ผู้เขียน | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญของคนไทย ดังนั้นการป้องกันและดูแลสุขภาพด้วยตัวเองของประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะการใช้สมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นของประชาชนที่สามารถช่วยลดผลข้างเคียงและการใช้ยาไม่สมเหตุผลได้ นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมและคงไว้ซึ่งภูมิปัญญาและพืชสมุนไพรไทยอีกด้วย ดังนั้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 จึงขอเชิญชวนคนไทยใส่ใจสุขภาพด้วยสมุนไพรไทย โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เปิดสวนสมุนไพรกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ สวนสมุนไพรกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดระยอง ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้เข้าไปศึกษาหาความรู้ด้านสมุนไพรไทยได้ฟรีในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2559 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2560
นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการศึกษาวิจัยและพัฒนาสมุนไพร เพื่อให้คนไทยสามารถนำสมุนไพรไทยมาใช้ประโยชน์ได้อย่างจริงจังโดยใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งสวนสมุนไพรกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 3 แห่ง เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์สมุนไพรในท้องถิ่นที่มีศักยภาพ เพื่อวิจัยและอนุรักษ์ และเป็นศูนย์การเรียนรู้สำหรับประชาชนทั่วไป เช่น ที่สวนสมุนไพรกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ ได้มีการปลูกต้นซิงโคนาเพื่อศึกษาวิจัยการรักษาโรคมาลาเรีย เป็นต้น ดังนั้นประชาชนที่เข้าไปท่องเที่ยวในสวนสมุนไพรในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 จะได้รับความรู้จากเจ้าหน้าที่ของสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมรับหนังสือเกี่ยวสมุนไพรไทย และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นน้ำมันหอมสมุนไพร เจลล้างมือ เป็นต้น
นพ.สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสวนสมุนไพรกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้ง 3 แห่ง ได้เปิดบริการให้แก่ประชาชนมาศึกษาหาความรู้ และเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาศึกษาถึงความสำคัญต่างๆ ของสมุนไพรไทย นอกจากนี้ยังได้มีการสนับสนุน ต้นกล้าพันธุ์สมุนไพรคุณภาพให้กับชุมชนนำไปปลูกและสามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน พร้อมกับพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่มีคุณภาพ เพื่อลดค่าใช้จ่ายและสร้างรายได้ให้กับชุมชนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาสมุนไพรไทยเป็นยาส่งเสริมสุขภาพและรักษาโรคโดยเน้นการใช้แทนยาตะวันตกและพัฒนาเครื่องสำอางที่มีคุณภาพสูงจากสมุนไพร ซึ่งสามารถนำมาบูรณาการและเชื่อมโยงไปถึงการส่งเสริมทางการเกษตรเพาะปลูกสมุนไพรในแต่ละชุมชนเพื่อกระจายโอกาสและสร้างรายได้ให้กับชุมชนสามารถพัฒนาให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนต่อไป