อภัยภูเบศรชี้ อังกาบหนู สรรพคุณป้องกันสมองเสื่อม ยังไร้งานวิจัยมะเร็ง

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวถึงสมุนไพรอังกาบหนู ว่า เป็นพืชสมุนไพรเก่าแก่ ที่ จ.ปราจีนบุรี พบว่า มีอยู่มาก ส่วนใหญ่ปลูกที่บ้านหมอยา แต่ยังไม่เคยเจอในป่าธรรมชาติ ข้อมูลที่ตนได้ยินครั้งแรกเกี่ยวกับมะเร็ง คือ รักษาแผล ฝีภายในกับฝีภายนอก แต่จริงๆ มะเร็งสำหรับคนในอดีตกับคนปัจจุบันแตกต่างกัน ทั้งนี้สรรพคุณจากหมอพื้นบ้านพบว่าคล้ายกับสมุนไพรในกลุ่มฟ้าทะลายโจร เสลดพังพอน เหงือกปลาหมอ ทองพันชั่ง รางจืด กระดูกไก่ดำ เสนียด เป็นต้น ใช้คล้ายๆ กันคือ แก้อักเสบ แก้ปวด แก้ไข้ แก้หวัด แก้ไอ เป็นยาบำรุง รักษาริดสีดวง ทั้งนี้ การรักษาเด่นๆ อาทิ เท้าเปื่อยจากน้ำกัดเท้า มือเท้าปาก ตุ่มคัน ไข้จากไวรัส จะเอามาแช่อาบในเด็ก โรคในช่องปากและฟัน โรคผิวหนัง แผลในกระเพาะ ปวดท้อง ขับปัสสาวะ นอกจากนี้พบว่ามีการวิจัยมากพอสมควรเรื่องการแก้อักเสบ แก้ปวด ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย ไวรัส เบาหวาน ความดัน อาจจะเพราะมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ขับเหงื่อ และมีฤทธิ์ไปยับยั้งเอนไซม์ที่ทำลายสารต้านอนุมูลอิสระโดยธรรมชาติ และยับยั้งเอนไซม์ที่ทำลายสารป้องกันสมองเสื่อม จึงน่าจะมีประโยชน์ต่อสมอง

ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร

“ที่ผ่านมาเราพบว่า เคยมีคนศึกษาสารสกัดจากใบและต้นของพืชสมุนไพรอังกาบหนู พบว่า มีโครงสร้างแอนตี้มะเร็ง แต่เมื่อเอามาทดสอบการต้านมะเร็งจริงๆ ก็พบว่า ยังไม่ได้ผล เพราะสารสกัดยังน้อย เพราะฉะนั้น อังกาบหนู ยังเป็นสมุนไพรที่น่าจะมีการศึกษาต่อ เพราะน่าจะมีประโยชน์ในหลายเรื่อง รวมถึงโรคมะเร็ง แต่ต้องบอกว่าเรื่องมะเร็งนั้นมีความซับซ้อน ตั้งแต่ชนิด ระยะเวลาที่เป็นโรค ความรุนแรงของโรค ปริมาณที่กิน ซึ่งตนไม่เชื่อว่าปริมาณที่ต้มกินโดยทั่วไปจะรักษามะเร็งหาย แต่คิดว่ายังคงเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์และน่าทำการศึกษาต่อไป ซึ่งขณะนี้ทาง รพ.อภัยภูเบศร ก็เล็งเอาไว้ว่าจะมีการศึกษาต่อ ตอนนี้กำลังเพาะพันธุ์เพื่อการพัฒนาต่อยอด แต่ก็ต้องดูว่าจะทำอะไรต่อไป” ภญ.สุภาภรณ์ กล่าว และว่า ตนอยากขอร้องสื่อมวลชนในเรื่องของการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับสมุนไพรรักษาโรค อยากให้สืบค้นข้อมูลก่อนว่า ใครกินแล้วได้ผลดี มีตัวตนหรือไม่ อยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร ก่อนนำเสนอข่าวเพื่อป้องกันประชาชนตกเป็นเหยื่อจากการโหมกระพือข่าวทางโซเชียลมีเดีย หรือช่องทางต่างๆ

 

ที่มา : มติชนออนไลน์