จี้เกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน ภายในเดือนนี้ ก่อนถูกตัดสิทธิ์ขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตร เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่ในการรับขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรของประเทศไทย โดยในปี 2561 มีเป้าหมายการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรทั้งหมด จำนวน 5,700,000 ครัวเรือนทั่วประเทศ แต่ปัจจุบันมีเกษตรกรมาขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ส.ค. 2561) จำนวน 4,758,382 ครัวเรือน คิดเป็น 83.48% จากเป้าหมายการขึ้นทะเบียนเกษตรกรทั้งหมด ซึ่งยังมีเกษตรกรอีกประมาณ 1 ล้านครัวเรือน ที่ยังไม่มีการมาแจ้งปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ทำให้กรมส่งเสริมการเกษตรต้องเร่งรัดการขึ้นทะเบียนเกษตรกรดังกล่าวนี้

ทั้งนี้ ปี 2561 กรมส่งเสริมการเกษตร ได้เร่งรัดติดตามงานการขึ้นทะเบียนเกษตรกรไปยังสำนักงานเกษตรจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์ไปยังเกษตรกรเป้าหมายเหล่านี้ให้มาแจ้งปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรโดยเร็ว โดยแจ้งหลังปลูกพืชแล้ว 15-60 วัน และให้ทันกับกรอบระยะเวลาการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ในปี 2561 ในกรณีที่เกษตรกรไม่มาปรับปรุงทะเบียนนานเกิน 3 ปี (นับถัดจากวันที่ 23 มิ.ย. 2560) จะถูกตัดบัญชีทะเบียนเกษตรกรทิ้งทันที ทำให้หมดสิทธิ์ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ

ตาม ครม. มีมติเมื่อ วันที่ 24 ก.ค. 2561 เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2561/2562 โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพ โดยการจ่ายค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ไร่ละ 1,500 บาท ตามพื้นที่ปลูกข้าวจริง ไม่เกินครัวเรือนละ 12 ไร่ หรือคิดเป็นเงินไม่เกินครัวเรือนละ 18,000 บาท ขณะนี้มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพื่อรับสิทธิแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ส.ค. 2561) จำนวน 2,928,706 ครัวเรือน และผ่านการตรวจสอบพื้นที่เพื่อรับเงินแล้ว จำนวน 354,209 ครัวเรือน โดยสิ้นสุดการรับขึ้นทะเบียนเพื่อรับสิทธินี้ วันที่ 31 ส.ค. 2561 ที่จะถึงนี้และส่งมอบบัญชีทะเบียนเกษตรกรทั้งหมดที่ผ่านการตรวจสอบแล้วให้กับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินการต่อไป

สำหรับวิธีการแจ้งขึ้น/ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรทำได้หลายช่องทาง ได้แก่ 1. ให้เกษตรกรติดต่อสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ทำการเกษตร 2. แจ้งผ่านอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) 3. แจ้งผ่านสมุดทะเบียนเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชั่น DOAE Farmbook ซึ่งแอปพลิเคชั่นนี้จะทำให้เกษตรกรทราบข้อมูลของตนเองได้ตลอดเวลา และมีความสะดวกในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทำให้ไม่ต้องเดินทางไปยังสำนักงานเกษตรอำเภอ

ประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรนั้น คือ 1. เป็นฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรในการพิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ หรือมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ของรัฐ 2. เป็นเอกสารยืนยันตัวตนความเป็นเกษตรกร และ 3. เกษตรกรได้รับสิทธิความช่วยเหลือในกรณีประสบภัยพิบัติ หรือตามมาตรการแก้ปัญหาและจ่ายเงินชดเชยเยียวยาจากภาครัฐ

 

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์

Advertisement