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ตามด้วยเต้าหู้ลงไปผัดพอให้เหลืองหอม ตามด้วยไชโป๊วสับ ผัดพอเข้ากัน ใส่น้ำซอสผัดไทยที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้เข้ากันจนเริ่มเดือด
2. ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวที่แช่น้ำแล้วลงไปผัดให้เข้ากันเบาๆ แล้วใช้ตะหลิวเขี่ยเส้นไปไว้ข้างกระทะ
3. ตอกไข่ไก่ลงไป ยีให้พอแตก รอจนไข่เริ่มสุกแล้วนำส่วนผสมเส้นมาผัดให้เข้ากัน ตามด้วยกุ้งสดหรือกุ้งแห้ง ชิมให้ได้รสชาติตามต้องการ เสร็จแล้วตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผักสด ปรุงรสด้วยพริกป่น ถั่วลิสงคั่วบด น้ำตาลทราย และน้ำมะนาวตามชอบเลยค่ะ

ผัดไทย โดยทั่วไปจะนำเส้นเล็กมาผัดด้วยไฟแรงกับไข่ ใบกุยช่าย ถั่วงอก หัวไชโป๊วสับ เต้าหู้เหลือง ถั่วลิสงคั่ว และกุ้งแห้ง ปรุงรสด้วยพริก น้ำปลา และน้ำตาล เสิร์ฟพร้อมกับมะนาว ใบกุยช่าย ถั่วงอกสด และหัวปลีเป็นเครื่องเคียง ร้านผัดไทยบางแห่งจะใส่เนื้อหมูลงไปด้วย บางที่อาจจะใช้เส้นจันท์ซึ่งเหนียวกว่าเส้นเล็ก เรียกว่า ผัดไทยเส้นจันท์ หรือใช้วุ้นเส้น เรียกว่า วุ้นเส้นผัดไทย รวมทั้งผัดหมี่โคราชที่มีลักษณะคล้ายผัดไทย กินกับส้มตำ

นอกจากนี้ ยังมีผัดไทยประยุกต์ โดยนำส่วนผสมทุกอย่างผัดให้เข้ากัน แล้วนำไข่เจียวมาห่อผัดไทยทีหลัง เรียกว่า ผัดไทยห่อไข่ หรือบางที่อาจจะใส่กุ้งสดแทนกุ้งแห้ง เรียกว่า ผัดไทยกุ้งสด ร้านขายผัดไทยมักจะขายหอยทอดหรือขนมผักกาดควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากเครื่องปรุงที่ใช้มีหลายอย่างใช้ร่วมกัน

ความหลากหลายของผัดไทย

ผัดไทยในแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกันบ้าง แต่พื้นฐานส่วนมากผัดไทยส่วนมากมักจะนิยมใส่กุ้งสด ผัดกับเส้นจันท์หรือเส้นหมี่โคราช และถ้าห่อไข่ด้วยแล้ว ก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น

อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ปรุงรสด้วยน้ำตาลโตนด

เยาวราช ใส่กุ้งต้มที่ออกรสเค็ม ขายในกระทงใบตอง

จังหวัดอ่างทอง รสหวานนำ โรยหน้าด้วยมะม่วงดิบสับ หรือมะเฟืองเปรี้ยวดิบซอย ตามฤดูกาล

จังหวัดสมุทรสงคราม ใส่ถั่วเหลืองต้มและหมูสามชั้น

จังหวัดสุโขทัย นครสวรรค์ ใส่ถั่วฝักยาว กุ้งแห้ง กุ้งสด ผัดหมี่ด้วยน้ำปรุงแล้วนำมาห่อไข่ โรยหน้าด้วยถั่วลิสง พริกป่น น้ำตาลนิดหน่อย กินคู่กับใบกุยช่าย และถั่วงอก

จังหวัดชุมพร ใส่น้ำพริกแกง ผัดกับกะทิ ใส่ปูม้า

ผัดไทยทางภาคตะวันออก เช่น ระยอง จันทบุรี ใส่น้ำโล้ซึ่งเป็นน้ำพริกที่ปรุงจากพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม เคี่ยวกับน้ำปลา น้ำตาล และน้ำมะขามเปียก ผัดกับเส้นจันท์เหนียวนุ่ม

ผัดไทยท่าฉาง และไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี รสชาติเข้มข้น จัดจ้าน เปรี้ยว หวาน เค็ม มัน และเผ็ดจากเครื่องแกงใต้ที่ผัดกับกะทิจนหอม

ผัดไทยปากพนัง หรือผัดหมี่ปากนัง รสชาติเข้มข้น หอมน้ำพริกผัดไทยที่ผัดกับหัวกะทิ กินคู่กับมะม่วงซอย ผักสดต่างๆ ได้ครบรสชาติ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม

ผัดไทย ถือเป็นอาหารสัญลักษณ์หรือเอกลักษณ์สำหรับประเทศไทย โดยติด 1 ใน 10 อาหารไทยยอดนิยมที่ชาวต่างชาติและคนไทยชอบกินเคียงคู่กันมาติดๆ กับผัดซีอิ๊วและผัดเส้นอื่นๆ ผัดไทย เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติ กลมกล่อม กินง่าย ไม่เผ็ดจนเกินไป จึงเป็นที่นิยมของคนทั่วไป สำหรับผู้ที่ชอบรสชาติจัดจ้านก็สามารถใส่เครื่องปรุงเพิ่มเติมได้อีก เวลาจะกินก็แค่บีบมะนาวหรือมีมะม่วงซอยลงไปด้วยสักหน่อย รับรองว่าอร่อยอย่าบอกใครเชียว และยิ่งได้กินคู่กับถั่วงอกสด หัวปลี และใบกุยช่าย ต้องขอบอกว่าได้ทั้งความอร่อย แถมยังได้เพิ่มผักและเส้นใยในมื้ออาหารนั้นได้อีกด้วย

…………………………….

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2561