เผยแพร่ |
---|
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (สวทน.) โดยเมืองนวัตกรรมอาหารหรือฟู้ดอินโนโพลิส ร่วมกับ สมาคมจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) จัดกิจกรรม “Food Innopolis International Symposium 2018 Food Industry 4.0” ระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2561 เพื่อต่อยอดมุมมองสำหรับทุกคนและทุกองค์กรที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งภาคเอกชน อุตสาหกรรม หน่วยงานภาครัฐ อาจารย์และนักวิจัย เพื่อช่วยเชื่อมโยงงานวิจัยนวัตกรรมสู่มุมมองการตลาดยุคใหม่ โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาทั้งสิ้นกว่า 200 คน

โดยการสัมมนาครั้งนี้ ได้เชิญวิทยากรระดับแนวหน้าจากสถาบันด้านอาหาร และอุตสาหกรรมอาหารของโลก จากประเทศต่างๆ รวม 15 ประเทศ อาทิ อิตาลี เดนมาร์ก สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ สิงคโปร์ แคนาดา นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ไทย ฯลฯ เพื่ออัพเดทแนวโน้มนวัตกรรมอาหารโลก Internet of Food การพัฒนาคนสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร 4.0 โลจิสติกส์และซัพพลายเชนสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ความปลอดภัยอาหารและมาตรฐานอาหาร การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร บนฐานแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เทรนด์นวัตกรรมเครื่องเทศและสมุนไพร แหล่งโปรตีนใหม่ อาหารกับสังคมผู้สูงอายุ โดยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ของแต่ละประเทศที่มีจุดแข็งแตกต่างกัน
โดยเฉพาะเดนมาร์ก ที่มีจุดแข็งคือ กลุ่มอาหารออร์แกนิกและผลิตภัณฑ์อาหารพรีเมียม นอกจากนี้ ยังเป็นประเทศที่สามารถผลิตสินค้าด้านเกษตรอาหารได้มากถึงสามเท่าของปริมาณที่ต้องการบริโภคภายในประเทศ ขณะเดียวกัน Danish Food Cluster ก็เป็นผู้ขับเคลื่อนหลัก อะโกรฟู้ดพาร์ค ซึ่งทำงานเพื่อเพิ่มนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารของเดนมาร์ก โดยการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานความรู้ระดับโลก เชื่อมโยงกับนักลงทุนและบริษัทต่างๆ เป็นหนึ่งในศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารที่สำคัญของโลก มีพื้นที่ในอาคารวิจัยกว่า 45,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับบริษัทในการทำวิจัยพัฒนาด้านนวัตกรรมอาหาร มีพื้นที่แปลงทดลอง 5 เฮกตาร์ บนพื้นที่รวมทั้งสิ้น 100 เฮกตาร์ โดยปัจจุบันมีบริษัทในพื้นที่ 75 บริษัท ในจำนวนนี้เป็น Food & Agri-tech Startup 25 บริษัท ส่วนสถาบันอาหารแห่งอนาคตจากประเทศอิตาลี ก็เพิ่งเดินทางมาประเทศไทย และได้เดินทางไปเยี่ยมชม ความพร้อม และเครือข่ายของฟู้ดอินโนโพลิส เพื่อความร่วมมือกันในอนาคต
หนึ่งในวิทยากรที่น่าสนใจอีกท่าน เป็นคนไทย คือ ดร.ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มด้านนวัตกรรม บริษัท ไทยยูเนี่ยน จำกัด ที่บอกเล่าถึงความสำเร็จของบริษัทอาหารสัญชาติไทยอย่างไทยยูเนี่ยน ที่ได้รับเลือกให้ติดดัชนีดาวโจนส์ เป็นอันดับ 1 ของโลก โดย ดร.ธัญญวัฒน์ บอกว่า ไทยยูเนี่ยนลงทุนเพื่ออนาคตเยอะมาก โดยเฉพาะกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยนประสบความสำเร็จในการทำคะแนนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีนัยสำคัญ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สุขภาพและโภชนาการ ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับน้ำ ด้านการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน จรรยาบรรณธุรกิจ และแนวปฏิบัติด้านแรงงาน ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีอันดับเรื่องการคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนในลำดับที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไม่เกิน 10 ปี โลกเปลี่ยนแรงงานมีทักษะเท่านั้นที่จะไปด้วยกันได้กับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ธุรกิจอาหารก็ต้องเร่งปรับตัวเพราะจะเป็นหนทางเดียวที่จะดีดตัวออกจากคู่แข่งได้
ด้าน ดร.อนุวัฒน์ เชื้อเย็น คณบดีคณะพัฒนาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้หยิบยกโครงการพัฒนาต้นแบบการแปรรูปอาหารอินทรีย์เชิงสร้างสรรค์อย่างมีส่วนร่วม “The Ultimate Seasonal Sensation หรือ The USS ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ดำเนินการอยู่ สอดคล้องกับ ดร.สิรี ชัยเสรี รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ให้ความสำคัญกับกลิ่นและรสชาติของอาหาร เป็นเทรนด์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน การนำเอาวัตถุดิบในท้องถิ่นมาปรับให้เป็นอัตลักษณ์ประจำชาติ จะทำให้เพิ่มมูลค่าของอาหารได้ เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน ก็เป็นที่ชื่นชอบของชาวเอเชีย โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มใหญ่อย่างประเทศจีน ขณะที่ ดร.Mei Yin Low จากบริษัทด้านกลิ่นรส จิวาดอง สิงคโปร์ ก็ให้ความสำคัญกับกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ โดยมองว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคผ่านางแอปพลิเคชั่น จากโซเชียล เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้เรียนรู้พฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อนำไปปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับทางกลุ่มผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงจากสามพรานโมเดล นายอรุษ นวราช ที่ได้ก่อตั้งสามพรานโมเดลให้เป็นแหล่งเรียนรู้ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ผลิตจากฟาร์มเกษตร ไปจนถึงผู้บริโภค ที่ปัจจุบันคำนึงถึงสุขภาพมากขึ้น โดยนายอรุษ มองว่า การให้การศึกษากับทางเกษตรกรเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนวิถีเกษตรแบบเดิมมาสู่เกษตรออร์แกนิก ต้องทำให้เขาเห็นภาครายได้ที่เพิ่มขึ้น ส่วนตัวของผู้บริโภคเองก็ต้องเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพซึ่งทั้งสองส่วนต้องให้เขาเห็นและมีส่วนร่วมจึงได้เกิดโครงการ Organic Tourism หรือการท่องเที่ยววิถีอินทรีย์ คือให้ทุกคนมาเรียนรู้และศึกษาร่วมกัน ขณะที่กลุ่ม Central Group เองก็มองว่า แม้จะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการซื้อผลผลิตจากเกษตรกรรายใหญ่เท่านั้น หากแต่ให้ความสำคัญกับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการซึ่งเป็นเกษตรรุ่นใหม่ เพื่อสนับสนุนให้เกิดความยั่งยืนในระบบห่วงโซ่อาหาร ที่ต้องเดินไปด้วยกัน ขณะที่ ดร.Christine Demen Meier จาก Innovation Concil Innosuisse จาก สวิตเซอร์แลนด์ ก็ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
ด้าน ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ ซีอีโอเมืองนวัตกรรมอาหาร บอกว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับเมืองนวัตกรรมอาหารในภูมิภาคอาเซียนและเวทีโลก โดยคาดหวังให้เกิดการลงทุนในกิจกรรมวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมของบริษัทในอุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง นอกจากนี้ ยังเป็นเวทีในการอัพเดทความรู้จากวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมอาหารจากอุตสาหกรรมอาหารทั้งของประเทศไทย ภูมิภาคอาเซียน และระดับสากล ส่งเสริมให้เกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจและเชื่อมโยงความร่วมมือด้านการวิจัยพัฒนาระหว่างบริษัทอาหารของไทยกับบริษัทต่างชาติ ตลอดจนเชื่อมโยงและสร้างโอกาสเครือข่ายความร่วมมือระหว่างเมืองนวัตกรรมอาหารกับบริษัทและหน่วยงานต่างประเทศในระดับภูมิภาคอาเซียน เอเชีย แปซิฟิก ยุโรป และคลัสเตอร์อาหารของอเมริกา ผลักดันให้เกิดกลไกความร่วมมือในการทำงานร่วมกันแบบรัฐร่วมเอกชน
ดร.อัครวิทย์ กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมอาหารเป็นรายได้สำคัญของประเทศไทย และเป็นอุตสาหกรรมที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหารตอบสนองไลฟ์สไตล์ชีวิตของในยุคดิจิตอลอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้ สามารถพูดได้เลยว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารของโลก ดูได้จากรางวัลอันดับ 1 ของโลก ที่ทางบริษัทไทยยูเนี่ยนได้รับ ซึ่งถือเป็นเครื่องการันตีได้ถึงความเป็นมาตรฐานสากลที่ประเทศไทยทำได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) โทรศัพท์ 02 160 5432 ต่อ 730 (วรรณพร) 081 753 6119 (แพรประพันธ์) Email: [email protected] / Website: www.sti.or.th / Facebook: https://www.facebook.com/STI สวทน.