สูตรอาหารปลาจากมันสำปะหลัง และเครื่องอัดเม็ดที่ทำเองได้

วัตถุดิบจากธรรมชาติสำหรับผลิตอาหารปลา

โครงการวิจัยพัฒนาอาหารปลาจากวัตถุดิบธรรมชาติ มี อาจารย์ราชันย์  วงษ์ทวี สาขาเทคโนโลยีอุตสาหการ และ อาจารย์ฉัตราวีระวุท  จอมวรวงศ์ สาขาเทคโนโลยีประมง คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ โดยมี ผศ.ดร.จักรกฤษณ์ เยรัมย์ เป็นผู้ร่วมโครงการวิจัย โดยได้งบประมาณจากสำนักงานวิจัยแห่งชาติ (วช.) ปี 2553

เครื่องอัดเม็ดอาหารปลาแบบ 2 in 1

แรกเริ่มเดิมทีอาจารย์ทั้งสองได้งบประมาณมาเพื่อวิจัยพัฒนาและออกแบบสร้างเครื่องอัดเม็ดอาหารปลาจากมันสำปะหลังแบบ 2 in 1 โดยตัวเครื่องออกแบบให้มีหัวบดละเอียดแบบ Mincer และหัวอัดเม็ดแบบ Pellet Mill ไว้คนละด้านของตัวเครื่อง ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเพลาส่งกำลังตัวเดียวกัน

เมื่อเปิดเครื่องหัวบดและหัวอัดจะทำงานพร้อมกัน และเพิ่มแรงบิดที่เพลาโดยใช้ล้อช่วยแรงเป็นอุปกรณ์เพิ่มกำลังอัด ใช้ต้นกำลังจากมอเตอร์เพียง 1 ตัว ขนาด 5 แรงม้า ความเร็วรอบ 1,450 รอบต่อนาที ทดกำลังด้วยเฟืองโซ่ เพื่อปรับความเร็วรอบที่ 174 รอบต่อนาที

ความสามารถในการอัดเม็ดอาหารปลาเฉลี่ยเท่ากับ  180  กิโลกรัมต่อชั่วโมง  ลักษณะเม็ดอาหารเป็นแท่งกระบอกยาว  5 – 8  มิลลิเมตรขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับ 4 มิลลิเมตร ความสามารถในการบดละเอียดมันสำปะหลังที่ผ่านการต้ม  หรือนึ่งสุกเฉลี่ยเท่ากับ 330  กิโลกรัมต่อชั่วโมง

วัตถุดิบจากธรรมชาติสำหรับผลิตอาหารปลา

ผลงานวิจัยได้เครื่องอัดเม็ดอาหารปลาสามารถผลิตได้วันละ 1-2 ตัน ใช้กำลังคน 2 คน คนหนึ่งคอยป้อนอาหารปลาบด อีกคนคอยควบคุมหัวอัดเม็ด

แม้เครื่องอัดอาหารปลาเม็ดแบบ 2 in 1 นี้ใช้งานได้จริง แต่ก็ใช้งบประมาณหลายหมื่นบาทในการประดิษฐ์ และการที่จะเอาเครื่องขนาดใหญ่ไปโชว์เกษตรกรชาวบ้าน มีหวังชาวบ้านหนีหมด สองอาจารย์หนุ่มจึงมีวิธีดึงดูดเกษตรกรให้หันมาผลิตอาหารปลาใช้ได้เอง ด้วยเครื่องมือง่ายๆ แบบบ้านๆ ชาวบ้านทำให้ได้เอง และก็เจ๋งจริงๆ ระดับที่ว่า “คิดได้ไง”

สูตรอาหารปลาจากมันสำปะหลัง

และวัสดุธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น

ก่อนจะไปถึงเครื่องมือทำอาหารปลาแบบบ้านๆ ขอนำเสนอสูตรอาหารปลาจากมันสำปะหลังและวัตถุดิบจากธรรมชาติ

ปลาดุกที่ทดลองเลี้ยงด้วยอาหารปลาจากมันสำปะหลัง

เนื่องจากจังหวัดกาฬสินธุ์มีพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังประมาณ 3 แสนไร่ วัตถุดิบที่หาง่าย คือ มันสำปะหลัง วัตถุดิบอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ตัวก็ถูกนำมาประกอบกันเป็นอาหารปลา ที่ให้สารอาหารครบถ้วนตามหลักวิชาการ

 สูตรอาหารปลากินเนื้อ

(สำหรับปลาดุก ปลาช่อน ปลาหมอ)

1.หัวมันสำปะหลังต้มสุกบดละเอียด 3 กิโลกรัม

2.เนื้อหอยเชอรี่ตากแห้งบดละเอียด 6 กิโลกรัม

3.รำละเอียด 2 กิโลกรัม

4.ใบกระถินแห้งบดละเอียด 0.5 กิโลกรัม

5.กล้วยน้ำว้าสุก 0.5 กิโลกรัม

6.กากมะพร้าวแห้ง 2 กิโลกรัม

7.เปลือกหอยเชอรี่บดละเอียด 2 ขีด

8.จุลินทรีย์ EM 1 ลิตร

9.น้ำมันพืชเก่าใช้แล้ว  0.2 ลิตร

10.เกลือ 1 ขีด

11.น้ำหมักเศษผลไม้รวมมิตร 1 ลิตร

12.น้ำปลาร้าต้มสุก 0.5 ลิตร

สูตรนี้มีโปรตีนประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ต้นทุน 9 บาทต่อกิโลกรัม

อาหารปลาแบบแท่งทุ่นและแผ่นลอยน้ำ

สูตรอาหารปลากินพืช

(สำหรับปลานิล ปลาตะเพียน ปลาไน ปลายี่สก)

1.หัวมันสำปะหลังต้มสุกบดละเอียด 3 กิโลกรัม

2.เนื้อหอยเชอรี่ตากแห้งบดละเอียด 4 กิโลกรัม

3.รำละเอียด 2 กิโลกรัม

4.ใบกระถินแห้งบดละเอียด 0.5 กิโลกรัม

5.กล้วยน้ำว้าสุก 0.5 กิโลกรัม

6.กากมะพร้าวแห้ง 2 กิโลกรัม

7.เปลือกหอยเชอรี่บดละเอียด 2 ขีด

8.จุลินทรีย์ EM 1 ลิตร

9.น้ำมันพืชเก่าใช้แล้ว  0.2 ลิตร

10.เกลือ 1 ขีด

11.น้ำหมักเศษผลไม้รวมมิตร 1 ลิตร

12.น้ำปลาร้าต้มสุก 0.5 ลิตร

สูตรนี้มีโปรตีนประมาณ 23-25 เปอร์เซ็นต์ ต้นทุน 7 บาทต่อกิโลกรัม

 ขั้นตอนการทำอาหารปลาจากหัวมันสำปะหลัง

1.หั่นหัวมันสำปะหลังให้เป็นแว่นและต้มให้สุกด้วยความร้อน

2.ต้มเนื้อหอยเชอรี่ให้สุก

3.นำมันสำปะหลัง เนื้อหอยเชอรี่ กล้วย ผักบุ้ง ใบกระถิน ผสมน้ำหมักชีวภาพจากผลไม้รวม นำไปปั่นด้วยโถบดเปียกของเครื่องปั่นน้ำผลไม้ไฟฟ้าเอนกประสงค์ให้ละเอียด

4.นำเปลือกหอยเชอรี่ตำด้วยครกพอหยาบ แล้วนำไปปั่นด้วยโถบดละเอียดของเครื่องปั่นน้ำผลไม้เอนกประสงค์ (โถปั่นพริกป่นหรือข้าวคั่ว) ให้ละเอียดที่สุด

5.นำส่วนผสมทั้งหมดผสมรำละเอียด กากมะพร้าว จุลินทรีย์ EM เกลือ น้ำมันพืชใช้แล้ว น้ำปลาร้าต้มสุก ให้มีความชื้น 30 % พอปั้นเป็นก้อนได้

6.นำวัตถุดิบที่ผสมเสร็จแล้วมาอัดเม็ดเป็นรูปทรงต่างๆ

7.นำไปตากแดด 3-4 แดด

8.เก็บบรรจุลงถุงหรือกล่องป้องกันความชื้น (เก็บได้นาน 3 เดือน)

ดูจากส่วนประกอบทั้งหมด เราสามารถหาได้ใกล้ตัว เป็นการนำวัสดุจากธรรมชาติมาใช้ประโยชน์เต็มที่ ท้องถิ่นมีวัตถุดิบใดให้ใช้อันนั้น สามารถดัดแปลง ปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม

มันสำปะหลังให้คาร์โบไฮเดรต จำเป็นต้องต้มสุกเพื่อทำลายสารไฮโดรไซยานิคที่เป็นพิษ เมื่อบดละเอียดทำให้ปลาดูดซึมสารอาหารได้ หอยเชอรี่ให้โปรตีน(ใช้แทนปลาป่น) ใบกระถินช่วยย่อยอาหารในปลา ผักบุ้ง ใบมันสำปะหลัง กล้วยน้ำว้า น้ำหมักผลไม้ให้วิตามิน (ใช้แทนฟรีมิกซ์) กากมะพร้าวให้ไขมัน ปลากินแล้วอ้วน

ที่สำคัญจะทำให้อาหารปลาลอยน้ำได้ เปลือกหอยเชอรี่ให้แคลเซี่ยม น้ำปลาร้าต้มสุกเป็นตัวปรุงแต่งรสกลิ่นให้น่ากิน ถ้ามีเลือดหมู เลือดไก่ก็ใส่ลงไปให้โปรตีน

สูตรนี้ให้สารอาหาร วิตามินครบถ้วน สู้อาหารปลาตามท้องตลาดได้สบายๆ เนื่องจาก สองอาจารย์หนุ่มทดลองด้วยอัตราส่วนต่างๆ แล้ว ยืนยันว่า “กินสูตรนี้ปลาโตสู้แบบที่เลี้ยงด้วยอาหารปลาตามท้องตลาดได้สบาย

อาหารปลารูปแบบต่างๆ ที่ผลิตได้เอง

กรณีในท้องถิ่นไม่มีมันสำปะหลัง สามารถใช้เศษข้าวสุกทั้งข้าวเหนียว ข้าวเจ้า แช่น้ำแล้วปั่นแทนได้

สูตรอาหารปลานี้ยังนำไปใช้ในทางปศุสัตว์อื่นๆ ได้

เมื่อมีสูตรอาหารปลาแล้ว ทำอย่างไรจะอัดเม็ดและตากแห้งได้  โดยไม่ต้องใช้เครื่องจักรใหญ่โต เหมาะกับเกษตรรายย่อยที่เลี้ยงปลาแบบพอเพียง พึ่งตนเอง

ต่อไปนี้จะเป็นวิธีสร้างอุปกรณ์อัดเม็ดแบบบ้านๆ

เครื่องอัดเม็ดแบบมือหมุน

เครื่องนี้ดัดแปลงจากเครื่องบดหมูที่ขายตามท้องตลาด ใส่ด้ามจับเพื่อหมุนด้วยมือ  บดผ่านหน้าแว่น Mincer เบอร์ 32 ใช้แรงงานคน ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า หาซื้อได้ราคาประมาณ 1,800 บาท สามารถอัดเม็ดอาหารปลาได้สวยงามไม่แพ้เครื่องราคาแพง

อุปกรณ์อัดอาหารปลาแบบแผ่น

กรณีไม่มีเครื่องอัดเม็ดแบบมือหมุน สองอาจารย์หนุ่มได้คิดค้นวิธีอัดอาหารแผ่น ซึ่งทำได้ง่ายๆ ด้วยการนำเขียงพลาสติกแข็ง หรือฟิวเจอร์บอร์ดก็ได้ ขนาด 24 ซม.x 30 ซม. เลื่อยฉลุเป็นวงกลม เส้นผ่าศูนย์การ 54  ซม.หนา 6  ซม. จะได้วงกลม 12 วง

วิธีทำ นำอาหารปลาที่บดผสมกันแล้ววางในวงกลมของแผ่นพลาสติก แล้วใช้ไม้หรือวัสดุแท่งกลมรีดคลึงให้เรียบ ยกแผ่นพลาสติกออก ตากให้แห้ง เท่านี้ก็ได้อาหารปลาแบบแปลกใหม่

ถือเป็นสิ่งคิดค้นขึ้นใหม่ มีความแปลกใหม่ สามารถผลิตอาหารปลาแบบแผ่นวงกลม ลักษณะแผ่นบาง อาศัยหลักการลอยน้ำแบบกระทง และอาศัยกากมะพร้าวช่วยให้ลอยน้ำ มันสำปะหลังต้มสุกบดละเอียดเป็นตัวประสาน มีความเหนียว คงทนในน้ำได้ดี ไม่แตกสลายง่าย เมื่ออยู่น้ำปลาสามรถกัดกินอาหารได้ทีละนิดละหน่อยจนกว่าจะหมดเท่านี้ยังไม่พอ สองอาจารย์หนุ่มยังคิดค้นวิจัยต่อไปเพื่อสร้างนวัตกรรมการผลิตอาหารปลา ที่น่าทึ่งจนคุณคิดไม่ถึง

อุปกรณ์อัดอาหารปลาแบบแท่ง

ลักษณะของผลงานประดิษฐ์ เป็นสิ่งที่คิดค้นขึ้นใหม่ มีความแปลกใหม่  คือ  อุปกรณ์อัดแท่งอาหารปลาที่สามารถผลิตอาหารเป็นแท่งทรงกระบอกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง  49  มม.  มีรูกลวงตรงกลาง  ขนาด   10  มม.  มีความยาวประมาณ  60  มม.  ซึ่งรูตรงกลางของแท่งอาหารปลามีข้อดีคือ  สามารถนำเชือกมาร้อยให้เป็นพวง  10  –  20  แท่ง แล้วนำไปผูกกับโฟมหรือขวดน้ำให้อาหารปลาลอยน้ำได้

และการใช้มันสำปะหลังต้มสุกบดละเอียด  เป็นตัวประสานวัตถุดิบอาหารปลาที่มีสารความเหนียว  ทำให้อาหารปลามีความคงทนในน้ำได้ดี  ไม่แตกสลายง่ายเมื่ออยู่ในน้ำ  และปลาสามารถกัดกินอาหารได้ทีละนิดอย่างง่ายดาย  จนกว่าแท่งอาหารปลาจะถูกกินจนหมด

กรรมวิธีการสร้างอุปกรณ์อัดอาหารปลาแบบแท่ง

  1. เลื่อยไม้ทำโครงขนาด 14 x 18 x 3.5 ซม.  จำนวน  2  แผ่น
  2. เจาะรูไม้ทำโครงตรงกลางขนาด 49  มม.  จำนวน  1  แผ่น
  3. เจาะรูแผ่นไม้ทำโครงเพื่อฝังยึดตัวกำหนดตำแหน่งทำจากเหล็กเส้นขนาด 12  มม.  จำนวน  3  ตัว
  4. เจาะรูแผ่นไม้ทำโครงเพื่อฝังยึดเสาค้ำโครงอุปกรณ์ จำนวน 4 เสา  ขนาด    12  มม.
  5. เลื่อยไม้ทำแผ่นฐานรองพิมพ์ ขนาด  7 x 11 x 3.5  ซม.  จำนวน  1  แผ่น
  6. ตัวแม่พิมพ์ทรงกระบอกใช้ข้อลดท่อประปาทำจาก pvc  ขนาด   นิ้ว  มา  2  นิ้ว
  7. เชื่อมมือจับอัดขึ้นรูปเป็นรูปตัวที่ขนาด 240  มม.  x 205  มม.  หนา  25  มม.
  8. เชื่อมปลายด้ามจับยึดด้วยเหล็กแผ่นกลม 49  มม.
  9. เชื่อมต่อปลายด้ามจับด้วยเหล็กเพลาขาว 10  มม.  ยาว  43  มม.  เพื่อใช้เป็นตัวอัดและเจาะรูแท่งอาหารปลา
  10. นำไปทาสีและใช้ได้

วิธีทำ นำอาหารปลาที่ผสมเสร็จยัดลงรูบนแม่พิมพ์ ใช้เหล็กที่มีด้ามจับกระทุ้งอัดรูป จะได้อาหารปลาทรงกลมมีรู ร้อยเชือก มัดติดกับโฟมหรือขวดน้ำให้ลอยน้ำได้ ปลาสามารถกัดกินได้ หากปลากินไม่หมด สามารถนำขึ้นมาตากแห้งไว้ใช้ครั้งต่อไปได้

ผลจากการทดลอง พบว่า ปลากัดกินอาหารดีมาก อาหารปลาไม่จมน้ำ ไม่ทำให้น้ำเน่าเสีย  ปลาที่เลี้ยงด้วยอาหารสูตรนี้ มีรสชาติดี อร่อย เนื้อหอมนุ่ม ปราศจากสารพิษ ไม่มีกลิ่นคาวเหมือนปลาที่เลี้ยงด้วยอาหารเม็ดจากตลาด

อาหารปลาตามท้องตลาด ผ่านโรงงานอัดเม็ดด้วยเครื่องอัดอากาศราคาหลักล้านทำให้ลอยน้ำได้ แต่สูตรที่คิดค้นนี้ทำได้ง่ายๆ เพียงครกกับสากในครัวก็ทำได้แล้ว

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อาจารย์ราชันย์ วงษ์ทวี และอาจารย์ฉัตราวีระวุท  จอมวรวงศ์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ โทรศัพท์ (085) 010-8439, (083) 400-6339