พาณิชย์ ติวเข้มส่งออกเมล็ดกาแฟ แชร์ส่วนแบ่งตลาดโลก หลังไทยรั้ง อันดับ 6 โลก

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เตรียมจัดงานสัมมนาและลงพื้นที่พบปะเกษตรกรและผู้ประกอบการกาแฟในจังหวัดน่าน ระหว่าง วันที่ 24 – 25 มกราคม 2562 ชี้ช่องทางการใช้ประโยชน์จาก เอฟทีเอ และผลักดันอุตสาหกรรมกาแฟไทยรุกสู่ตลาดโลก

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับสมาคมกาแฟไทย หอการค้าไทย สำนักงานพาณิชย์จังหวัดน่าน และสำนักงานเกษตรจังหวัดน่าน เตรียมจัดสัมมนาและลงพื้นที่พบปะเกษตรกรและผู้ประกอบการกาแฟตลอดห่วงโซ่การผลิต ในวันที่ 25 ม.ค. 2562 ณ โรงแรมน้ำทองน่าน จังหวัดน่าน

เพื่อให้ความรู้และการใช้ประโยชน์จากความตกลง เอฟทีเอ ที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ ส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟไทย และนำเข้าวัตถุดิบราคาถูกเพื่อต่อยอด ตลอดจนพัฒนาศักยภาพสินค้ากาแฟไทย ผ่านการแปรรูปและสร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย พัฒนาคุณภาพกาแฟไทยให้ได้มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคไทยและต่างประเทศ เพื่อดันอุตสาหกรรมกาแฟไทยเจาะตลาดโลก

การลงพื้นที่และจัดสัมมนาครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมที่กรมเจรจาฯ จัดต่อเนื่องจาก ปี 2561 ที่ได้ร่วมกับกรมวิชาการเกษตร สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานเกษตรจังหวัด และสมาคมกาแฟไทย เป็นต้น ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟทั้งในภาคเหนือที่ จ.เชียงราย และภาคใต้ที่ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นแหล่งปลูกกาแฟสำคัญของประเทศไทย ให้ความรู้และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเกษตรกร ผู้ปลูกกาแฟ ผู้คั่วกาแฟ ร้านกาแฟ ผู้ประกอบการ และผู้ส่งออก เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือการเปิดเสรี ทั้งการเพาะปลูก การผลิต การรักษาคุณภาพ มาตรฐานกาแฟไทยให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค

ซึ่งจากการสัมมนาและลงพื้นที่ในครั้งนั้น ได้ข้อสรุปว่า อุตสาหกรรมกาแฟไทยยังมีโอกาสในการขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากผู้บริโภคกาแฟทั้งในไทยและทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไทยในฐานะที่เป็นประเทศที่มีการปลูกกาแฟ และยังเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟเป็น อันดับ 6 ของโลก สามารถพัฒนาด้านการผลิต การแปรรูป การสร้างคุณภาพมาตรฐานที่น่าเชื่อถือ และการสร้างอัตลักษณ์เฉพาะให้กับกาแฟไทยเป็นที่รู้จักใน

“สินค้าเมล็ดกาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟ ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย ไทยมีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 258,000 ไร่ ทั่วประเทศ ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟเป็น อันดับที่ 6 ของโลก โดยผลิตภัณฑ์กาแฟส่วนใหญ่ที่ส่งออก เช่น กาแฟ 3 in 1 และกาแฟสำเร็จรูป ไปประเทศในอาเซียน เช่น เมียนมา สปป. ลาว และฟิลิปปินส์ เนื่องจากการบริโภคกาแฟของโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอุตสาหกรรมกาแฟไทยก็มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน” นางอรมน กล่าว

พิจารณาจากความต้องการใช้เมล็ดกาแฟของโรงงานแปรรูปในประเทศไทย ในปี 2561 ที่สูงกว่า 95,000 ตันต่อปี เพิ่มขึ้นกว่า 6.08% จากปี 2560 ขณะที่ไทยผลิตเมล็ดกาแฟได้ 23,617 ตันต่อปี จึงมีการนำเข้าเมล็ดกาแฟประมาณ 68,000 ตันต่อปี ซึ่งจากความต้องการกาแฟของโลกที่เพิ่มสูงขึ้นและมีความหลากหลาย ทำให้ไทยมีโอกาสในการส่งออกเมล็ดกาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟเพิ่มมากขึ้นด้วย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจึงได้ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรและผู้ประกอบการกาแฟตลอดห่วงโซ่มูลค่า เพื่อชี้โอกาสของกาแฟไทยในโลกการค้าเสรี

ทั้งนี้ ผู้สนใจเข้าร่วมการสัมมนา สามารถติดต่อสอบถามและลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่ สำนักพัฒนาความพร้อมทางการค้า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ 0 2507 7222 และ 0 2507 7863 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดน่าน 054 771 655