ปลื้ม! ข้าวโพดหวานไทยครองแชมป์ส่งออกโลก ต่อเนื่อง10 ปีซ้อน

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวโพดหวานและผลิตภัณฑ์ ช่วง 11 เดือน ของปี 2561 มีปริมาณ 236,775.6 ตัน เพิ่มขึ้น 6.7% มูลค่า 7,329.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% โดยเป็นการส่งออกไปญี่ปุ่นมากเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นสัดส่วน 26.5% ของมูลค่าการส่งออก รองลงมา ได้แก่ เกาหลีใต้ 10.2% และไต้หวัน 10.1% จึงทำให้การส่งออกทั้งปี 2561 สูงกว่าปี 2560 ที่ส่งออกรวม 237,559.6 ตัน เพิ่มขึ้น 3.5% แต่คิดเป็นเงินบาทได้มูลค่า 7,664.9 ล้านบาท และ ลดลง 0.6% ผลจากค่าเงินบาทแข็ง

“ผลจากการส่งออกข้าวโพดหวานและผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยครองแชมป์ส่งออกอันดับ 1 ของโลก ตลอดต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยประเทศคู่แข่งสำคัญ คือ ฝรั่งเศส ฮังการี และสหรัฐฯ แต่ก็สู้ไทยไม่ได้ เพราะไทยมีศักยภาพในการผลิตข้าวโพดหวานคุณภาพ รสชาติดีกว่า มีการพัฒนาสายพันธุ์ จนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก อีกทั้งมีข้อได้เปรียบเรื่องสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการปลูกข้าวโพดหวาน ส่งผลให้มีความได้เปรียบช่วงเวลาการเพาะปลูกที่สามารถปลูกได้หลายครั้งในหนึ่งปี ขณะที่ประเทศคู่แข่งสามารถปลูกได้เพียงปีละหนึ่งครั้งเท่านั้น” นายอดุลย์ กล่าว

นายอดุลย์ กล่าวว่า ส่วนประเทศคู่แข่งในเอเชีย เช่น เวียดนาม และจีน ซึ่งมีสภาพภูมิอากาศคล้ายไทยและมีการผลิตข้าวโพดหวานเพื่อส่งออกได้บ้าง แต่คุณภาพไม่ได้มาตรฐานตามความต้องการของตลาดโลก ทำให้ข้าวโพดหวานของไทยยังคงเป็นที่ต้องการและเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก โดยตลาดส่งออกหลักของไทยมีทั้งกลุ่มประเทศในเอเชีย ตะวันออกกลาง และรัสเซีย ซึ่งตลาดเอเชียจะได้เปรียบเรื่องต้นทุนการขนส่งถูกกว่า แต่ตลาดตะวันออกกลาง และรัสเซีย เป็นตลาดที่มีศักยภาพด้านกำลังซื้อสูง

นายอดุลย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม้ไทยจะประสบปัญหาอุปสรรคในการส่งออกข้าวโพดหวานไปยังสหภาพยุโรปจากการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping Duty : AD) ตั้งแต่ปี 2550 จนปัจจุบันถูกเรียกเก็บอากร AD ในอัตรา 3.1-14.3% ก็ไม่กระทบต่อการส่งออกของไทย โดยไทยยังสามารถส่งออกข้าวโพดหวานไปยังสหภาพยุโรปได้ต่อเนื่อง เพียงปริมาณไม่มาก โดย 11 เดือนแรก ปี 2561 ไทยส่งออกข้าวโพดหวานและผลิตภัณฑ์ไปสหภาพยุโรปมูลค่า 634.4 ล้านบาท คิดเป็น 9.5% ของการส่งออกไปทั่วโลก โดยส่งออกไปสหราชอาณาจักรมากเป็นอันดับหนึ่ง สัดส่วน 3.8% รองลงมาคือ สวีเดน 1.7% และเยอรมนี 1.2%

“ตอนนี้สหภาพยุโรป จะไม่ใช่ตลาดส่งออกหลัก แต่สหภาพยุโรปก็เป็นหนึ่งตลาดที่สำคัญและมีศักยภาพของไทย หากในอนาคตสหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อาจทำให้ไทยสามารถส่งออกไปยังสหราชอาณาจักรได้มากขึ้น เนื่องจากไม่ถูกเรียกเก็บอากร AD ซึ่งกรมฯ กำลังติดตามเรื่องนี้เพื่อส่งเสริมการส่งออกต่อไป” นายอดุลย์ กล่าว