เปลี่ยนวัชพืชชายทะเล ให้เป็นเงิน ทำ “ชาใบขลู่” ขายกิโลละ 600 บาท

ชุมชนที่กำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของไทยก็คือ ชุมชนปากน้ำประแส

เป็นชุมชนแห่งหนึ่งของอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ชุมชนแห่งนี้เป็นหมู่บ้านชายทะเลที่เคยรุ่งเรืองในอดีต หมายถึงว่า สมัยที่ยังไม่มีถนนบางนา-ตราด นั้น ใครจะเข้ากรุงเทพฯ จะพากันมาลงเรือที่ปากน้ำประแส

ปัจจุบัน ชุมชนปากน้ำประแส ยังรักษาสภาพทั่วไปเหมือนในอดีตที่มีอาชีพประมงเป็นหลัก อาหารทะเลของที่นี่ นอกจากสดแล้วราคายังถูกด้วย นักท่องเที่ยวเกือบทุกคนถ้าได้มาเที่ยวที่นี่ มักจะซื้อปลาแห้ง กุ้งแห้ง และกะปิ เป็นของฝาก

ล่าสุดก็เมื่อไม่นานมานี้มีเพิ่มขึ้นอีกสิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องซื้อไปกินเองและเป็นของฝาก สิ่งนั้นคือ ชาใบขลู่

%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%9a%e0%b8%82%e0%b8%a5%e0%b8%b9%e0%b9%885

ที่จริงต้นขลู่ซึ่งเป็นวัชพืชได้ขึ้นงอกงามอยู่ที่ชายทะเลและใกล้ๆ กับป่าชายเลนที่ปากน้ำประแสมานานแล้ว

ชาวบ้านและชาวประมงอย่างดีก็แค่นำใบอ่อนของต้นขลู่มาลวกกินกับน้ำพริก แต่แล้วอยู่ๆ ชาใบขลู่เกิดโด่งดังขึ้นมาเอง จากประจวบคีรีขันธ์และใกล้เคียงที่ได้นำใบขลู่มาทำเป็นชาใบขลู่

ที่ชาใบขลู่โด่งดังเพราะมีสรรพคุณหลายอย่าง เช่น ลดความดันโลหิต แก้โรคเบาหวาน แก้ท้องอืด ขับลม เส้นตึง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ หากกินทุเรียนแล้วกินชาใบขลู่ไปด้วยก็จะไม่ร้อนใน ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ชอบกินทุเรียนเป็นอย่างยิ่ง

ทว่าโดยส่วนตัว ผมรู้จักชาใบขลู่มาจากเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งคือ คุณบรรเจิด นามจิตร ได้นำมาให้เพื่อนๆ กิน โดยยืนยันว่าทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้น

เพื่อนๆ ทุกคนเชื่อ เพราะเดิมทีคุณบรรเจิดจะเดินไปไหนมาไหนต้องใช้ไม้เท้า

แต่พอได้กินชาใบขลู่เพียงไม่กี่เดือนสามารถเดินได้โดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า ถึงขนาดเพื่อนคนที่ว่านี้เรียกชาใบขลู่เสียใหม่ว่าชาทิ้งไม้เท้า

ถึงแม้ผมเชื่อว่า ชาใบขลู่ต้องดีแน่กับโรคกระดูก แต่เนื่องจากร่างกายของผมไม่มีปัญหาเรื่องกระดูก ถึงแม้เพื่อนให้มากิน ผมก็กินบ้างไม่กินบ้าง

แต่พอได้ไปพบชาใบขลู่ที่ชุมชนบ้านประแสผมก็อดซื้อมากินไม่ได้ เพราะถ้ากินเป็นประจำเหมือนกับน้ำก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร คิดว่าเป็นการกินชาจีนก็แล้วกัน ราคาก็ไม่แพงด้วย

ที่ชุมชนบ้านประแส มีบ้านที่ผลิตชาใบขลู่ส่งขายไปทั่วประเทศ ไม่ได้ส่งเอง แต่จะมีคนมาซื้อไปขายต่อบ้าง สั่งซื้อมาทางไปรษณีย์บ้าง

การผลิตชาใบขลู่ของที่นี่ไม่ได้ทำคนเดียว แต่ตั้งเป็นกลุ่ม รวมแล้ว 30 กว่าคน โดยแบ่งงานกันทำ มีรายได้ก็มาแบ่งกัน ซึ่งทำให้ทุกคนมีรายได้ โดยเฉพาะคนสูงอายุ นอกจากได้เพลิดเพลินกับการได้ทำงานแล้วยังได้เงินใช้อีก

%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%9a%e0%b8%82%e0%b8%a5%e0%b8%b9%e0%b9%881หัวหน้ากลุ่มชื่อ ชะโลม วงศ์ทิม ปัจจุบันอายุ 71 ปี เดิมมีอาชีพประมง

หัวหน้ากลุ่มได้เล่าความเป็นมาและเป็นไปของการทำชาใบขลู่ให้ผมฟังว่า เริ่มทำชาใบขลู่มา 6 ปีแล้ว โดยมีผู้รู้มาสอนให้ กิจการก้าวหน้าดีพอสมควร

ขั้นตอนการผลิตชาใบขลู่จะเริ่มจากใช้คนในกลุ่มไปตัดต้นขลู่ซึ่งขึ้นอยู่ทั่วไป แต่จะเลือกเฉพาะต้นที่ขึ้นอยู่ในป่าไกลจากถนน เพราะจะปลอดภัยจากสารพิษที่พ่นออกมาจากรถยนต์

นำกิ่งใบขลู่มาเด็ดเอาแค่ใบแล้วนำไปทำความสะอาดด้วยน้ำ

จากนั้นเอาใบขลู่ลงหม้อนึ่งเพื่อลดความกร่อย

แล้วนำใบขลู่ไปตากในตู้กระจกที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อไล่ความชื้น

เมื่อความชื้นถูกกำจัดจากแสงอาทิตย์หมดแล้ว ก็นำเข้าเตาอบจนแห้งอีกครั้ง เป็นอันเสร็จพิธี

หัวหน้ากลุ่มบอกว่าการทำชาทุกชนิดไม่ว่าจะทำจากอะไร ถ้าทำไม่ดีจะมีเชื้อราซึ่งแทนที่กินแล้วจะได้ประโยชน์ก็จะมีโทษ

%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%9a%e0%b8%82%e0%b8%a5%e0%b8%b9%e0%b9%882

%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%9a%e0%b8%82%e0%b8%a5%e0%b8%b9%e0%b9%883

%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%9a%e0%b8%82%e0%b8%a5%e0%b8%b9%e0%b9%884

“ชาใบขลู่ของที่นี่จึงต้องทำอย่างดี ไม่ให้เกิดเชื้อรา ถึงจะเก็บไว้นานเป็นปีก็ไม่เป็นไร” แกยืนยัน เมื่อผมถามว่าถ้าชาใบขลู่ขายดีขึ้นอีกจ ะมีปัญหาเกี่ยวกับวัตถุดิบหรือไม่

หัวหน้ากลุ่มบอกว่า ไม่มี เหตุที่ไม่มีก็เพราะต้นขลู่ขึ้นง่ายขยายพันธุ์เองไปตามธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการขายนั้นมีปัญหาในระยะแรก ปัจจุบัน จากปากต่อปากทำให้ขายดีขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญชาใบขลู่กินแล้วมีประโยชน์จริงๆ โดยผู้กินรับรองผล จึงสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ซื้อไปดื่ม

วันนั้นผมอุดหนุนด้วยการซื้อติดมือมา 4 ถุง ถุงละ 60 บาท ถุงหนึ่งๆ มีน้ำหนักเพียงขีดเดียวหรือเท่ากับ 100 กรัม แต่เยอะมาก สามารถกินได้หลายวัน เพราะชงแต่ละครั้งใช้แค่ประมาณ 10 ใบเท่านั้น หากจะดื่มน้ำชาใบขลู่เหมือนดื่มน้ำ ซองหนึ่งๆ ดื่มได้เป็นเดือน

ราคาขายจะเหมาะสมหรือเปล่าไม่รู้ แต่ได้รับคำอธิบายจากหัวหน้ากลุ่มว่า

ใบขลู่สดๆ หนัก 25 กิโลกรัม พอนำมาผ่านขั้นตอนทำเป็นชาใบขลู่แล้วจะเหลือเพียง 5 กิโลกรัมเท่านั้น

ราคาขายชาใบขลู่ กิโลกรัมละ 600 บาท ก็จะได้ 3,000 บาท บางวันก็ทำได้มากกว่านี้ บางวันก็ได้น้อย อยู่ที่สมาชิกจะมาร่วมกันทำมากน้อยแค่ไหน

แบ่งเงินรายได้กันแล้ว ก็พออยู่กันได้ แต่ละคนแต่ละวันมีค่าใช้จ่ายน้อย เพราะเป็นชุมชนที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้ๆ กัน เดินไปทำงานได้ โดยเฉพาะคนสูงอายุนั้นจะพากันมาช่วยทำกันมากเป็นพิเศษ เพราะอยู่บ้านก็เหงาไม่รู้จะทำอะไร  เมื่อยก็พัก ทุกคนได้ทั้งงานได้ทั้งเงิน และได้ทั้งด้านจิตใจ  เพราะจะมีความสุขกับการทำงาน และบางคนมาหารายได้เสริมเท่านั้น เพราะมีอาชีพอื่นทำเป็นหลักอยู่แล้ว