สวนขวดและสวนถาด สร้างเป็นสินค้ามูลค่าเพิ่มจากสิ่งที่มี

 

อุปกรณ์ในการทำสวนขวด เช่น หิน ปากคีบหรือฟอร์เซป และตุ๊กตาประดับ

อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงานปูนต่างๆ เช่น กระถางปลูก ปูนซีเมนต์ขาว หินกรวด และขวดสเปรย์น้ำเปล่า

ดิฉัน (นางสาวกรกต มรรคสมุทร และ นายวสันต์ แสงอินทร์) เป็นผู้ปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับอยู่แล้ว จึงได้มองเห็นโอกาสนี้ ได้ออกแบบและศึกษาลองผิดลองถูกมาหลายครั้งจนพบว่าเราสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการปลูกไม้ดอกไม้ประดับทั่วไปเพียงอย่างเดียว แต่เราเพิ่มใส่ไอเดียและงานปูนเข้าไปผสมผสานเกิดมาเป็นสวนขวดและสวนถาดขนาดเล็กที่สร้างเรื่องราวต่างๆ ปนจิตนาการลงไป ที่สามารถนำมาตกแต่งในที่พัก ซึ่งใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อยก็สามารถปลูกเลี้ยงและนำมาประดับตกแต่งที่พักให้ดูสบายตา คลายเครียด สามารถดูดสารพิษ เกิดความผ่อนคลายได้อีกด้วย

การลองผิดก็ดี ลองถูกก็ยิ่งดีใหญ่ ดังนั้น จงกล้าที่จะลอง ยิ่งลองก็ยิ่งรู้จริง

กระถางที่มีการปลูกไม้ประดับและนำบ้านจิ๋วมาวางเพื่อใช้ในการตกแต่ง

จุดเริ่มต้นที่ผู้เขียนเริ่มมาสร้างมูลค่าเพิ่มจากการที่ผู้เขียนปลูกไม้ดอกไม้ประดับเพียงอย่างเดียว และได้สนใจศึกษาเกี่ยวกับงานปูนปั้นต่างๆ จึงได้ลองศึกษาเกี่ยวกับการทำกระถางด้วยปูนก่อน เพราะส่วนตัวนั้นผู้เขียนชอบงานปูนมาก เนื่องจากลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ที่เรียบง่ายแต่แข็งแรงของปูนซีเมนต์ จนผู้เขียนได้ลองทดลองทำตามข้อมูลจากหลายแหล่งจนพบส่วนผสมที่เหมาะสมต่อการผสมปูนซีเมนต์ขาวคือ อัตราปูนต่อน้ำเปล่า 2 : 1 โดยทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง และไม่ต้องนำไปตากแดด แต่ควรทิ้งไว้ในที่ร่มที่อุณหภูมิห้อง

เนื่องจากการนำไปตากแดดนั้นเป็นการเร่งให้เนื้อปูนแห้งเร็ว เนื้อปูนจึงยังไม่เซ็ตตัวดี เมื่อแห้งจะเกิดการแตกร้าวและเปราะง่ายนั้นเอง จากนั้นผู้เขียนได้นำปูนซีเมนต์ขาวมาลองผสมน้ำ ในอัตรา 2 : 1 และสร้างแบบขึ้นมาจากวัสดุต่างๆ เช่น กระดาษแข็ง ดินน้ำมัน หรือเศษไม้ต่างๆ เพื่อนำมาทำเป็นกรอบของแบบ หรือการนำดินน้ำมันมาปั้นตามแบบที่เราต้องการ เช่น แผ่นทางเดิน บ้านจิ๋ว เห็ดจิ๋ว ตู้ไปรษณีย์จิ๋ว เป็นต้น

และนำปูนที่ผสมเทลงไปในแบบ รอจนแห้ง แกะแบบออกก็จะได้แบบตามต้องการ ให้นำกระดาษทรายมาขัดเพื่อให้เกิดความเนียนบนพื้นผิวหรือรูปทรงตามต้องการ ซึ่งบางครั้งงานปูนก็ยังสามารถผสมผสานกับงานไม้ได้ด้วยแต่ต้องใช้จินตนาการเข้ามาช่วยจะทำให้นึกภาพออกได้ง่ายขึ้น เช่น การทำตู้ไปรษณีย์ ผู้เขียนจะเลือกใช้ปูนเป็นส่วนของตัวตู้และจะเลือกใช้ไม้จากไม้เสียบลูกชิ้นมาทำเป็นฐาน แล้วใช้ปืนกาวช่วยยึดให้ติดกัน

. เห็ดที่ทำจากปูนซีเมนต์ ได้แม่แบบที่ทำจากดินน้ำมัน ขัดด้วยกระดาษทรายและลงสี

จากนั้นนำมาลงสีเพื่อให้เกิดความสวยงามและเหมือนจริง โดยเลือกใช้สีอะครีลิก เนื่องจากสีอะครีลิกนั้นเป็นสีที่ทึบแสง แห้งไว และทนทานมาก จึงเหมาะกับงานปูนที่ต้องการความทนทาน จากนั้นพ่นสเปรย์เคลือบเงาหรือแล็กเกอร์เพื่อเพิ่มความทนทานให้วัสดุเพิ่มมากยิ่งขึ้น ส่วนเทคนิคการสร้างทางเดินในสวนที่สำคัญคือ การใส่ทรายลงไปในกระถางให้เต็มก่อน

จากนั้นนำกระดาษแข็งมาทำเป็นแบบเป็นแนวทางเดินโดยใช้ไม้ขนาดเล็กช่วยบังคับเส้นทางบนสวนถาด นำปูนซีเมนต์ขาวโรยตามแนวทางเดินที่ได้ทำไว้จนเต็ม ก็เคาะกับโต๊ะเพื่อให้ปูนเสมอกันตามแบบและนำหินลวดลายต่างๆ มาตกแต่งตามจินตนาการบนเส้นทาง โดยใช้ปากคีบหรือฟอร์เซป คีมหนีบ มาช่วยจัดวางหินได้อย่างตรงตามตำแหน่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้นและใช้ปากคีบกดให้หินจมไปครึ่งหนึ่งของตัวหิน

จากนั้นนำน้ำมาฉีดสเปรย์บนทางเดินจนชุ่มจนเห็นว่าน้ำดูดซึม เห็นว่าหินที่จัดวางไว้ได้อย่างชัดเจน จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เมื่อครบ 1 วัน แล้วแกะกระดาษแข็งอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันการแตกรอบขอบทางเดิน จากนั้นเททรายที่อยู่ภายในกระถางออกให้หมดจะได้รูปของกระถางที่มาพร้อมทางเดินตรงกลางของกระถาง ที่ผู้เขียนใช้ทรายเนื่องจากประสบการณ์ เมื่อใช้ดินเป็นพื้นและมีการเทปูนลงไปในแบบ ฉีดน้ำ และรอจนปูนแห้งจะได้รูปทรงทางเดินเหมือนกัน

ไปรษณีย์จิ๋วที่ลงสีแล้ว ใช้เพื่อตกแต่งสวนถาด

แต่เมื่อนำต้นไม้ปลูกพบว่า ต้นไม้ตายเนื่องจากเศษปูนที่ละลายปนกับดินนั้นเป็นพิษกับต้นไม้ทำให้ต้นไม้ตาย จึงปรับเปลี่ยนเป็นการใช้ทรายเพื่อพยุงทำเป็นทางเดินและเมื่อแห้งให้เททรายออกให้หมด จะกลายเป็นทางเดินที่แห้งแข็งไม่ละลาย ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อต้นพืช เมื่อได้ทางเดินที่สมบูรณ์แล้ว จากนั้นใส่กาบมะพร้าวสับลงไปที่ก้นกระถาง ตามด้วยดินและนำไม้ประดับปลูกลงไป ต้นไม้ที่ผู้เขียนเลือกปลูก เช่น ต้นสายรุ้ง, ต้นแพรหยก, ต้นแพรทอง, ต้นริบบิ้นเขียว, ต้นเล็บครุฑด่าง, ต้นริบบิ้นชาลี ซึ่งล้วนแล้วเป็นไม้ขนาดเล็กและเป็นพืชที่เลี้ยงง่าย นำมาปลูกเลี้ยง จากนั้นนำอุปกรณ์ที่ได้เตรียมไว้มาตกแต่ง เช่น บ้านจิ๋ว, เห็ด, แผ่นทางเดิน มาวางในตำแหน่งที่เหมาะสม แต่งแต้มด้วยจินตนาการด้วยตัวการ์ตูนต่างๆ ก็สามารถเพิ่มเรื่องราวให้สวนถาดได้น่าสนใจเป็นอย่างมาก จนมาเป็นสวนถาดขนาดจิ๋วที่พร้อมจะมอบความสดใสให้กับผู้เลี้ยงได้ไม่ยากนัก

จากการต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่เดิมคือ ไม้ดอกไม้ประดับที่ชอบแล้ว ผู้เขียนได้ลองสร้างสวนขวดทั้งแบบระบบปิดและระบบเปิด ซึ่งทั้ง 2 ระบบ นี้มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นชนิดของต้นไม้ วัสดุที่ใช้ตกแต่งภายใน และสถานที่ตำแหน่งการจัดวาง ซึ่งพบว่า ในการจัดสวนตามแบบเปิดนั้นสามารถเลือกพืชทั่วไปที่ต้องการน้ำและความชื้นตามอุณหภูมิห้อง ต้องการน้ำแต่ไม่มากนัก เช่น ตะบองเพชร, สายรุ้ง, บุษบาพารวย, ริบบิ้นชาลี, แพรหยก, แพรทอง, ริบบิ้นเขียว, ริบบิ้นแดง, เกล็ดแก้ว, เล็บครุฑ, มะพร้าวทะเลทราย เป็นต้น ซึ่งก็สามารถเลือกตามความชอบของผู้ปลูก

วิธีการปลูกสวนขวดแบบเปิด มีขั้นตอนดังนี้

บ้านขนาดจิ๋ว ทำจากปูนซีเมนต์

เตรียมขวดโหลแก้วที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว จากนั้นนำหินภูเขาไฟมารองพื้นให้เต็มเพื่อเพิ่มการระบายน้ำไม่ให้เกิดการขังของน้ำในขวดโหล แล้วนำลงค่อยๆ เติมลงไปจนทั่ว จนไม่เห็นหินภูเขาไฟ แล้วทำการเลือกไม้ประดับที่เราต้องการโดยการเลือกไม้ประดับในการจัดสวนขวด ควรมีต้นไม้ตามหลักการจัดสวนคือ ไม้หลัก ไม้รอง และไม้พุ่มหรือไม้คลุมดิน และนำต้นไม้ที่เอาดินออกโดยให้เหลือแต่ต้นกับรากติดมาเท่านั้น จัดวางตามตำแหน่งที่ต้องการปลูกภายในโหลแก้วและนำดินมาเติมโดยค่อยๆ เดิมด้วยการใช้ช้อนจะช่วยให้ดินและต้นไม้อยู่ในตำแหน่งเดิม

เมื่อเติมดินจนเต็มและโคนต้นแน่นสามารถยืนทรงต้นได้แล้วให้ฉีดน้ำ 1 ครั้ง และเติมดินอีกครั้งจนเต็ม จากนั้นนำหินขนาดต่างๆ มาประดับให้เป็นเส้นทางเดิน หรือนำแผ่นทางเดินมาวาง และโรยด้วยหินชนิดต่างๆ เพิ่มเรื่องราวเติมแต่งแล้วแต่จินตนาการที่ชอบ จากนั้นเสริมแต่งด้วยตุ๊กตาหรือสัตว์ต่างๆ เพื่อเพิ่มความสดใสและเรื่องราวที่สมจริงเข้าไปก็ทำให้สวนขวดมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เท่านี้ก็ถือว่าเสร็จเรียบร้อย

จากที่กล่าวมานั้น ผู้เขียนมีการเปิดช่องทางการขายหลากช่องทาง เช่น จากการขายงานเกษตรแฟร์ลาดกระบัง งานถนนคนเดินลาดกระบัง งาน Art Street ลาดกระบัง และช่องทางเครือข่ายออนไลน์ทาง facebook (https://web.facebook.com/ไม้ประดับราคาไม่แพง) และทาง Instagram ในชื่อ (gamkorrakot) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถเป็นแหล่งแสดงสินค้าและข้อมูลต่างๆ ได้ง่าย สามารถตรวจสอบการสั่งซื้อของลูกค้า ได้พูดคุยกับลูกค้าโดยตรง สามารถสอบถามรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงได้ ซึ่งผู้ปลูกก็จะเข้ามาตอบข้อซักถามรายละเอียดต่างๆ

แต่เนื่องด้วยสวนขวดและสวนถาดนั้นมีความบอบบางมาก และเสียหายง่ายจากการกระทบกระเทือนจึงไม่เหมาะต่อการส่งผ่านทางไปรษณีย์ เหมาะกับการขายผ่านทางหน้าร้านเพราะลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนวัสดุตกแต่งตามที่ต้องการได้ ถึงแม้จะไม่เหมาะกับการส่งทางไปรษณีย์ แต่ผู้เขียนพบว่าสามารถสร้างมูลค่าจากการขายเดิมจะขายไม้ประดับกระถางละ 20-30 บาท แต่เมื่อนำมาตกแต่งงานปูน และใส่ต้นไม้ลงไปจะขายในราคากระถางละ 100-200 บาท ถือว่าสามารถเพิ่มรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากสิ่งที่มีอยู่เดิมให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นด้วยการไม่หยุดคิด ไม่หยุดพัฒนานั้นเอง

การที่สังคมทุกวันนี้มีความเจริญเติบโตมากขึ้น ก็เป็นเพราะมีคนขยัน มีคนพัฒนาตนเองตลอดเวลา ทำให้ประเทศชาติเดินทางไปได้ สังคมเดินหน้า และการที่เรานั้นมีทรัพยากรที่ดีอยู่ในมือ มีความพร้อมนั้นเป็นเรื่องดี แต่หากเราไม่หยุดพัฒนาทรัพยากรของเราเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งตัวเองเอง ชุมชน และประเทศชาติก็จะพัฒนาไปพร้อมๆ กัน อยู่ที่ว่าเราจะมาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศไหม เราจะอยู่อย่างเท่าทันสถานการณ์ เพราะสังคมปัจจุบันเป็นสังคมของข้อมูลความรู้ที่สามารถค้นหาได้เพียงปลายนิ้ว เพียงแค่เราจับเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์และลงมือทำเท่านั้น สิ่งที่คิดหรือความฝันก็กลายเป็นจริงได้ “เพียงแค่ลงมือทำและไม่หยุดพัฒนาตัวเอง”

ทั้งนี้ ผู้เขียนหวังว่าบทความเรื่อง เพียงทำในสิ่งที่ชอบสู่การสร้างชีวิตที่มีเป้าหมาย ตอน สวนขวดและสวนถาดพาเพลิน นั้นจะเกิดประโยชน์สำหรับผู้อ่านไม่มากก็น้อย และหากมีข้อผิดพลาดประการใดผู้เขียนขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย