“สวนผักคนเมือง” ต่อยอดเป็นอาชีพสร้างสรรค์ได้

ขึ้นชื่อว่า ผัก เป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ต่างๆ เช่น วิตามินบี 2 บี 6 กรดโฟลิก แมกนีเซียม แคลเซียม ธาตุเหล็ก ทองแดง โพแทสเซียม โดยเฉพาะวิตามินนั้น มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เบตาแคโรทีน หรือวิตามินเอ ซี และอี ช่วยชะลอความเสื่อมร่างกายและผิวพรรณเต่งตึง สดใส ป้องกันโรคหัวใจ โรคต้อกระจกโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ โรคข้อเสื่อม เพิ่มภูมิต้านทานโรค และป้องกันโรคความดันโลหิตสูง ส่วนแคลเซียม ป้องกันโรคกระดูกพรุน ธาตุเหล็กป้องกันโรคโลหิตจาง เส้นใยอาหารในพืชมีสารเฉพาะที่เรียกว่าสารพฤกษเคมี สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้หลายชนิด องค์การอนามัยโลก แนะนำว่าอาหารที่กิน และจะช่วยป้องกันโรคได้จะต้องมีผักผลไม้อย่างน้อยวันละ 400 กรัมขึ้นไปหรือต้องกินปีละ 146 กิโลกรัม/คน เฉลี่ยเดือนละ 12 กิโลกรัม ดังคำกล่าวที่ว่า “กินผักดีกว่า ถูกกว่าค่ายารักษาโรค และอร่อยกว่ากินยา”

หลายคนที่รักสุขภาพ และกินผักเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่เขตเมืองทั้งใน กทม. และตามเมืองใหญ่ๆ ในต่างจังหวัด มีความสนใจอยากปลูกผักกินเอง เพราะมั่นใจในความปลอดภัย และลดรายจ่ายซื้อกับข้าว ได้กินผักสดตัดมาใหม่ๆ แต่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ปลูก เนื่องจากสภาพที่อยู่อาศัยในเขตเมืองมีทั้งเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถว คอนโดฯ หรืออาคารชุด ไม่เอื้อต่อการทำสวนผักนัก

เมื่อเร็วๆ นี้ ทาง สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ OKMD ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้ อำนวยความสะดวกให้ประชาชนทุกวัยทุกกลุ่ม สามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่หลากหลาย เพื่อการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อยกระดับทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพและมีคุณภาพชีวิตดี ได้ตอบโจทย์ให้แล้วว่าพื้นที่น้อยไม่ใช่ปัญหาของการปลูกผัก จึงได้จัด “พื้นที่ให้บริการความรู้สาธารณะ” ที่ศูนย์สร้างสุขทุกวัย ภายในสวนลุมพินี ให้ความรู้เรื่อง การทำสวนผักคนเมือง” โดยเชิญ “ป้าป้อม- ศิริกุล ซื่อต่อชาติ” ซึ่งเป็น “กูรู” ด้านการปลูกผักคนเมือง มาให้ความรู้ วิธีการขั้นตอนการปลูกและให้คนเมืองทุกคนที่เข้ามาเรียนรู้ และจัดเวิร์กช็อปให้ผู้ร่วมเวิร์กช็อปได้ลงมือ มีทักษะในการปลูกด้วยตนเอง ควบคู่กับนิทรรศการเรื่องชีวิตดี๊ดีวิถีสวนครัว ให้ความรู้แก่ผู้ที่รักการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย แบบวิถีธรรมชาติและความพอเพียงอย่างเต็มอิ่ม

ป้าป้อม กูรูสวนผักคนเมือง

 “ป้าป้อม-ศิริกุล” เริ่มต้นให้ข้อมูลน่าสนใจไว้ว่า การปลูกผักคนเมือง มี 4 ขั้นตอนง่ายๆ คือ 1. การเตรียมดิน 2. การเพาะต้นกล้า 3. การย้ายต้นกล้า และ 4. การปลูกผักลงกระถาง  โดยให้เริ่มจากปลูกผักที่เราจะกินก่อน ควรเป็นผักประเภทที่โตง่าย ใช้เวลาเติบโตไม่มากนัก คำนึงถึงปัจจัยสำคัญในการปลูก คือ แสง ดิน น้ำ อากาศ ให้เหมาะสมกับพืชแต่ละชนิด โดยรายละเอียดในแต่ละขั้นตอน มีดังต่อไปนี้

 1. การเตรียมดิน หัวใจสำคัญที่สุดของการทำสวนผักคนเมือง คือ การปรุงดิน เพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน ให้ผักเจริญเติบโตงอกงาม

 วัสดุที่ใช้ปรุงดิน ประกอบด้วย

  1. ดินบรรจุถุงที่มีขายในร้านจำหน่ายต้นไม้ ซึ่งมักจะมีวัตถุอินทรีย์ไม่มาก ที่แนะนำควรเป็นดินอินทรีย์ เช่น ดินใบก้ามปู การใช้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ หากมีพื้นที่น้อย อาจใช้ดิน 1 กระสอบเล็ก
  2. ปุ๋ยคอก เช่น ขี้วัว ขี้ไก่
  3. ขยะอินทรีย์จากครัวเรือน เช่น เศษผัก เปลือกไข่ที่ล้างไข่ขาวออกแล้วและบดให้ละเอียด เศษใบไม้ หากใบใหญ่ให้ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ผลไม้ กากกาแฟ เป็นต้น
  4. น้ำหมักจุลินทรีย์ หาซื้อได้จากร้านขายต้นไม้
  5. น้ำตาลทราย จะเป็นตัวช่วยให้เชื้อจุลินทรีย์ทำงานย่อยสลายสารอินทรีย์ได้ดีขึ้น

โดยผสมในสัดส่วน ดิน 2 กอง+ปุ๋ยคอก 1 กอง+ขยะอินทรีย์จากครัวเรือน โรยน้ำตาลลงไปเล็กน้อย  และคลุกวัสดุปรุงดินทั้งหมดในกระบะหรือภาชนะที่มีให้เข้ากัน  จากนั้นให้รดด้วยน้ำหมักจุลินทรีย์ ใช้ปริมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ อาจผสมน้ำก็ได้ และรดน้ำตาม ให้พอดีคือดินไม่แฉะหรือไม่แห้งเกินไป

Advertisement

 วิธีการทดสอบง่ายๆ ว่าพอดีคือ เมื่อปั้นดินแล้ว ดินจับตัวกันเป็นก้อน ไม่แตก จากนั้นให้บรรจุดินที่ปรุงแล้ว ลงถุงกระสอบดินที่ซื้อมา  มัดปากถุงหลวมๆ เพื่อให้มีอากาศเข้าได้ แล้วเก็บไว้ในที่ร่มโดยวางถุงตามแนวนอน เพื่อให้อากาศถ่ายเท ระวังอย่าให้โดนแดด มิฉะนั้นเชื้อจุลินทรีย์ในดินจะตาย และให้กลับด้านกระสอบทุก 3 วัน หมักดินปรุงไว้นาน 7-10 วัน สารอินทรีย์จะย่อยสลาย ก็สามารถนำมาใช้ปลูกผักได้    สภาพของดินที่ปรุงได้ที่ และมีความเหมาะสมกับการปลูก เมื่อดมแล้วจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ หรือที่เรียกว่า หอมดิน

Advertisement

 2. การเพาะต้นกล้า  เพาะลงภาชนะอะไรก็ได้ เช่น กล่องอาหาร ตะกร้าพลาสติกใส่ขนมจีน เป็นต้น

วัสดุที่จะใช้เพาะต้นกล้า

ให้ใช้แกลบดำ 1 ส่วน + ขุยมะพร้าวร่อน 2 ส่วน ร่อนรวมกัน จากนั้นบรรจุลงภาชนะ หากเป็นภาชนะที่มีรูข้างล่าง ให้ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์กุก่อน และทำร่องเล็กๆ เป็นแนว โรยเมล็ดผักลงในร่อง และกลบดิน จากนั้นรดน้ำเบาๆ อาจใช้ฟ็อกกี้ฉีดพ่นก็ได้ หรือใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปิดดินก่อน แล้วจึงรดน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เมล็ดผักกระจาย และให้วางภาชนะไว้ในที่ร่ม อย่าให้โดนแดด ประมาณ 3-4 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก

 3. การย้ายต้นกล้า เพื่อลงถาดหลุม โดยใช้ดินที่ปรุงไว้และใช้ได้แล้ว นำมาร่อนให้เป็นผงเล็กๆ แล้วบรรจุลงในถาดหลุม ในการย้ายต้นกล้าลงถาดหลุม ให้ใช้ไม้ปลายแหลมค่อยๆ งัดต้นกล้าออกมา ระวังอย่าให้รากขาด และวางในหลุม โดยใช้ปลายไม้แตะที่รากแล้วกดลงดิน ให้ใบโผล่เหนือดิน จากนั้นให้รดน้ำ และวางไว้ใต้ชายคาที่แดดส่องถึง ให้ต้นกล้าสัมผัสกับแดด และรดน้ำทุกวัน ระวังอย่าให้ขาดน้ำ ประมาณ 2 อาทิตย์ ผักจะโต และออกใบจริง

 4. การปลูกผักลงกระถาง  ให้เตรียมกระถางปลูก โดยใช้เปลือกมะพร้าวสับใส่รองก้นกระถาง 1 ส่วน ช่วยสำหรับระบายน้ำได้ดี จากนั้นใส่ดินที่ปรุงแล้วลงไปอีก 3 ส่วน เหลือพื้นที่ไว้ประมาณ 1 เซนติเมตร  รดน้ำให้ชุ่ม จากนั้นย้ายต้นผักจากถาดหลุม โดยใช้ด้ามช้อนแซะที่ขอบหลุมเพื่อป้องกันไม่ให้รากต้นกล้าช้ำ มือจับต้นผัก ลงปลูกในกระถาง และพูนดินที่ลำต้นเพื่อประคองพยุงต้น ไม่ให้ใบแปะติดที่ดิน และปิดคลุมหน้าดินด้วยฟาง เพื่อรักษาความชุ่มชื้นหน้าดินไว้ และรดน้ำตาม จากนั้นให้วางกระถางในที่ที่มีแดด ประมาณ 40 วัน ก็สามารถนำผักมาปรุงเป็นอาหารรับประทานได้แล้ว

ผักที่คนเมืองจะปลูกคือ ผักที่จะกิน ในขั้นต้น แนะปลูกผักสวนครัว 8 ชนิด คือ หอม ขึ้นฉ่าย โหระพา กะเพรา ตะไคร้ ผักสลัด ผักชายา หรือไชยา หรือคะน้าเม็กซิกันใช้แทนผักคะน้า วอเตอร์เครส หรือสลัดน้ำ จะช่วยประหยัดรายจ่ายค่ากับข้าวได้ดี

รูปแบบการปลูก สามารถปรับให้เข้ากับสภาพที่อยู่อาศัย ทั้งที่เป็นอาคารชุดหรือคอนโดฯ ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว หรือบ้านเดี่ยว เช่น ปลูกในกระถาง แล้ววางในแนวตั้งแทนหรืออาจแขวนที่กำแพงบ้านก็ได้  ดินปลูกที่ใช้แล้ว ไม่ต้องทิ้งไปไหน สามารถนำกลับมาปรุงใหม่เพื่อให้เป็นดินที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ เป็นอาหารให้ผักเจริญงอกงามได้

การทำสวนผักคนเมือง มีเสน่ห์ เป็นการเกษตรแบบประณีต คนปลูกได้ใส่ใจ ใส่ความรักลงไป เฝ้าทะนุถนอมติดตามการเติบโต แตกกิ่งก้าน จนผลิดอกออกผลเก็บเกี่ยวมารับประทาน มีคลังอาหารสดให้ครอบครัวที่ไม่ได้ช่วยให้แค่อิ่มท้อง สุขภาพดีเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยเติมเต็มหัวใจ มีสมาธิ เป็นการนำภาชนะ ของใช้ต่างๆ ที่มีในครัวเรือนอยู่แล้ว และขยะอินทรีย์จากก้นครัวกลับมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่   อาจยึดเป็นอีกอาชีพที่สามารถทำเป็นรายได้เสริมหรือรายได้หลักครอบครัวได้อีกด้วย

 สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ หรือ OKMD จะคัดสรรความรู้และกิจกรรมเวิร์กช็อปสร้างทักษะเรื่องใหม่ๆ อาชีพใหม่ๆ มาให้บริการสาธารณะเพื่อคนทุกวัย หรือ Knowledge in the park ครั้งต่อไป ในวันที่ 1-2 ธันวาคม 2561 ผู้ที่สนใจ สามารถติดตามดูได้ที่เว็บไซต์ www.okmd.or.th ซึ่งจะได้พบกับทั้ง Knowledge Box กล่องความรู้ที่รวบรวมคลิปเกี่ยวกับความรู้ ทักษะ และอาชีพใหม่ๆ ที่น่าสนใจและกำลังอยู่ในความต้องการของตลาด และ Knowledge Link ที่รวบรวมข้อมูลเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับความรู้และทักษะที่น่าสนใจด้านต่างๆ อาทิ การศึกษา การประกอบธุรกิจและการลงทุน สุขภาพอนามัย ภาษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้ เป็นต้น