เตือน!! เกษตรกรศึกษาตลาดและคัดเลือกพันธุ์ดีก่อนตัดสินใจปลูกโกโก้

กรมส่งเสริมการเกษตร แจ้งเตือนให้เกษตรกรที่ต้องการปลูกโกโก้ ศึกษาความต้องการของตลาด และคัดเลือกสายพันธุ์ดีที่เหมาะสมกับพื้นที่ ก่อนตัดสินใจปลูก เหตุโกโก้เป็นพืชที่มีตลาดเฉพาะ และมีกระบวนการในการหมักซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการตากแห้ง ลดความชื้น เกรงเสี่ยงเจอต้นโกโก้กลายพันธุ์และอาจถูกหลอกขายพันธุ์ได้

นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีเกษตรกรสนใจปลูกโกโก้เพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้กับเกษตรกร ก่อนการตัดสินใจปลูก โดยเฉพาะเรื่องตลาดที่เกษตรกรต้องพิจารณาว่า มีตลาดรับซื้อที่แน่นอน เพราะโกโก้เป็นพืชที่มีตลาดเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น อีกทั้งสายพันธุ์โกโก้ที่เหมาะสมกับในประเทศไทยนั้นมีจำกัด ซึ่งหากเกษตรกรคัดเลือกสายพันธุ์ไม่เหมาะสม ขาดความรู้ในเรื่องการเพาะปลูก การดูลักษณะต้นพันธุ์ หรือศึกษาตลาดไม่ดีพอก็จะทำให้สูญเสียโอกาสและรายได้จากการปลูกโกโก้ รวมทั้งอาจถูกหลอกลวงให้ซื้อพันธุ์ไปเพาะปลูกด้วย

สำหรับต้นโกโก้นั้นมีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ สามารถปลูกได้ทั่วไปในเขตร้อน สามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มโกโก้และช็อกโกแลตได้ โดยในประเทศไทยสามารถปลูกต้นโกโก้ได้ 2 สายพันธุ์ คือ 1. พันธุ์ชุมพร 1 ซึ่งขึ้นทะเบียนพันธุ์กับกรมวิชาการเกษตรในปี 2540 ให้ผลผลิตเฉลี่ย 127.2 กิโลกรัม ต่อไร่ เมล็ดมีขนาดมาตรฐานสากล ไม่ต่ำกว่า 110 เมล็ด ต่อน้ำหนักเมล็ดแห้ง 100 กรัม เมล็ดมีปริมาณไขมันสูงเฉลี่ยร้อยละ 57.27 ทนทานโรคกิ่งแห้งค่อนข้างสูง และโรคผลเน่าดำปานกลาง และ 2. พันธุ์ I.M.1 ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ศึกษา วิจัย โดยมหาวิทยาลัยแม่โจ้ สามารถผสมข้ามดอกในต้นเดียวกันได้ เจริญเติบโตเร็ว ให้ผลผลิตสูง ทนแล้ง เมล็ดมีปริมาณไขมันสูงเฉลี่ยร้อยละ 52 คุณภาพเมล็ดดี ให้กลิ่นหอมเมื่อแปรรูป

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวต่อว่า ต้นโกโก้สามารถปลูกได้ในเขตร้อนชื้น มีปริมาณฝนตกชุก เหมาะกับการปลูกเป็นพืชแซมหรือพืชเสริมรายได้ เพราะเป็นพืชชอบร่มเงา และต้องการความชื้นสูง นิยมปลูกแซมในสวนมะพร้าว การดูแลเน้นการตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ย ระวังโรคผลเน่า โรคกิ่งแห้ง โรคใบไหม้ และแมลงศัตรู เมื่ออายุ 3 ปีเริ่มให้ผลผลิต และเก็บเกี่ยวได้อย่างต่อเนื่องทุกๆ 15 วันจนถึงอายุต้น 50 ปี เมื่อผลแก่จัด สีผลกลายเป็นสีเหลืองหรือเหลืองอมแดงเข้มแล้วแต่พันธุ์ หลังจากนั้น เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลสดหรือนำเมล็ดมาหมักทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วตากแห้งลดความชื้น จะได้เมล็ดโกโก้เพื่อนำไปคั่วต่อไป

ทั้งนี้ ภาครัฐอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการปลูกโกโก้ทดแทนการทำสวนยาง และยังไม่มีนโยบายส่งเสริมการปลูกโกโก้ เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดผลกระทบต่อเกษตรกรในอนาคต  สำหรับต้นพันธุ์โกโก้เกษตรกรควรตรวจสอบก่อนตัดสินใจซื้อว่าเป็นพันธุ์ที่มีการรับรองจากกรมวิชาการเกษตรหรือไม่