เลี้ยงแพะในสวนยางพาราเสริมรายได้ มูลเป็นปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตสร้างกำไร

คุณวันดี สอนฮุง อยู่บ้านเลขที่ 304 หมู่ที่ 4 ตำบลหนองพันทา อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ ยึดอาชีพทำสวนยางพารามากว่า 10 ปี ต่อมาได้เลี้ยงแพะเป็นอาชีพเสริมควบคู่ไปกับการทำสวนยางพารา โดยในช่วงแรกเน้นเลี้ยงแบบขุนเพื่อส่งขายให้กับพ่อค้า และพัฒนาการเลี้ยงมาเรื่อยๆ เน้นผสมพันธุ์สำหรับขายลูกแพะ จนเกิดเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ให้กับเขาได้เป็นอย่างดี

คุณวันดี เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนยึดอาชีพทำนาเป็นหลักเพื่อสร้างรายได้หลักให้กับครอบครัว บนเนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ ต่อมาภายในจังหวัดบึงกาฬเกษตรกรหลายรายเริ่มมีการปรับเปลี่ยนมาปลูกยางพารากันมาก เขาจึงได้แบ่งพื้นที่นาบางส่วนมาปลูกยางพารา ประมาณ 10 ไร่ และพื้นที่ที่เหลือยังทำนาอยู่เช่นเดิม เมื่อต้นยางพาราเจริญเติบโตจนสามารถกรีดให้น้ำยางเป็นผลผลิตได้ จึงยึดเป็นอาชีพหลักเพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว เมื่อเข้าสู่ปี 58 ยางพารามีราคาขายที่ลดลง จึงได้หาวิธีเสริมรายได้ด้วยการนำแพะเข้ามาเลี้ยงอีกหนึ่งช่องทาง

คุณวันดี สอนฮุง

“การเลี้ยงแพะเริ่มแรกเลยคือลูกชาย เขาก็มาบอกว่าเห็นที่อื่นเลี้ยงแล้วขายได้ ตลาดยังมีความต้องการ เขาก็เลยหานำมาเลี้ยง โดยช่วงแรกเน้นเลี้ยงเป็นแบบแพะขุนขายก่อน ก็ประสบผลสำเร็จดี แต่ด้วยปริมาณแพะที่เยอะขึ้นทำให้พื้นที่อีก 7 ไร่ที่เคยทำนา ก็เลิกทำไป มาปลูกหญ้าเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงแพะขุนแทน พอตลาดเริ่มนิ่งสามารถขายได้ดี ก็เลยเกิดแนวความคิดใหม่ เลี้ยงแต่แม่พันธุ์เพื่อผลิตลูกพันธุ์ขาย น่าจะตอบโจทย์มากกว่า ไม่ต้องเปลืองในเรื่องของการหาอาหารมากนัก และยังสามารถปล่อยเลี้ยงในสวนยางพาราได้อีกด้วย” คุณวันดี เล่าถึงที่มา

โดยการปล่อยแพะเลี้ยงภายในสวนยางพารานั้น คุณวันดี บอกว่า ต้องเป็นสวนยางพาราที่ต้นเจริญเติบโตใหญ่เต็มที่พร้อมสำหรับกรีดให้น้ำยางแล้ว ถ้าหากปล่อยเลี้ยงในสวนต้นยางพาราปลูกใหม่และยังเล็กอยู่ แพะจะกินใบยางพาราจนหมดทำให้เกิดความเสียหายและต้นยางพาราตายได้

เมื่อการเลี้ยงแพะสามารถทำรายได้แน่นอน คุณวันดี บอกว่า จึงได้เปลี่ยนจากแปลงปลูกข้าวนำมาปลูกหญ้าสำหรับเลี้ยงแพะแทนทั้งหมด และส่วนที่เป็นสวนยางพารายังคงไว้เหมือนเดิม โดยใช้เป็นพื้นที่วิ่งเล่นและให้แพะหาหญ้ากินเป็นอาหาร พร้อมทั้งมีการแบ่งโซนสำหรับสร้างโรงเรือนให้แพะนอนอย่างเป็นสัดส่วน ทำให้ง่ายต่อการจัดการและที่ยิ่งไปกว่านั้น มูลแพะที่ได้จากการเลี้ยง ยังสามารถเป็นปุ๋ยชั้นดีให้กับต้นยางพารา ทำให้ต้นทุนการใส่ปุ๋ยเคมีในสวนของเขาลดลงตามไปด้วย

มูลแพะ

“อาหารที่ให้แพะกินก็จะเป็นหญ้าที่เราปลูกเองเป็นส่วนใหญ่ รองลงมาก็จะเป็นหญ้าธรรมชาติภายในสวนยางพารา และเสริมเข้าไปก็เป็นพืชอื่นๆ ที่เราหาได้จากท้องถิ่น พอแพะได้กินหญ้าก็จะขับถ่ายออกมา มูลที่ได้ตัวนั้นเป็นปุ๋ยชั้นดี เราก็นำมาใส่ให้กับต้นยางพาราเราทั้งหมด 10 ไร่ ไว้ใช้ภายในสวนเอง จากสมัยก่อนต้องใช้ปุ๋ยเคมีให้กับต้นยางพาราประมาณ 30 กระสอบ พอเรามาเลี้ยงแพะใช้มูลแพะเป็นปุ๋ยแทน ปุ๋ยเคมีที่ใช้ก็ลดเหลือเหลือแค่ 10 กระสอบ ใส่ไร่ละ 1 กระสอบเท่านั้น ตั้งแต่ทำมา 3 ปีต้นยางพาราให้น้ำยางดีไม่แพ้กัน เรียกว่าเกิดผลดีถึงสองทางก็ว่าได้” คุณวันดี บอก

ในเรื่องของการผสมพันธุ์ให้ได้ลูกแพะนั้น คุณวันดี บอกว่า จะปล่อยให้ผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ โดยภายในฝูงที่เลี้ยงจะมีพ่อพันธุ์ไว้คุมตัวเมียทั้งหมด โดยอายุที่เหมาะสมสำหรับผสมพันธุ์จะต้องให้แม่พันธุ์มีอายุอย่างต่ำ 8 เดือนขึ้นไป ส่วนพ่อพันธุ์มีอายุอย่างต่ำ 1 ปี

ทุ่งหญ้าที่ปลูกไว้

เมื่อผสมพันธุ์ติดแม่พันธุ์ใช้เวลาตั้งท้อง ประมาณ 5 เดือน ก็จะคลอดลูกออกมา คุณวันดี บอกว่า ระยะนี้ไม่ต้องแยกลูกและแม่แพะออกจากฝูง สามารถเลี้ยงรวมภายในฝูง ให้เดินเล่นในแปลงหญ้าและสวนยางพาราได้ตลอดเวลา โดยลูกแพะจะเลี้ยงและดูแลไปเรื่อยๆ จนได้อายุ 6-7 เดือน จึงได้ไซซ์ขนาดและน้ำหนักที่ต้องการอยู่ที่ 30 กิโลกรัมขึ้นไป ก็สามารถขายเป็นลูกพันธุ์ให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อได้ทันที

“เรื่องของการป้องกันโรคต่างๆ ของแพะ ทางสำนักงานปศุสัตว์อำเภอ ก็จะมีการจัดการโปรแกรมให้อยู่เสมอ โรคหลักๆ ก็จะทำวัคซีนป้องกันปากเปื่อยเท้าเปื่อยปีละ 2 ครั้ง ส่วนการป้องกันพยาธิจะฉีดเดือนละ 1 ครั้ง มีการจัดการทำโปรแกรมที่ดี ก็สามารถช่วยให้แพะที่เลี้ยง มีสุขภาพที่ดีห่างไกลจากโรคต่างๆ” คุณวันดี บอก

ในเรื่องของการทำตลาดช่วงแรกที่เริ่มเลี้ยงใหม่ๆ คุณวันดี บอกว่า ยังไม่ได้คิดว่าจะขายได้ดีขนาดนี้ เพราะที่นำมาเลี้ยงเขาเป็นคนรักสัตว์ อย่างน้อยหากตลาดมีการชะลอตัวก็เลี้ยงไว้เป็นกิจกรรมยามว่างสร้างความสุข แต่เชื่อมั่นในลูกชายของเขาที่บอกว่าตลาดค้าขายแพะยังไปได้ไกล เมื่อเลี้ยงมาเรื่อยๆ เริ่มมีจำนวนที่มากขึ้นก็มีพ่อค้าเข้ามาติดต่อขอซื้ออยู่เรื่อยๆ จนทำให้เกิดกำลังใจว่าสิ่งที่ลงมือทำสามารถสร้างเงินได้ดี

“พอเลี้ยงไปเกิดขายได้ขึ้นมาจริงๆ เรียกได้ว่ามีเท่าไหร่เขารับซื้อหมด มันก็ทำให้เราได้เห็นจำนวนเงินขึ้นมาจริงๆ เรียกได้ว่าตลอด 3 ปีที่เลี้ยงมานี่ ตลาดแพะยังไปได้ดี เพราะดูได้จากมีลูกค้าโทร.มาเช็คอยู่เสมอว่าแพะมีจำนวนพร้อมขายได้รึยัง ซึ่งเราเองก็ทำตลาด 2 แบบ ถ้าตัวไหนมีทรงที่สวยๆ ก็จะขายเป็นแพะเพื่อให้เขานำไปเลี้ยงต่อเป็นพ่อแม่พันธุ์ ส่วนตัวไหนที่ไม่สวยก็จะส่งขายเป็นแพะขุน สร้างรายได้ที่หลากหลายมากขึ้น” คุณวันดี บอก

โดยแพะขุนราคาขายอยู่ที่ กิโลกรัมละ 120 บาท น้ำหนักตัวอยู่ที่ 20 กิโลกรัม ขึ้นไป ส่วนแพะที่ทรงสวยขายเป็นพ่อแม่พันธุ์ ราคาขายอยู่ที่ตัวละ 4,000 บาท ซึ่ง ณ เวลานี้จำนวนแพะที่มีภายในฟาร์มผลิตไม่พอขาย ตลาดยังมีความต้องการอยู่มากทีเดียว

จากการนำแพะมาเลี้ยงภายในสวนยางพารา คุณวันดี บอกว่า นอกจากเป็นสัตว์ที่ทำรายได้ให้กับเขาแล้ว เมื่อแพะเดินเข้าไปภายในสวนยางพารายังไปคอยกินหญ้าและวัชพืชต่างๆ ทำให้ภายในสวนไม่มีวัชพืชพร้อมทั้งมูลที่ถ่ายออกมาก็เป็นปุ๋ยให้กับต้นยาพาราต่อไป เลี้ยงแพะก็ทำรายได้พร้อมทั้งได้ผลผลิตจากยางพารา ปลูกแบบลดต้นทุนในเรื่องของการใช้ปุ๋ยเคมีอีกด้วย

“สำหรับผู้ที่ทำสวนยางพารา หรืออยากจะมีอาชีพเสริม เพื่อสร้างรายได้ควบคู่ไปกับงานหลัก อยากจะบอกว่าการเลี้ยงแพะ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยเริ่มแรกถ้ามีทุนน้อยๆ อาจจะเริ่มเลี้ยงไม่มากก่อน แบบศึกษาอุปนิสัยของเขาว่าเราสามารถทำได้ไหม และเมื่อรักและชอบทำได้จนประสบผลสำเร็จ ก็พัฒนาขยายพันธุ์ขึ้นไปเรื่อยๆ รายได้จากการเลี้ยงแพะ ก็สามารถทำเงินให้ได้อย่างแน่นอน และที่สำคัญในเรื่องของปุ๋ยจากมูลแพะ นำมาใส่ในสวนยางพาราประหยัดต้นทุนหลายต่อ เลี้ยงแพะก็มีเงินเก็บ ทำสวนยางพาราก็ได้กำไร” คุณวันดี แนะนำ

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณวันดี สอนฮุง หมายเลขโทรศัพท์ (061) 165-1929