ผู้เขียน | สกู๊ปน.1 มติชนรายวัน |
---|---|
เผยแพร่ |
ข้อเรียกร้องของ “ภาคประชาชน” ที่ให้รัฐบาลยกเลิกการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช (ยาฆ่าหญ้า) 3 ชนิด ประกอบด้วย พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต กลับมาร้อนระอุอีกครั้ง หลังจากที่คณะลูกขุนของศาลในนครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา มีคำสั่ง เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2561 ให้มอนซานโต บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจการเกษตรจ่ายค่าชดเชย 289 ล้านดอลลาร์ หรือราว 9,619 ล้านบาท ให้กับอดีตผู้ดูแลสนามหญ้าของโรงเรียนที่กำลังจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง
ด้วยเหตุผลว่า สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ยอดนิยมของกลุ่มเกษตรกร ในชื่อทางการค้า ราวด์อัพ ของมอนซานโต เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง
แม้ว่า มอนซานโต ยังปฏิเสธและประกาศจะยื่นอุทธรณ์เพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ใช้มานาน 40 ปี แต่ถือว่าคดีนี้จะเป็นบรรทัดฐานของอีกประมาณ 5,000 คดี ทั้งในศาลของรัฐและศาลรัฐบาลกลาง ที่มีการฟ้องร้องกล่าวหาว่าผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ในทำนองเดียวกัน
และภาคประชาชนของไทยก็กำลังจะใช้บรรทัดฐานนี้กับหน่วยงาน หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณา ยกเลิก หรือ ไม่ยกเลิก การใช้ทั้ง 3 สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ในปีเดียวกันก่อนหน้านี้ เครือข่ายผู้บริโภค กลุ่มเกษตรกรทางเลือก และนักวิชาการสายสุขภาพ ในนามเครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษอันตราย 369 องค์กร ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ คณะกรรมการวัตถุอันตราย ทบทวนและยกเลิกการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชทั้ง 3 ชนิด ในภาคเกษตรกรรม
พร้อมทั้งรวบรวมข้อมูลทางวิชาการใหม่ๆ มาสนับสนุนความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องยุติการใช้ คือ 1.สารดังกล่าวมีพิษเฉียบพลันสูง ซึ่งพบว่าผู้ป่วย ร้อยละ 10 เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากการใช้สารดังกล่าว
2.เกิดพิษเรื้อรัง โดยพาราควอตทำให้เกิดโรคพาร์กินสัน ส่วนคลอร์ไพริฟอสมีผลต่อสมองทารก 3.พบการตกค้างตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง คือ พบพาราควอตในน้ำ ดิน พืชอาหาร ปู ปลา หอย ที่สำคัญตกค้างในแม่ตั้งครรภ์และส่งผลถึงทารกในครรภ์ และพบในขี้เทาเด็กแรกเกิดที่มีแม่เป็นเกษตรกรมากกว่าครึ่ง ส่วนคลอร์ไพริฟอสตกค้างมากที่สุดในผัก
4.หากตกค้างในอาหารจะล้างไม่ออก โดยเฉพาะพาราควอตยิ่งเคี่ยวยิ่งเข้มข้นมากขึ้น 5.มากกว่า 50 ประเทศ แบนแล้ว ทั้งประเทศคิดค้น ประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ และประเทศเพื่อนบ้าน
และ 6.แม้จะจำกัดการใช้ ก็ไม่ช่วยแก้ไขปัญหา เพราะระบบการเฝ้าระวังในประเทศไทยยังไม่ดีพอ ที่สำคัญ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็เสนอให้ยกเลิกใช้ เพราะสารเคมีกำจัดวัชพืชเหล่านี้ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
แต่ปรากฏว่า วันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการวัตถุอันตรายกลับลงมติเสียงข้างมาก อนุญาตให้มีการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด แบบจำกัดการใช้ ให้เหตุผลว่ายังไม่มีสารตัวอื่นทดแทนและเกษตรกรจำเป็นต้องใช้ โดยมอบหมายให้กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดทำแนวทางการจำกัดการใช้เสนอกลับให้พิจารณาภายใน 60 วัน แต่ผ่านไป 2 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ กระทั่ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง มีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นัดประชุมในวันที่ 22 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล
ล่าสุด คณะนักวิจัย ของสำนักกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้ลงไปศึกษาวิจัยโรคเนื้อเน่า ที่ จ.หนองบัวลำภู พบข้อมูลเชิงประจักษ์ว่า นับตั้งแต่ ปี 2557 ที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู มีสถิติผู้ป่วยโรคเนื้อเน่าเข้ารับการรักษาประมาณปีละ 120 ราย โดยในปี 2560 พบว่า ในช่วง 10 เดือน มีผู้ป่วยด้วยโรคนี้มากถึง 102 ราย เสียชีวิตแล้ว 6 ราย แม้หลายรายยังไม่เสียชีวิต แต่ต้องตัดแขน ตัดขา ซึ่งคาดว่ามีความสัมพันธ์กับสารเคมีทางการเกษตร
ขณะนี้ เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษอันตราย 369 องค์กร รวมถึงกรรมการปฏิรูประบบสาธารณสุข มีความเห็นตรงกันว่า มติของกรรมการวัตถุอันตรายเข้าข่ายผิด มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมีการรวมตัวเคลื่อนไหวเรียกร้องมากขึ้น ตามลำดับ
วันที่ 18 สิงหาคม เครือข่ายประชาชนแถลงร่วมกับผู้แทนของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เครือข่ายเกษตรกรทางเลือก และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข สนับสนุนการแบนสารพิษที่มีความเสี่ยงสูง และทางเลือกของเกษตรกร ที่อาคารสันนิบาตสหกรณ์ ถนนพิชัย เขตดุสิต
วันที่ 20 สิงหาคม เวลา 13.00 น. เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thai-Pan) และมูลนิธิชีววิถี (BioThai) แถลงเปิดเผยข้อมูลลับ เอกสารที่ถูกปกปิด และมติอัปยศ : เบื้องหลังคณะกรรมการวัตถุอันตรายไม่แบนสารพิษอันตรายร้ายแรง ที่สวนชีววิถี ไทรม้า จ.นนทบุรี มีการถ่ายทอดผ่านเฟซบุ๊ก ไลฟ์
วันที่ 21 สิงหาคม คณะทำงานปฏิรูประบบความหลากหลายทางชีวภาพ กรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ จัดประชุมนำเสนอข้อมูลผลกระทบของพาราควอตต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และเรียกร้องให้แบนสารพิษร้ายแรง
นอกจากนี้ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขจะประชุมร่วมกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสรุปเป็นมติจากที่ประชุมเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
วันที่ 22 สิงหาคม คณะกรรมการแก้ไขปัญหาสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยงสูง ที่นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้ง จัดประชุมนัดแรก
และอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์ มูลนิธิชีววิถีและมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จะแถลงอย่างเป็นทางการฟ้องเอาผิดคณะกรรมการวัตถุอันตราย
ปัญหานี้จะลงเอยอย่างไร จากนี้คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด