ปลดล็อกปลูกไม้พะยูงส่งออก “หงมู่” สบช่องเพาะกล้ารอขาย 2 ล้านต้น

กระทรวงเกษตรฯ มิติใหม่ ปลดหนี้สินเกษตรกรไทย เร่งยกร่างประกาศขึ้นทะเบียนหนุนปลูกไม้พะยูงสายพันธุ์ต่างประเทศเพื่อส่งออก ชี้ราคาแพงและอยู่นอกเหนือกฎควบคุมไม้ยืนต้น 58 ชนิด ที่กรมป่าไม้ควบคุมอยู่ ด้าน “หงมู่” เร่งตลาดกล้าไม้พะยูง พร้อมออกใบรับรองสุขอนามัยปลอดโรค ประเดิมปลูกที่ลำปาง 2 แสนต้น ภายในปีนี้

แหล่งข่าวจากกรมวิชาการเกษตร เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กรมเป็นผู้กำกับดูแลการนำเข้าพันธุ์พืชจากต่างประเทศตาม พ.ร.บ. ควบคุมพันธุ์พืช พ.ศ. 2542 กรมกำลังร่างระเบียบหรือประกาศกรมวิชาการเกษตรเรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขึ้นทะเบียนแปลงปลูกพืชอนุรักษ์ประเภทไม้ยืนต้นเพื่อการส่งออก อาทิ ไม้พะยูงสายพันธุ์จากต่างประเทศ และไม้ยืนต้นชนิดอื่นๆ นอกเหนือจากไม้ยืนต้น 58 ชนิด ที่กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควบคุมอยู่ โดยได้ประชาพิจารณ์ไปเมื่อไม่นานมานี้ และผ่านคณะอนุกรรมการต่างๆ อีกหลายขั้นตอน คาดว่า ปี 2562 อธิบดีกรมวิชาการเกษตรจะเซ็นอนุมัติประกาศฉบับนี้ได้ และจะประชาสัมพันธ์เกษตรกรปลูกไม้ยืนต้นเหล่านี้ต่อไป

ทั้งนี้ ผู้ที่ปลูกไม้พะยูงเพื่อการส่งออกต้องมาขึ้นทะเบียนที่กรมวิชาการเกษตร และต้องนำหลักฐานใบสุขอนามัยหรือใบปลอดโรคในการซื้อกล้าไม้ที่นำเข้าเมล็ดจากต่างประเทศมาเพาะ แต่หากนำเข้าเป็นต้นกล้า ต้องแสดงใบอนุญาตการนำเข้าที่ถูกต้อง กับหลักฐานเอกสารสิทธิในที่ดินที่ปลูก ซึ่งที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิขึ้นทะเบียนปลูกเพื่อส่งออกไม่ได้

“ไม่มีการกำหนดเวลาในการขึ้นทะเบียน ว่าต้องดำเนินการภายในกี่ปี เพียงแต่ผู้ปลูกมั่นใจว่าต้นไม้อยู่รอดเท่าใด ก็มาขึ้นทะเบียนได้ ซึ่งประกาศฉบับนี้ถ้าออกมาจะถือเป็นมิติใหม่ในอาชีพที่มั่นคง และการส่งออกสินค้าใหม่ๆ ของไทย” แหล่งข่าวกล่าว

ด้าน ดร.เจษฎา สิงห์ทองชัย ประธานกรรมการ บริษัท หงมู่ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทได้เปิดจำหน่ายกล้าไม้พะยูงไหหลำและกล้าไม้พะยูงเวียดนามในไทยเป็นครั้งแรกมา 5-6 เดือนแล้ว หลังจากได้นำเข้าเมล็ดพันธุ์จากคู่ค้าทั้ง 2 ประเทศ มาเพาะเป็นกล้าไม้จำนวนมากในปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะปลูกกล้าไม้พะยูงเวียดนาม 2 แสนต้นในแปลงใหญ่ที่ อ.เถิน จ.ลำปาง พื้นที่ประมาณ 2,000 ไร่ เนื่องจากไม้พะยูงเวียดนามมีความทนทานต่อโรครบกวน

“การทำตลาดกล้าไม้พะยูงจนถึงขณะนี้ สามารถจำหน่ายกล้าไม้พะยูงดังกล่าวให้ลูกค้าไปปลูกทั่วประเทศประมาณ 3 หมื่นต้น ซึ่งทางบริษัท พร้อมจะออกใบสุขอนามัยหรือใบรับรองการปลอดโรคในการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ไม้พะยูงไหหลำจากคู่ค้าสาธารณรัฐประชาชนจีน และไม้พะยูงเวียดนามจากประเทศเวียดนามให้ลูกค้าที่มาซื้อพันธุ์ไม้พะยูงทั้ง 2 ชนิดที่จะนำไปปลูก รวมทั้งออกใบรับรองการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ที่ถูกกฎหมายและเป็นพันธุ์แท้ให้กับลูกค้าด้วย”

ดร.เจษฎา กล่าวว่า บริษัทพร้อมซื้อไม้พะยูงไหหลำและเวียดนามจากลูกค้าที่ซื้อกล้าไม้จากบริษัทในราคาตลาดด้วย เนื่องจากไม้พะยูงไหหลำและพะยูงเวียดนามสามารถตัดจำหน่ายและส่งออกไปต่างประเทศได้ โดยจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและแบบฟอร์มการส่งออกไม้พะยูงทั้ง 2 พันธุ์ จากต่างประเทศ และไม้ยืนต้นอื่นๆ จากป่าปลูกนอกเหนือพันธุ์ไม้ 58 ชนิด ซึ่งทางกรมป่าไม้ควบคุมอยู่ แต่ขณะนี้กรมวิชาการเกษตรอยู่ระหว่างการร่างประกาศกรม ทั้งนี้ การส่งออกไม้พะยูงไหหลำและเวียดนามสามารถส่งออกได้ถูกต้องตามกฎหมาย ต่างจากไม้พะยูงสายพันธุ์ไทยที่ยังติดปัญหาเป็นไม้หวงห้าม 58 ชนิด ส่งออกไม่ได้ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ห้ามส่งออก-นำเข้าจาก สปป.ลาว และกัมพูชา

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์