หนุ่มน้อยไอเดียเก๋ หนุนชาวไร่แปรรูป ‘ใบสับปะรด’ ทำกระดาษ เพิ่มมูลค่า 20 เท่า

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม นายพลพงษ์ ตันติพิพัฒน์พงศ์ หรือน้องมัช อายุ 17 ปี นักเรียนเกรด 12 จากโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาให้ความสำคัญเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด และแต่ละปีหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตของสับปะรด เกษตรกรต้องนำใบสับปะรดไปขายเป็นปุ๋ย ขณะที่เกษตรกรบางกลุ่มนำใบสับปะรดแปรรูปเป็นกระดาษจากเส้นใย โดยใช้ใบ 30 กิโลกรัม (กก.) จะได้ใยสับปะรด 15 กก. จากนั้นนำไปผลิตกระดาษจากใยสับปะรดได้ 60 แผ่น ขายได้ในราคาไม่เกินแผ่นละ 10 บาท นอกจากนี้เกษตรกรยังนำกระดาษจากใยสับปะรดผลิตเป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านหลายประเภทแต่ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร

นายพลพงษ์กล่าวว่า เพื่อเพิ่มมูลค่าของใบสับปะรด จึงเริ่มก่อตั้งโครงการ Ever leaves เพื่อเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือแนะนำเกษตรกรไร่สับปะรด ปรับปรุงพัฒนาการผลิตกระดาษจากใยสับปะรดให้มีคุณภาพดี มีความคงทนสวยงามมากขึ้น และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัย มีรูปแบบการใช้งานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ของคนยุคดิจิทัลมากยิ่งขึ้น  เช่น ทำเป็นกระเป๋าอเนกประสงค์ ใส่มือถือ หรือเครื่องเขียน กระเป๋าใส่บัตร เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยขายได้มากกว่า 20 เท่าจากราคากระดาษจากใยสับปะรด

ปัจจุบันได้ให้ความช่วยเหลือและร่วมงานกับกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสับปะรด มีพื้นที่ปลูกสับปะรดมากที่สุดในประเทศ และเป็นพืชเศรษฐกิจส่งออกมากที่สุดในประเทศ คาดว่าโครงการ Ever leaves จะเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพสินค้าที่แปรรูปจากวัสดุธรรมชาติให้มีมูลค่าเพิ่มและสามารถต่อยอดถ่ายทอดความรู้ไปสู่การพัฒนาส่วนอื่นต่อไป

นางสมใจ บุญใส สมาชิกกลุ่มเกษตรกร จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นำกระดาษจากใยสับปะรดผลิตที่ใส่ไม้จิ้มฟัน กล่องกระดาษทิชชู่ และสินค้าอื่นๆ แต่ขายได้ในราคาไม่แพง ถ้าไม่แปรรูปกระดาษใยสับปะรดจะขายได้น้อย

ขณะที่ราคาสับปะรดปัจจุบันตกต่ำสุดในรอบ 11 ปี ทำให้เกษตรกรมีรายได้น้อยลง เมื่อมีโครงการเข้ามาช่วยให้คำแนะนำ เสนอแนวคิดว่าควรจะนำกระดาษจากใยสับปะรดไปทำเป็นผลิตภัณฑ์แบบไหนที่ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าให้ได้ราคาสูงมากขึ้น และได้ขยายฐานกลุ่มลูกค้าไปยังกลุ่มอื่น ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

สำหรับสินค้าที่ผลิตจากกระดาษใยสับปะรดของโครงการ Ever leaves มีกระเป๋าอเนกประสงค์ ใส่มือถือ เงิน หรือเครื่องเขียน ราคา 359 บาท กระเป๋าใส่บัตร ราคา 259 บาท และที่พันหูฟัง ราคา 159 บาท สินค้าทั้ง 3 ชนิดได้เสริมวัสดุด้านใน ตัดเย็บอย่างดีมีความทนทาน กันน้ำ และผลิตจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้สินค้าทั้งหมดได้รับความสนใจมียอดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการทำวิจัยการตลาดถึงลักษณะการใช้งานของกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ