ทุเรียนภูเขาไฟ ขายกิโลละ 1,200 บาท หอม หวานมันกลมกล่อม

กรอบนอกนุ่มใน เป็นเนื้อทุเรียนภูเขาไฟ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น แห่งเดียวในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าพื้นที่ปลูกอยู่ในเขตภูเขาไฟที่ดับมอดไปนานแล้ว คงเหลือไว้ด้วยแร่ธาตุอาหารที่ส่งผลให้การปลูกและผลิตทุเรียนได้เนื้อกรอบนอกนุ่มใน หอม หวานมันกลมกล่อม เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค ที่ส่งผลให้เกษตรกรสามารถยกระดับรายได้นำไปสู่การมีวิถีครอบครัวที่มั่นคงยั่งยืน

กรอบนอกนุ่มในทุเรียนภูเขาไฟหอมหวานมัน

คุณอนุวัฒน์ คำล้าน นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรจังหวัดศรีสะเกษ เล่าให้ฟังว่า ประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดศรีสะเกษ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีพื้นที่การเกษตรราว 4 ล้านกว่าไร่ เป็นพื้นที่เพื่อการทำนา ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ หรือทำประมง ไม้ผลเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ มีการปลูกและผลิตไม้ผลเชิงการค้า 7,123 ไร่ เกษตรกร 1,309 ครัวเรือน ไม้ผลที่ปลูก ได้แก่ ทุเรียน ลำไย ลองกอง มังคุด หรือเงาะ

เนื้อทุเรียนภูเขาไฟสีเหลืองทองหอมที่ชวนชิม

สำหรับแหล่งปลูกและผลิตทุเรียนได้ดีมีคุณภาพอยู่ในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ ศรีรัตนะ ขุนหาญ และอำเภอภูสิงห์ เป็นพื้นที่ภูเขาไฟเก่าที่มอดดับไปนานแล้ว ในดินจึงมีแร่ธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตให้ได้ทุเรียนคุณภาพ พันธุ์ทุเรียนที่ปลูก ได้แก่ หมอนทอง พวงมณี ชะนีไข่ และพันธุ์ก้านยาว เกษตรกร 496 ครัวเรือน รวมพื้นที่ปลูก 2,485 ไร่ คาดว่าปีนี้จะได้ผลผลิตเฉลี่ย 803.9 กิโลกรัม ต่อไร่ ผลผลิตรวม 1,613.56 ตัน

คุณอนุวัฒน์ คำล้าน นวส.ชำนาญการ ส่งเสริมการปลูกและผลิตทุเรียนภูเขาไฟ

การส่งเสริมการปลูกและผลิตทุเรียนภูเขาไฟ สำนักงานเกษตรอำเภอและสำนักงานเกษตรจังหวัดศรีสะเกษ ได้ส่งเสริมเกษตรกรให้ผลิตในระบบเกษตรดีที่เหมาะสม หรือ GAP (Good Agricultural Practice) เพื่อให้ได้ทุเรียนดีมีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด ส่งเสริมให้เกษตรกรจัดการสวนทุเรียนที่ดี ให้ใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินเพื่อจะได้ใส่ปุ๋ยให้ตรงสูตร ตามอัตราส่วนและตามระยะเวลาเพื่อทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ให้ต้นทุเรียนได้รับน้ำเพียงพอ ก็จะทำให้ได้ทุเรียนคุณภาพพร้อมให้ตัดเก็บไปขาย นำไปสู่การยกระดับรายได้เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่มั่นคง

คุณลุงเวียง สุภาพ เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนภูเขาไฟ เล่าให้ฟังว่า ได้เริ่มปลูกทุเรียนมา 10 ปีกว่าแล้ว มีพื้นที่ปลูกทุเรียน 9 ไร่ปลูกได้ 100 กว่าต้น และต้นทุเรียนที่มีผลผลิตให้ตัดเก็บได้แล้ว 70 ต้น พันธุ์ทุเรียนที่ปลูก ได้แก่ ก้านยาว ชะนีไข่ พวงมณี หมอนทอง และที่กำลังปลูกเพิ่มใหม่เป็นพันธุ์นกกระจิบ

ลักษณะดินภูเขาไฟที่ประกอบด้วยแร่ธาตุอาหาร

การปลูก ในปีแรกที่เริ่มปลูกทุเรียน ได้จัดการเตรียมแปลงปลูกด้วยการกำจัดวัชพืชออก เตรียมต้นพันธุ์ ได้ขุดหลุมปลูกกว้าง ยาว ลึก ด้านละกว่า 1 ศอก นำปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกแห้งคลุกเคล้ากับดินบนใส่รองก้นหลุม วางต้นพันธุ์ทุเรียนลงปลูก ผูกกับไม้หลักป้องกันการโค่นล้ม เกลี่ยดินกลบ ให้น้ำแต่พอชุ่ม ให้การปฏิบัติดูแลบำรุงรักษากระทั่งเข้าสู่ปีที่ 4 ก็มีทุเรียนให้ตัดเก็บนำไปขายพอมีรายได้มาเป็นทุนหมุนเวียนในการยังชีพและเป็นทุนในการผลิต

การปฏิบัติดูแลบำรุงรักษา ทุกครั้งที่ตัดเก็บเกี่ยวทุเรียนเสร็จแล้ว ได้ตัดแต่งกิ่งต้นทุเรียนให้ทรงพุ่มโปร่ง และมีการเจริญเติบโตที่ดี เมื่อถึงช่วงต้นทุเรียนแตกใบอ่อน ได้ใส่ปุ๋ย สูตร 15-15-15 อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อต้น แบ่งใส่ 3 ครั้ง และใส่ปุ๋ย สูตร 8-24-24 อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อต้น แบ่งใส่ 2 ครั้ง เพื่อให้ต้นทุเรียนได้สะสมน้ำตาลและเจริญโตสมบูรณ์

Advertisement

ช่วงที่ต้นทุเรียนออกดอก ได้ใส่ปุ๋ยหมัก อัตรา 10-12 กิโลกรัม ต่อต้น และช่วงต้นทุเรียนติดลูกได้ใส่ปุ๋ย สูตร 12-12-17 อัตรา 1-2 กำมือ ต่อต้น ใส่ทุก 7 วัน ใส่ไปกระทั่งสังเกตพบว่าผลทุเรียนมีขนาดใหญ่ ได้น้ำหนัก 1 กิโลกรัม จึงหยุด จากนั้นได้เปลี่ยนไปใส่ปุ๋ย สูตร 11-6-25 ใส่ อัตรา 2-3 กำมือ ต่อต้น ใส่ทุก 7 วัน เพื่อสร้างเนื้อ

คุณลุงเวียง สุภาพ(ซ้าย) เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนภูเขาไฟ

เมื่อผลทุเรียนได้น้ำหนักดีแล้ว ได้ใส่ปุ๋ย สูตร 13-13-21 อัตรา 2-3 กำมือ ต่อต้น เพื่อสร้างสีเนื้อทุเรียนให้งาม จากนั้นก่อนตัดเก็บเกี่ยว 1 เดือน ได้ใส่ปุ๋ย สูตร 0-0-50 ใส่อัตรา 2-3 กำมือ ต่อต้น ใส่ 1 ครั้ง เพื่อเพิ่มความหวาน

Advertisement

การให้น้ำ น้ำเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งที่จะต้องคอยดูแลให้ต้นทุเรียนได้รับน้ำอย่างพอเพียง ปกติได้ให้วันเว้นวัน ถ้าสังเกตพบว่าใบเริ่มมีอาการเหี่ยวแห้งแสดงว่าต้นทุเรียนเริ่มขาดน้ำ ก็จะต้องเพิ่มการให้น้ำเข้าไปอีก

การตัดเก็บเกี่ยว เพื่อให้ผู้บริโภคทุเรียนได้รับประโยชน์ ก่อนตัดเก็บเกี่ยวทุเรียนแก่สุกได้พิจารณาดังนี้ ก้านผลแข็ง สีเข้ม สากมือ ถ้าจับก้านผลทุเรียนแกว่งจะยืดหยุ่น ปลายหนาม แห้งมีสีน้ำตาลเข้ม เปราะหักง่าย รอยแยกระหว่างพู เห็นได้ชัด ชิมปลิง ถ้าแก่จัดเมื่อตัดขั้วผลหรือปลิดออกจะเป็นน้ำใส ไม่ข้นเหนียวเหมือนทุเรียนอ่อน ชิมดูมีรสชาติหวาน เคาะเปลือก จะมีเสียงดังหลวมๆ เป็นเสียงที่เกิดจากช่องว่างระหว่างเปลือกและเนื้อภายใน แสดงว่าเป็นทุเรียนแก่สุก หรือนับอายุ โดยนับตั้งแต่ดอกบานถึงวันที่ทุเรียนแก่สุกเก็บเกี่ยวได้ จะมีอายุ 100-130 วัน จากนั้นได้ทยอยตัดเก็บเกี่ยวทุเรียนที่แก่สุกตามอายุหรือระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ตัดทุเรียนอ่อนไปขายเด็ดขาด

การปฏิบัติดูแลบำรุงที่ดีจะได้ทุเรียนคุณภาพ

คุณลุงเวียง สุภาพ เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนภูเขาไฟ เล่าให้ฟังในท้ายนี้ว่า นอกจากจะได้ปฏิบัติดูแลบำรุงรักษาที่ดีแล้ว ก็ได้รับคำแนะนำส่งเสริมจากนักวิชาการ สำนักงานเกษตรอำเภอและจังหวัด ศูนย์วิจัยพืชสวนศรีสะเกษ หรือหมอดินอาสาในชุมชน ให้ผลิตทุเรียนในระบบเกษตรดีที่เหมาะสม หรือ GAP (Good Agricultural Practice) เพื่อให้ได้ทุเรียนดีมีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดผู้บริโภค และได้รับการส่งเสริมพัฒนาการผลิตทุเรียนเพื่อให้ได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพ คิว (Q) ที่บ่งบอกว่าเป็นทุเรียนคุณภาพดีได้มาตรฐาน

การตลาด เมื่อปฏิบัติดูแลบำรุงรักษาดี ปีนี้เป็นปีแห่งโชคที่ทำให้ผลิตทุเรียนได้คุณภาพ แต่ละต้นจะมีผลทุเรียนให้ตัดเก็บ 80-100 ลูก น้ำหนักเฉลี่ย ลูกละ 2-3 กิโลกรัม ส่วนหนึ่งจะมีพ่อค้าเข้ามาซื้อที่สวน ราคา 150-250 บาท ต่อกิโลกรัม อีกส่วนหนึ่งได้จัดการขายเอง โดยจะเน้นขายเฉพาะเนื้อทุเรียน น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ขาย 1,200 บาท ทำให้สามารถยกระดับรายได้ให้นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต มีความเป็นอยู่ที่มั่นคงตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

รวบรวมผลผลิตทุเรียนส่งขาย

เรื่องราว ทุเรียนภูเขาไฟ ขายกิโลละ 1,200 บาท หอม หวานมันกลมกล่อม เป็นทางเลือกให้ก้าวไปสู่วิถีเศรษฐกิจพอเพียงและมั่นคง

สอบถามเพิ่มได้ที่ คุณลุงเวียง สุภาพ บ้านเลขที่ 236 หมู่ที่ 10 ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ โทร. (080) 153-4936 หรือ คุณอนุวัฒน์ คำล้าน สำนักงานเกษตรจังหวัดศรีสะเกษ โทร. (086) 361-1804 ก็ได้นะครับ