สุเทพ กังเกียรติกุล อีกหนึ่งผู้บุกเบิก อินทผลัมกินผลสด ในเมืองไทย

ปัจจุบัน อินทผลัมกินผลสด กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะมีราคาค่อนข้างสูง แต่ก็ยังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป หลายคนคงยังไม่รู้ว่า อินทผลัมกินผลสด นั้นได้มีการนำเข้ามาทดลองปลูกในไทยเป็นเวลานานแล้ว แต่กว่าจะเป็นที่ยอมรับ ต้องใช้เวลา

เทคโนโลยีชาวบ้าน ได้รับความกรุณาจาก คุณสุเทพ กังเกียรติกุล มาบอกเล่าถึงวิธีการปลูกต้นอินทผลัมกินผลสด และการดูแลรักษา

คุณสุเทพ กังเกียรติกุล

คุณสุเทพ ถือว่าเป็นลูกเกษตรโดยแท้จริง เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ของเขาทำสวนอยู่ที่ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม อีกทั้งยังคลุกคลีอยู่กับสวนมะนาว สวนส้มโอ มาตั้งแต่ยังเด็ก เลยได้มีโอกาสเรียนรู้สิ่งต่างๆ ในการทำเกษตร มีโอกาสได้ไปเรียนเกษตรที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จบมาทางโรคพืช

ปัจจุบัน คุณสุเทพเป็นเจ้าของ บริษัท เคโมคราฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยการผลิตทางการเกษตร อย่างปุ๋ย สารกำจัดศัตรูพืช เป็นต้น

งานในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างชื่อให้กับคุณสุเทพมากคือ การจัดประกวดผลไม้ยักษ์

 

สนใจมานานแล้ว อินทผลัมกินผล

คุณสุเทพ เล่าว่า ในปี 2542 ได้มีโอกาสไปตะวันออกกลาง ตอนนั้นมีโอกาสไปเห็นอินทผลัมเข้า แปลกใจมาก เพราะว่าสามารถเอามือไปจับผล จับจั่นได้เลย แถมผลของมันก็ยังมีทั้งสีแดง สีเหลือง พอเห็นแล้วก็เกิดความคิดอยากได้เอามาปลูกที่ประเทศไทยให้ได้เลย ถึงกับเอาไปนอนคิดวิธีที่จะเอากลับมาที่ไทยว่าจะเอามายังไง ก็เลยไปถามเจ้าหน้าที่ดูแล

อินทผลัมกินผลสด พันธุ์บาร์ฮี ต้นได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

แต่ว่าเจ้าหน้าที่บอกว่า ให้ไม่ได้ แต่เขาก็พาเดินรอบแปลงด้านนอกแทน ไม่ได้พาเดินด้านใน เพราะว่าด้านในห้ามเข้า แต่ด้วยความที่อยากได้ ก็เลยไปถามคนงานไทยที่ทำงานอยู่ที่นั่น ว่าให้ช่วยเก็บผลมาให้หน่อย แต่คนงานไทยบอกว่า “ไม่ได้ ถ้าเขาเก็บมาเขาจะมีความผิด แต่ถ้าแขกที่มาเก็บไม่มีความผิด”

“ผมเลยเก็บกลับมาประมาณ 200 กว่าผล มีทั้งลูกสีแดง ประมาณ 50-60 ผล ลูกสีเหลืองอีกประมาณกว่า 200 ผล หลังจากกลับมาก็ลองนำมาเพาะเมล็ด ในปี 2542 ตอนนั้นคิดว่ามันเป็นพืชทะเลทราย ไม่คิดว่าจะเพาะขึ้น แต่ก็เพาะขึ้นประมาณ 200 กว่าต้น ประมาณ 2 เดือน ก็นำมาย้ายใส่ถุง ประมาณ 6 นิ้ว แล้วก็ตั้งไว้อีก 3-4 เดือน รดน้ำบ้างไม่ได้รดน้ำบ้าง แต่มันอยู่ได้ 100 ต้น จากนั้นก็นำไปใส่กระถาง ประมาณ 15 นิ้ว ก็ไม่ได้ดูแลเท่าไรเลย ตอนนั้นก็ได้ซื้อที่ดินแถวพุทธมณฑลสาย 1 ไป 4 ไร่ ตั้งแต่ พ.ศ. 2539 ได้มีการทดลองปลูกส้ม ฝรั่ง ชมพู่ และที่สำคัญก็เริ่มนำอินทผลัมเข้าไปปลูกบ้างแล้ว ตอนหลังได้มีการพัฒนาที่ดินไปทำสำนักงาน เลยได้มีการโค่นต้นอินทผลัมออกไปหลายต้น หลังจากนั้น ได้มีการเอามาปลูกใหม่ ในปี 2546 ได้ 50 กว่าต้น เป็นต้นที่เพาะเมล็ดทั้งนั้นเลย มีตัวผู้อยู่ประมาณ 30-40 ต้น ตัวเมียอีก 18 ต้น ได้ผลอยู่ประมาณ 4 ต้น จาก 18 ต้น ผลที่ออกมามีรสฝาดถึงฝาดมากๆ ก็ไม่พอใจในคุณภาพ เลยมีการโค่นทิ้ง เก็บตัวผู้ไว้ 3 ต้น ตัวเมีย 15 ต้น” คุณสุเทพ เล่า

รอยที่ด้วงเจาะไว้

ในจำนวนของอินทผลัมทั้งหมดมีดอกนอกฤดูกาลถึง 4 ต้น สามารถออกดอกในเดือนมิถุนายน สิงหาคม กันยายน และธันวาคม ได้อีกด้วย

คุณสุเทพ บอกว่า ตอนหลังได้มีการเอาเนื้อเยื่อพันธุ์บาร์ฮีเข้ามาปลูกแทนการเพาะเมล็ดนั้น เป็นเพราะว่าผลจากการปลูกจากต้นเพาะเมล็ดนั้น ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไร ก็เลยหาช่องทางที่จะนำเนื้อเยื่อมาปลูกให้ได้ ก็สืบทราบมาว่า มีคนไทยหลายคนแล้วที่นำเนื้อเยื่อบาร์ฮีมาปลูก ตอนนั้นก็ได้ไปปรึกษา ท่านอาจารย์ ดร. อุทัย จารณศรี ท่านได้บอกว่า หาไม่ยาก ท่านเคยนำเข้ามาให้บางกอกฟลาวเออร์ จากแล็บต่างประเทศ

“ตั้งแต่ พ.ศ. 2536 ดร. อุทัย ท่านนำเข้ามาทั้งหมด ประมาณ 33 ต้น ทางแล็บต่างประเทศให้มาปลูกฟรี เพื่อมาทดลองปลูกในที่ของบางกอกฟลาวเออร์ แต่ว่าในช่วงนั้นอินทผลัมกินผลสดในเมืองไทยยังไม่พัฒนา และไม่มีใครสนใจ ก็เลยขาดหายไป แต่พอผมลองปรึกษาท่านอาจารย์ ดร. อุทัย ท่านบอกว่า ให้ลองถามที่อาจารย์เคยได้มา ก็เลยลองติดต่อไปตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2557 และมาได้ต้น 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เป็นล็อตแรก บางส่วนเลี้ยงใส่ถุงไว้ 10 เดือน แล้วก็นำมาปลูกลงในแปลงที่ 3 เดือนกันยายน พ.ศ. 2559 ส่วนในแปลงแรกก็เป็นของล็อตแรกเหมือนกัน ได้นำมาปลูกแซมกับต้นเพาะเมล็ด ต้นที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อใช้เวลาในการปลูก 16 เดือน ตั้งแต่ลงดินจนถึงออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2561 เริ่มเก็บผลช่วงกรกฎาคม-สิงหาคมปีนี้” คุณสุเทพ เล่า

การให้น้ำ

ต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ด คุณสุเทพ รอดูผลผลิต หากเป็นตัวผู้ หรือตัวเมีย แต่ลักษณะไม่เด่นได้ตัดทิ้งไป ขณะเดียวกันก็ปลูกต้นตัวเมียที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อไว้เป็นจำนวนมาก หลายแปลงด้วยกัน

 

เป็นผู้ปลูกรายใหญ่

มีคำแนะนำในการดูแลรักษา

ปัจจุบัน ถือว่า คุณสุเทพ เป็นผู้ปลูกอินทผลัมกินผลสดรายใหญ่ ส่วนใหญ่ต้นขยายพันธุ์จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ ยังมีต้นที่เพาะเมล็ด โดยที่ต้นไหนมีลักษณะที่ดีเขาจะเก็บไว้ บางต้นโดดเด่นมากๆ อร่อยกว่าพันธุ์บาร์ฮีเสียอีก

คุณสุเทพ แนะนำระยะในการปลูกที่เหมาะสม โดยใช้ระยะห่าง 8×7 เมตร ระหว่างต้น 7 เมตร ระหว่างแถว 8 เมตร

สวนอินทผลัมของ คุณสุเทพ กังเกียรติกุล

เจ้าของบอกว่า การให้น้ำใช้สปริงเกลอร์โดยการเอาสายยางวนรอบต้นไม้ ห่างประมาณ 1.5 เมตร หัวที่ใช้จะเป็นหัวแบนราคาถูก ไม่เกิน 2 บาท 1 วง ใช้ 6 หัว จะเปิด 15-18 นาที แต่ถ้าวันไหนฝนตก ทางสวนก็จะไม่ให้น้ำ

คุณสุเทพ มีแปลงปลูกอินทผลัมอยู่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี บางส่วนอยู่จังหวัดนครปฐม พื้นที่เกษตรของคุณสุเทพมีอยู่หลายร้อยไร่ นอกจากปลูกอินทผลัมกินผลแล้ว ยังปลูกพืชชนิดอื่นอีก

 

ใช้ปุ๋ยพิเศษอยู่ได้นาน

เนื่องจากเป็นเจ้าของกิจการธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยการผลิต คุณสุเทพมีปุ๋ยเด็ดให้กับอินทผลัม

ปุ๋ยที่ว่าคือ ไบโอฟีช 49

อินทผลัมได้จากการเพาะเมล็ด กลายในทางที่ดี โดดเด่นมากๆ

เป็นสูตรที่ใช้สำหรับการเจริญเติบโตของต้นไม้ทั่วไป ให้ใส่หลุมละ 20 กิโลกรัม จะอยู่ได้นาน 15 ปี ที่ให้อยู่ได้ 15 ปี เพราะว่าดินที่ใช้เป็นดินเหนียวด้วย พอผสมปุ๋ยลงไปดินก็จะมีความร่วนและซุยขึ้น ราคาก็จะอยู่ที่ ตันละ 16,000 บาท สามารถหาซื้อได้ตามตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ เป็นผลิตภัณฑ์ของเคโมคราฟ ปุ๋ยระหว่างปีหลังจากให้ผลแล้วก็จะใช้ปุ๋ยไบโอฟีช 49 เป็นแบบปั้นเม็ด ทุกเม็ดมีคุณภาพเท่ากัน จะใส่ประมาณ 10 กิโลกรัม หลังเก็บเกี่ยวผลแล้ว

เจ้าของแนะนำว่า ควรใส่ปุ๋ยให้ห่างจากต้น ประมาณ 60 เซนติเมตร

 

ศัตรูของอินทผลัม

คุณสุเทพ บอกว่า เจอปัญหาด้วงกัดยอด กัดใบอ่อนอินทผลัมเยอะมาก เนื่องจากว่าแถวตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ เป็นพื้นที่ปลูกต้นมะพร้าวเป็นส่วนใหญ่ มีทั้งข้างถนน ตามคันนา เลยทำให้มีด้วงเยอะ คาดว่าตำบลบ้านใหม่มีต้นมะพร้าวที่ตายแล้วไม่ต่ำกว่า 2,000 ต้น

มีการป้องกันโดยการใช้ สารเอสเว้น ใช้อัตรา 300 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร ฉีดเป็นแนวตั้งฉากกับพื้น ในระยะห่างจากยอดมาหาพื้นดินแค่ 80 เซนติเมตร เพื่อไม่ต้องการให้ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมมากเกินไป

อินทผลัมที่ห่อไว้

ผลผลิตเป็นอย่างไรบ้าง

ผลผลิตของคุณสุเทพ ต้นหนึ่งได้ไม่ต่ำกว่า 30 กิโลกรัม ต่อต้น ต่อปี เป็นพันธุ์บาร์ฮี อายุยังไม่มากนัก

“เคยได้ลองวัดความหวานของผลอินทผลัม ได้ความหวาน 45-50 บริกซ์ ผลผลิตนำไปจำหน่ายที่เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ขายอยู่ที่ 300 กรัม ราคา 98 บาท 450 กรัม ราคา 298 บาท ถ้า 900 กรัม ราคา 498 บาท เฉลี่ยแล้วกิโลละ 550 บาท ผมมองว่าเป็นโอกาสของคนไทยทั้งประเทศ สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ที่มีการจัดการดี ให้น้ำดี ดินกร่อย ดินเค็มก็ยังปลูกได้ ไม่เหมือนทุเรียน ต้องดินจืดจริง น้ำก็ต้องจืดจริง ถึงจะปลูกได้” คุณสุเทพ บอก

คุณสุเทพ จำหน่ายต้นพันธุ์เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ อินทผลัมกินผลสด ได้จากการนำเข้า แต่คิวยาวถึงต้นปี 2562

ขณะปิดต้นฉบับนี้ ผลผลิตอินทผลัมของคุณสุเทพหมดแล้ว ต้องรอปีหน้า รับรองออกมาให้ชิมกันจุใจแน่

หากใครสนใจ สามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. (081) 870-1981 หรือ ที่ บริษัท เคโมคราฟ จํากัด เลขที่ 44/89 หมู่ที่ 4 ซอยแผ่นดินทอง 37 พุทธมณฑลสาย 1 แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170