เกษตรกรลำปางปลูก’หอมแป้น’อย่างพอเพียง เลี้ยงชีพได้ในวัยเกษียณ

หอมแป้นเป็นผักชนิดหนึ่งที่คนทางภาคเหนือใช้เรียกผักที่คล้ายต้นหอม มีใบเรียวยาว แต่ใบแบน บาง เป็นการเรียกตามลักษณะของมันที่แบน บาง เช่น ไม้แป้น หมายถึง ไม้กระดานเป็นแผ่นบาง หอมแป้นจึงหมายถึง กุยช่าย ที่คนเมืองเหนือเคยชินกับการเรียกหอมแป้นมากกว่าเรียกกุยช่าย ถึงแม้จะไม่เป็นที่นิยมบริโภคกันมากนักก็ตาม ส่วนขนมกุยช่ายจะไม่เรียกว่าขนมหอมแป้น

การปลูกกุยช่ายมักปลูกร่วมกับผักชนิดอื่น แหล่งปลูกกุยช่ายอยู่ที่ราชบุรี นครปฐม ในบางพื้นที่ปลูกแต่กุยช่ายเพียงชนิดเดียวเป็นแปลงใหญ่ การปลูกกุยช่ายเป็นการลงทุนลงแรงเพียงครั้งแรกอยู่ได้นานหลายปี เป็นพืชผักอายุยืน ต่างจากผักชนิดอื่นอยู่ได้เพียงฤดูเดียว หลังจากปลูกกุยช่ายแล้วการดูแลรักษามีให้ทำน้อย ให้ผลผลิตได้เร็ว เก็บเกี่ยวได้ตลอดปี การเก็บเกี่ยวใช้เวลาน้อย ไม่เปลืองแรงงาน โรคแมลงศัตรูมีน้อย สามารถทำงานอยู่กับกุยช่ายได้อย่างสบายๆ และเบาแรง จึงเป็นงานเบาที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ดังเช่นกับ โกแป๊ะหรือ ลุงแป๊ะ ชื่อจริง คุณบุญผ่อง ฉิมพุก เกษตรกร วัย 65 ปี หันมาปลูกกุยช่ายเลี้ยงตัวมา 10 กว่าปี

คุณบุญผ่องทำแปลงกุยช่ายบนพื้นที่ 2 ไร่ อยู่หมู่ 6 บ้านห้วยยาง ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง คุณบุญผ่อง ไม่ใช่ชาวลำปางโดยกำเนิด มาอาศัยอยู่ลำปางได้ 40 ปี จนกลายเป็นชาวลำปาง

การปลูกกุยช่ายของโกแป๊ะหรือลุงแป๊ะ ปลูกห่างระหว่างต้น 40 เซนติเมตร ระยะระหว่างแถว 80 เซนติเมตร เป็นช่องทางเดิน สามารถเดินเข้าทำงานได้สะดวก ปลูกบนพื้นเรียบ ไม่มีการยกร่อง ใส่ปุ๋ยมูลไก่ 3 เดือนต่อครั้ง โรยบางเต็มหน้าแปลงและโรยเมล็ดผัก เช่น ขึ้นฉ่าย ผักกาด ตามไปด้วย สลับการพ่นด้วยฮอร์โมนปีละ 3 ครั้ง ไม่มีการใช้สารเคมี มีบ้างที่จำเป็นต้องพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืชโดยเฉพาะหญ้าระหว่างแถวเป็นบางครั้ง น้ำหมักชีวภาพจะใช้ฉีดพ่นเมื่อมีเวลาว่าง กุยช่ายที่ปลูกเป็นพันธุ์ที่มีกลิ่นแรง ต้นเล็ก โกแป๊ะหรือลุงแป๊ะบอกว่า ชาวจีนนิยมมากกว่ากุยช่ายที่ลำต้นใหญ่และไม่มีกลิ่น
การให้น้ำด้วยระบบสปริงเกลอร์ปั๊มจากน้ำบาดาลไปตามท่อพีวีซี 4 หุน ไปยังหัวสปริงเกลอร์ วางไว้ 4-5 หัว หัวสปริงเกลอร์อยู่บนแป้นไม้กระดาน ถูกยึดแน่นที่วางไว้หัวแปลง เมื่อให้น้ำพื้นที่นั้นจนชุ่มแล้วจะลากแป้นไม้กระดานเพื่อย้ายตำแหน่งให้น้ำจุดที่ยังไม่ให้น้ำจนถึงท้ายแปลง ซึ่งเป็นการประหยัดจำนวนหัวสปริงเกลอร์ที่ไม่จำเป็นต้องวางไว้ทุกจุดทั่วพื้นที่โรคที่พบในช่วงต้นฤดูฝนเป็นโรคใบเน่า เกิดจากเชื้อรา ปลายใบจะแห้ง ใบคล้ายใบไหม้ สาเหตุมาจากความชื้นในดินไม่พอ ฝนตกลงมาน้อยสลับกับอากาศที่ร้อน แก้ไขโดยใช้ปูนขาวโรยรอบกอ

การตัด ปกติจะเริ่มตัดกุยช่ายหลังจากปลูกแล้วเมื่ออายุได้ 4 เดือน และตัดครั้งต่อไปทุกๆ 2 เดือน แต่ของโกแป๊ะหรือลุงแป๊ะ เริ่มตัดหลังจากปลูกอายุได้ 2 เดือน ตัดชิดกับพื้นดิน ตัดรุ่นแรกได้ต้นที่ใหญ่ อวบ ต้นสูง ตัดครั้งต่อไปเมื่ออายุได้ 27-30 วัน ขนาดของต้นเริ่มเล็กลง ความสูงประมาณ 30 เซนติเมตร จากนั้นแยกดึงเอาใบเหลืองใบแห้งออก บรรจุถุงรอแม่ค้ามารับ ยิ่งตัดกอยิ่งขยายใหญ่ สามารถตัดต่อไปได้เรื่อยๆ จนเห็นว่าลำต้นเล็กลงมากจึงจะรื้อกอ เปลี่ยนมาปลูกระหว่างแถวที่เป็นช่องทางเดิน เหง้า 1 กอ แยกมาปลูกใหม่ได้ 5 กอ

กุยช่ายที่ปลูกเป็นพันธุ์ตัดใบ แต่จะให้ดอกระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ส่วนกุยช่ายพันธุ์ตัดดอกจะให้ดอกตลอดปี ซึ่งต้องมีการดูแลรักษาใส่ปุ๋ยตลอด ดอกกุยช่ายได้ราคาดีแต่มีจำนวนน้อย การทำกุยช่ายขาว โกแป๊ะหรือลุงแป๊ะเคยทำแต่ต้องหยุด เพราะสู้ราคาตลาดกุยช่ายขาวของสวนกุยช่ายรายใหญ่ไม่ไหวที่ราคาถูกกว่า มีจำนวนมากกว่า จึงเลิกทำกุยช่ายขาว ตัดอย่างน้อยวันละ 10 กิโลกรัม ส่งในราคากิโลกรัมละ 25 บาท ยืนพื้น ไม่ว่าราคาในตลาดจะขึ้นหรือลงเท่าไหร่ก็ตาม
งานบริการสังคม…เมื่อ 10 ปีก่อน โกแป๊ะหรือลุงแป๊ะ ช่วงที่เลี้ยงไก่ได้เป็นวิทยากรการเลี้ยงไก่ให้กับนักศึกษาสาขาสัตวศาสตร์ มหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาลำปาง ที่มาฟังการบรรยายที่ฟาร์ม เป็นวิทยากรการปลูกผักให้นักเรียนชั้นมัธยมโรงเรียนเสด็จ วนาชยางค์กูล ตำบลบ้านเสด็จ เคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านห้วยยางอยู่ระยะหนึ่ง

การปลูกหอมแป้นหรือกุยช่ายของโกแป๊ะหรือลุงแป๊ะจึงเป็นงานเหมาะกับสภาพร่างกายในวัยชรา ไม่ต้องใช้แรงมาก ไม่เหนื่อย ไม่ต้องใช้สารเคมี ทำคนเดียวได้ รายได้จากกุยช่ายสามารถอยู่อย่างพอเพียงเลี้ยงตัวเองได้อย่างไม่ขัดสนในวัยชรา…

ผู้สนใจงานสาขานี้ สอบถามได้ที่ผู้เขียน อาจารย์นัย บำรุงเวช โทร 09-4637-2513