“ลลิตาฟาร์ม มวกเหล็ก” ฟาร์มม้าเพื่อการท่องเที่ยวและเกษตร

“หากมองในแง่ตลาดของการเลี้ยงม้าในเมืองไทยแล้ว ขณะนี้ต้องถือว่าเฟื่องฟูมาก มีผู้สนใจในวิถีชีวิตความเป็นคาวบอย และหันมาเลี้ยงม้ากันมากขึ้น โดยลักษณะการเลี้ยงมีทั้งเพื่อการใช้ในการขี่ม้าพักผ่อน ม้ากีฬา รวมถึงการบำบัดอาการป่วยต่างๆ หรือที่เรียกว่า อาชาบำบัด เช่น ในกรณีเด็กสมาธิสั้น หรือในกลุ่มผู้สูงอายุที่ใช้เพื่อลดอาการปวดหลัง และการใช้งานเกี่ยวกับการเกษตรต่างๆ”

“ตอนนี้การเลี้ยงม้าในประเทศไทยมีมากขึ้น ทั้งในภาคเหนือ ภาคใต้ การเติบโตของตลาดม้าในวันนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก อย่างทางภาคใต้ เขตจังหวัดปัตตานี พัทลุง สตูล จะพบว่าม้าในแต่ละสนามมีไม่ต่ำกว่า 200-300 ตัว โดยการเลี้ยงเพื่อใช้งานในหมู่บ้านของตนเอง รวมถึงการใช้แรงงานในด้านการเกษตร”

คุณบุญสิตา รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

คุณบุญสิตา รัตนดิลก ณ ภูเก็ต หรือ คุณตุ๊ก เจ้าของลลิตาฟาร์ม บอกกล่าวถึงสถานการณ์การเลี้ยงม้าที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย

ลลิตาฟาร์ม เป็นหนึ่งในฟาร์มม้าชั้นแนวหน้าที่เน้นการสอนด้านการขี่ม้าให้กับผู้สนใจ โดยจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นจากที่ คุณตุ๊ก และ คุณพิศุทธิ์ ผู้เป็นสามี โดยสองสามีภรรยา มีบุตร 2 คน คือ น้องเบส และ น้องเพชร เริ่มต้นทำฟาร์มม้า และสร้างฟาร์มให้เป็นสถานที่ขี่ม้าจากการที่ลูกๆ ชอบไปขี่ม้าตามสถานที่เรียนขี่ม้าใกล้ๆ ฟาร์ม และลูกๆ อยากมีฟาร์มเป็นของตัวเอง

“เราเริ่มต้นด้วยการซื้อม้ามาเลี้ยง 2 ตัว เพื่อให้ลูกได้ขี่”

จากม้าเพียง 2 ตัว ได้ขยายเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องด้วยการหาม้าสายพันธุ์เข้ามาเลี้ยง จนในวันนี้มีม้าทุกขนาดทั้งม้าเพื่อการขี่และใช้งานอยู่ในฟาร์ม ทั้งพ่อแม่พันธุ์และลูกม้า ประมาณ 100 กว่าตัว

นอกจากนี้ ยังเปิดสอนการขี่ม้าให้กับผู้สนใจ โดยลลิตาฟาร์ม ตั้งอยู่เลขที่ 99/2 หมู่ที่ 6 บ้านซับประดู่ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี โทร. (036) 227-353, (081) 937-5379

“การบำบัดอาการสมาธิสั้นด้วยการให้เด็กได้ขี่ม้านั้น เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมและมีผู้ปกครองสนใจส่งลูกๆ มาเรียนการขี่ม้ากันมากขึ้น และที่น่าสนใจอีกประการคือ ในวันนี้หลายพื้นที่เริ่มนำม้าไปใช้งานในการเกษตรก็มีแล้ว อย่างภาคใต้จะนำไปไถที่ดินตามแปลงนาและสวน”

ทั้งนี้ คุณตุ๊ก บอกว่า แต่เดิมนั้นการเลี้ยงม้าจะมีมากในเขตอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ด้วยเป็นเมืองที่มีตำนานความเป็นคาวบอย จึงทำให้นิยมเลี้ยงม้ากันมาก

สำหรับการดำเนินธุรกิจของลลิตาฟาร์มในวันนี้ จึงมีทั้งการเปิดการอบรมการเรียนขี่ม้าตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน การจัดหาสายพันธุ์ม้าทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ และการให้บริการผสมพันธุ์ม้าแก่ผู้เลี้ยงโดยทั่วไป

“เรามีพ่อพันธุ์ม้าพันธุ์ดีให้บริการ โดยผสมครั้งหนึ่ง คิดค่าผสม ประมาณ 20,000 บาท”

“ส่วนการมาเรียนรู้เรื่องการขี่ม้านั้น ทางฟาร์มของเรามีครูฝึกขี่ม้าที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันมาหลายสนาม และจะทำหน้าที่ดูแลผู้เรียนทุกท่านอย่างใกล้ชิด เลือกม้าที่ถูกฝึกมาอย่างดี และเสริมความปลอดภัยด้วยอุปกรณ์เซฟตี้สำหรับทุกท่านทั้งที่ขี่เป็นและไม่เคยขี่มาก่อนเลย รวมทั้งสอนการขี่ม้าในขั้นสูงระดับแข่งขันอีกด้วย” คุณตุ๊ก กล่าว

โดยหลักสูตรการสอนขี่ม้าพื้นฐาน จะมีการสอน ดังนี้

1.เทคนิคการบังคับม้า (Dressage)

2.การขี่ม้าอ้อมถัง (Barrel Racing)

3.การขี่ม้ากระโดด (Show Jumping)

4.การขี่ม้าซิกแซ็ก (Zigzag Racing)

5.การขี่ม้ามาราธอน (Endurance)

6.การขี่ม้าชมภูมิประเทศ (Trail)

คุณตุ๊ก กล่าวต่อไปว่า การเรียนขี่ม้าของลลิตาฟาร์ม ส่วนใหญ่ผู้เรียนจะได้ออกเทรลหลังควบคุมม้าได้ และมีพื้นฐานพอ จะเป็นเทรลสั้นๆ รอบๆ ฟาร์ม หรือท่านที่มีชั่วโมงบินมากหน่อยก็เทรลยาวๆ ตามเส้นทางเทรลของฟาร์ม ไม่มีกฎเกณฑ์หรือระยะทางตายตัว ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม โดยดูจากความสามารถของผู้ขี่ รวมทั้งสุขภาพม้าที่ใช้ขี่ด้วย การเรียนการสอนเช่นนี้ทำให้ไม่เครียด อีกทั้งผู้เรียนเกิดความมั่นใจเพิ่มขึ้นและไม่น่าเบื่อหน่าย

ก่อนการออกเทรล ทางฟาร์มจะดูประสบการณ์ของแต่ละคนด้วย คนยังไม่เคยมาขี่ก็ต้องทดลองขี่ในแปลงตีวงก่อน เพื่อดูว่าท่านขี่ม้าได้หรือไม่ ควบคุมม้าได้ไหม เพราะออกนอกฟาร์มย่อมมีความเสี่ยงต่ออันตรายอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การฝึกม้าออกเทรลได้อย่างปลอดภัย ทางฟาร์มก็จะนำม้าออกฝึกเทรลเป็นประจำเพื่อให้ม้ามีความเคยชินเวลาเจออุปสรรค เช่น ตอไม้ เสียงดัง หลุม และอื่นๆ จะได้ไม่ตื่นตกใจ

ทั้งนี้ คุณตุ๊ก บอกว่า สำหรับผู้สนใจที่จะขี่ม้านั้นสามารถทำได้ในทุกเพศทุกวัย โดยอายุของเด็กที่สามารถขี่ม้าได้อยู่ที่ 3 ปีครึ่ง อายุที่มากสุดสามารถขี่ม้าได้เข้ามาใช้บริการอยู่ที่ 70-80 ปี

ในส่วนของผู้สนใจการเลี้ยงม้า คุณตุ๊ก บอกว่า สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ เพียงขอให้มีใจรักก่อนแล้วค่อยเรียนรู้ถึงเทคนิคการเลี้ยงม้า ส่วนเรื่องทุนทรัพย์เป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่ง

“สำหรับผู้สนใจสามารถมาศึกษาหาความรู้จากฟาร์มของเราได้ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำถึงเทคนิคการเลี้ยงและการจัดการม้าในช่วงอายุต่างๆ”

“ถ้าสนใจจริง สามารถเริ่มต้นด้วยม้าเพียง 2 ตัว เพราะม้านั้นควรเลี้ยงเป็นคู่ อาจเป็นตัวผู้ 1 ตัว ตัวเมีย 1 ตัว เพื่อจะได้เป็นเพื่อนกัน โดยสายพันธุ์ที่นำมาเลี้ยงนั้น ถ้าทุนยังไม่มาก อาจเริ่มต้นด้วยการเลี้ยงม้าสายพันธุ์ไทย โดยจะมีราคาประมาณตัวละ 100,000-200,000 บาท อีกทั้งเลี้ยงง่าย สามารถกินหญ้าได้ทุกอย่าง”

แต่ในกรณีที่ต้องการเลี้ยงม้าสายพันธุ์ดีจากต่างประเทศ จะมีราคาค่าตัวม้าสูงมากขึ้น

“จริงๆ ราคาม้าจากต่างประเทศตัวหนึ่ง อย่างสายพันธุ์อาระเบียน ประมาณ 1,000,000 บาทขึ้น โดยที่จะหนักคือค่าตู้คอนเทนเนอร์สำหรับขนส่งและค่าขนส่ง เมื่อรวมแล้วม้าตัวหนึ่งจะมีต้นทุนประมาณ 1,000,000 กว่าบาทขึ้น และที่สำคัญการเลี้ยงจะยากกว่าม้าไทย เพราะเมื่อนำเข้ามาแล้วต้องมีการปรับสภาพแวดล้อมทุกอย่าง รวมไปถึงเรื่องอาหาร”

ส่วนสถานที่เลี้ยง คุณตุ๊ก บอกว่า อาจเริ่มต้นด้วยการใช้พื้นที่ว่างในบริเวณบ้านก่อนก็ได้ พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ก็สามารถเลี้ยงได้ โดยมีอาหารเม็ดและหญ้าให้ม้าได้กิน ม้านั้นจะมีลักษณะชอบแทะเล็มหญ้าไปเรื่อยๆ ม้าจะมีการเคี้ยวตลอด 24 ชั่วโมง

“ส่วนการป้องกันโรคก็ทำ ดูแลเช่นเดียวกับการเลี้ยงโคนมที่ต้องมีการทำวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ” คุณตุ๊กกล่าว

สำหรับม้าที่ขี่ได้ จะต้องมีอายุประมาณ 3.5 ปีขึ้นไป โดยม้าจะมีอายุอยู่นานกว่า 20 ปี

“ทางลลิตาฟาร์ม พร้อมให้ข้อแนะนำสำหรับผู้สนใจอย่างเต็มที่ เพราะม้าเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจและเมื่อเลี้ยงแล้วจะรู้สึกผูกพันอย่างมาก” คุณตุ๊ก กล่าวทิ้งท้าย