สหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กปร. กลาง โพนยางคำตอกย้ำแบรนด์ “โพนยางคำ”ชูความเป็นสุดยอดแบรนด์เนื้อคุณภาพระดับพรีเมียมของไทย

สหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กปร. กลาง โพนยางคำ จำกัด เตรียมสร้างความเข้มแข็งให้กับตลาดเนื้อโคของไทย ด้วยการยกมาตรฐานการผลิตสู่ระดับสากล  พร้อมปลุกกระแสการบริโภคเนื้อคุณภาพระดับพรีเมียมผ่านเชฟชื่อดัง  ชูความเป็นสุดยอดเนื้อโคขุนคุณภาพระดับพรีเมียมของไทย หนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อกว่า 6,000 ราย เตรียมพร้อมรับมือกระแสนำเข้าเนื้อโคจากต่างประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบให้ราคาเนื้อวัวในตลาดตกต่ำเมื่อสิ้นสุดมาตรการปกป้องพิเศษ (SSG) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย ในปี 2563

นายอุทิศ เคะนะอ่อน ประธานสหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กรป.กลาง โพนยางคำ จำกัด หรือสหกรณ์ฯ โพนยางคำ เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดเนื้อโคในปัจจุบันว่า เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อกว่า 6,000 ราย ในเขตจังหวัดสกลนครและพื้นที่ใกล้เคียง กำลังเผชิญกับปัญหาการแข่งขันทางการตลาดอย่างรุนแรงจากกระแสการบริโภคเนื้อนำเข้าจากต่างประเทศ อาทิ ออสเตรเลียและญี่ปุ่น

โดยเฉพาะในอีก 2 ปีข้างหน้า เมื่อมาตรการปกป้องพิเศษ (SSG) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลียจะสิ้นสุดลงในปี 2563 จะส่งผลทำให้การนำเข้าสินค้าเนื้อโคจากออสเตรเลียไม่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า และไม่จำกัดปริมาณการนำเข้าทำให้ราคาเนื้อนำเข้าต่างประเทศจะมีราคาถูกลงอย่างมาก และอาจถูกกว่าราคาต้นทุนการผลิตเนื้อโคขุนไทย ซึ่งจะเกิดผลกระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนของประเทศไทย

ปัจจุบันสินค้าเนื้อโคเป็นสินค้าที่ตลาดภายในประเทศมีความต้องการสูงและมีการขยายตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะเนื้อโคคุณภาพ โดยในช่วงปี 2556-2560การบริโภคเนื้อโคและผลิตภัณฑ์ของไทยขยายตัวที่ร้อยละ 4.80 ต่อปี

ประกอบกับผลผลิตภายในประเทศมีไม่เพียงพอ ส่งผลให้ต้องมีการนำเข้าเนื้อโคคุณภาพจากต่างประเทศ โดยเฉพาะออสเตรเลีย ซึ่งในปี 2559 ไทยนำเข้าเนื้อโคจากออสเตรเลียปริมาณสูงถึง 3,903 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 41.55 ของการนำเข้าเนื้อโคทั้งหมดของไทย ซึ่งมีปริมาณ 9,392 ตัน

เนื่องจากเนื้อโคเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในการผลิตและส่งออกของออสเตรเลีย และหากสิ้นสุดมาตรการ SSG แล้ว คาดว่าจะส่งผลให้มีการนำเข้าเนื้อโคจากออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีราคาถูกลง

มูลค่าของตลาดโคเนื้อในประเทศไทยนั้น มีมูลค่าสูงถึง 41,810 ล้านบาทต่อปี จำแนกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มตลาดระดับบน(เนื้อโคขุนที่มีไขมันแทรก) 1% จำนวน 12,000 ตัวต่อปี ซึ่งมีอัตราการเติบโตความต้องการสูงถึงร้อยละ 10 กลุ่มตลาดระดับกลาง (เนื้อแดง) 40%  จำนวน 500,000 ตัวต่อปี ซึ่งมีอัตราการเติบโตความต้องการน้อยมากเพียงแค่ร้อยละ 0.1 และกลุ่มตลาดระดับล่าง(เศษเนื้อ ลูกชิ้น) 59%จำนวน 740,000 ตัวต่อปีซึ่งมีอัตราการเติบโตความต้องการน้อยมากเพียงแค่ร้อยละ 0.1

สหกรณ์โคขุนโพนยางคำ ผลิตเนื้อโคขุนในกลุ่มตลาดระดับบน ซึ่งปัจจุบันกินส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% โดยมียอดชำแหละล่าสุดในปี 2560 ที่ 6,528 ตัวแต่ปัจจุบันเกษตรกรก็กำลังเผชิญกับการแข่งขันทางการตลาดอย่างรุนแรงจากเนื้อนำเข้าจากต่างประเทศ

“เราจึงมาคิดกันว่าจะเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ข้างหน้าอย่างไร เราจึงเร่งพัฒนาการทำงานใน 3 ด้านหลัก คือ  การยกระดับมาตรฐานการผลิต พัฒนาการเลี้ยงจากฟาร์มให้มีคุณภาพ และสร้างโรงชำแหละ และตัดแต่งหลังใหม่มูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาท เพื่อยกระดับการชำแหละให้ได้มาตรฐานGMP (Good manufacturing practice) และได้พัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์โพนยางคำ ผ่านทาง QR-Code บนฉลากผลิตภัณฑ์  เพื่อการันตีในคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ได้ทุกชิ้น”  นายอุทิศ กล่าว

ด้านการพัฒนาตลาดเชิงรุก ทางสหกรณ์ได้ดำเนินการทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางขึ้น ปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวสินค้าโพนยางคำใน 3 งาน ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และยังได้ประชาสัมพันธ์เพื่อเปิดตัวแบรนด์เนื้อโคขุนโพนยางคำอย่างเป็นทางการที่ “ศูนย์การค้า K-Village”สุขุมวิท 26 กรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ ยังเตรียมความพร้อมเข้าสู่การตลาด online โดยพัฒนาแอพพลิเคชั่น เพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ “เนื้อโคขุนโพนยางคำ”  ที่มี 4 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ จีน และเวียดนาม โดยเป็นแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ และช่องทางการสั่งซื้อได้สะดวกขึ้น

ส่วนการพัฒนาผลิตภัณฑ์  ทางสหกรณ์ฯ ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์โพนยางคำให้หลากหลายมากขึ้น โดยพยายามมีส่วนแบ่งในตลาดอาหารพร้อมบริโภคมากขึ้น เช่น เช่นเนื้อชาบูสไลด์พร้อมบริโภคแช่แช็ง  แฮมเนื้อรมควัน และตลอดจนผลิตภัณฑ์สแน๊ค เนื้ออบกรอบ ซึ่งคาดว่าจะออกสู่ท้องตลาดได้ภายในสิ้นปีนี้

​การปรับตัวครั้งนี้ ประธานสหกรณ์ฯ โพนยางคำคาดหวังว่าเนื้อที่ผลิตจากสหกรณ์ภายใต้แบรนด์“โพนยางคำ”   ที่มีประวัติการก่อตั้งมาอย่างยาวนานมากกว่า 40 ปี ณ บ้านโพนยางคำ ที่ผ่านการเลี้ยงดู เอาใจใส่ด้วยภูมิปัญญาที่ตกทอดมากจากรุ่นสู่รุ่น ขุนด้วยอาหารสูตรพิเศษ ระยะเวลานานกว่า 12 เดือน จนได้เนื้อโคขุนที่มีลายไขมันแทรกสวยงาม คุณภาพดีหอมและนุ่ม เป็นที่ชื่นชอบจากผู้บริโภคมากอย่างยาวนานนั้น  จะสามารถดำรงอยู่ได้ต่อไปภายใต้สถานการณ์การตลาดที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน

ทั้งนี้จากการส่งเสริมการตลาดในช่วงที่ผ่านมา พบว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค และคู่ค้าในวงกว้างอย่างมากมาย ปัจจุบันมีเชฟชื่อดังหลายท่านเลือกใช้เฉพาะเนื้อโคขุนโพนยางคำ และต่างชื่นชอบและให้การยอมรับในเรื่องคุณภาพว่าเนื้อมีกลิ่นหอม นุ่มลิ้น และรสชาติเนื้อพิเศษกว่าเนื้อประเภทอื่นๆ และจัดระดับให้เป็นเนื้อโคขุนชั้นดีระดับโลก

ด้วยลักษณะพิเศษของการคัดเลือกพันธุ์ที่ดี ระยะเวลาการขุนที่เหมาะสม สูตรอาหารพิเศษ ทำให้เนื้อโคขุนโพนยางคำ เป็นเนื้อที่มีความนุ่ม ชุ่มด้วยไขมันแทรก มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว อร่อยด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์นี้ ล่าสุดทางกรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication หรือ GI) ในนาม “เนื้อโคขุนโพนยางคำ”