กุ้งก้ามกราม สร้างรายได้งาม ที่กาฬสินธุ์

คุณนรินทร์ มีวงศ์ ประมงจังหวัดกาฬสินธุ์ ให้ข้อมูลว่า เกษตรกรผู้ประกอบอาชีพทางด้านการประมงที่ขึ้นทะเบียนทั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ มีอยู่ประมาณ 13,000 ราย โดยสัตว์น้ำที่เลี้ยงเป็นหลักประกอบไปด้วย ปลานิลในกระชัง กุ้งก้ามกราม ปลาหมอ และปลาดุก ซึ่งการเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกรในพื้นที่มีการใส่ใจในเรื่องของการเลี้ยงแบบประหยัดต้นทุนมากขึ้น จึงมีการรวมกลุ่มสร้างความเข้มแข็ง เพื่อเป็นปัจจัยในการซื้ออาหารเลี้ยงปลาได้ในราคาที่ถูกลง ตลอดไปจนถึงในเรื่องของการทำตลาดไม่โดนเอาเปรียบ ทำให้เกษตรกรเกิดรายได้และทำอาชีพทางด้านการประมงได้อย่างยั่งยืน

คุณนรินทร์ มีวงศ์ ประมงจังหวัดกาฬสินธุ์

“เนื่องจากการประกอบอาชีพของเกษตรกรในพื้นที่ที่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้เกษตรกรเกิดรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทางหน่วยงานของเราก็ได้มีการส่งเสริมในเรื่องของการสนับสนุนพาเกษตรกรไปศึกษาดูงานตามสถานที่ต่างๆ เพื่อนำมาต่อยอดและปรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง โดยเฉพาะในเรื่องของการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม เป็นอีกหนึ่งสัตว์น้ำที่เกษตรกรในพื้นที่ทำได้ประสบผลสำเร็จ เราจึงได้แนะนำส่งเสริมในเรื่องต่างๆ ทุกด้าน จึงทำให้การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามของเกษตรกรในพื้นที่ได้รับมาตรฐาน GAP มีความสดสะอาดและปลอดภัยสู่มือผู้บริโภค”

คุณทองเปอร์ ภูนาชัย อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ที่ 4 ตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ปรับเปลี่ยนจากการทำนามาเลี้ยงกุ้งก้ามกรามจนประสบผลสำเร็จ ส่งผลให้ยึดเป็นอาชีพให้กับครอบครัวมาจนถึงทุกวันนี้ อาจเรียกได้ว่ากุ้งก้ามกรามเป็นอาชีพสร้างรายได้ที่สำคัญ ที่ทำให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ทำประมงดีขึ้น

คุณทองเปอร์ ภูนาชัย

คุณทองเปอร์ เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเดิมทีเขาทำไร่ทั่วไปเพื่อสร้างรายได้ โดยการปลูกพืชไร่ ก็จะสลับหมุนเวียนไปตามฤดูกาล มีทำนา ปลูกถั่วลิสง ตลอดไปจนถึงพืชอื่นๆ ที่สามารถสร้างรายได้ แต่ด้วยพืชไร่เหล่านั้น โดยเฉพาะผลผลิตจากข้าว ราคาที่ได้จากการจำหน่ายยังไม่ดีมากนัก เพราะราคาผันผวนค่อนข้างมาก จึงได้มองหาช่องทางการสร้างรายได้อยู่เสมอ ด้วยการนำกุ้งก้ามกรามมาทดลองเลี้ยงในบ่อน้ำที่มีอยู่ในพื้นที่ไร่ของเขา

“เหตุที่ได้นำกุ้งก้ามกรามมาเลี้ยง เมื่อประมาณหลาย 10 ปีก่อน ผมมีโอกาสได้ไปแถวจังหวัดสุพรรณบุรี และเห็นเขาเลี้ยงกุ้งก้ามกรามเกิดรายได้มีผลกำไรดี เลยเกิดความสนใจและสอบถามในเรื่องการเลี้ยง และหาซื้อลูกพันธุ์กุ้งก้ามกรามมาเลี้ยง ประมาณ 40,000 ตัว โดยแบ่งพื้นที่นามาทำบ่อเลี้ยงกุ้ง ประมาณ 1 ไร่ก่อน เพื่อทดลอง เลี้ยงไปกุ้งก็โตดีไม่มีปัญหา สามารถจำหน่ายได้ เห็นผลกำไร มีลูกค้าเข้ามาติดต่อขอซื้อจนหมดบ่อ จึงทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่เรามองว่าสามารถทำเป็นอาชีพได้ จึงได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่นาของเรามาเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในเวลาต่อมาจนถึงทุกวันนี้” คุณทองเปอร์ เล่าถึงที่มาของการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม

บ่อเลี้ยง

คุณทองเปอร์ บอกว่า ความพิเศษของการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามคือ สามารถใช้น้ำจืดเลี้ยงได้โดยไม่ต้องใช้น้ำเค็ม ขอให้มีแหล่งน้ำที่เพียงพอก็สามารถเลี้ยงกุ้งก้ามกรามได้ตลอดทั้งปี ซึ่งลูกพันธุ์กุ้งก้ามกรามก่อนที่จะนำมาลงเลี้ยงภายในบ่อ ทางฟาร์มลูกพันธุ์จะปรับสภาพลูกกุ้งให้คุ้นชินกับการอยู่น้ำจืดเป็นหลัก ดังนั้น เมื่อนำมาเลี้ยงภายในบ่อที่เป็นน้ำจืดจึงไม่เกิดปัญหา

ขนาดบ่อดินที่ใช้เลี้ยงกุ้งไม่มีหลักเกณฑ์ที่ตายตัว หากมีพื้นที่มากก็สามารถสร้างบ่อเลี้ยงให้มีขนาดที่ใหญ่ได้ แต่ที่ฟาร์มของคุณทองเปอร์ ขนาดบ่อสำหรับเลี้ยงกุ้งก้ามกรามอยู่ที่ 4-5 ไร่ ความลึก 1.50 เมตร การเตรียมบ่อก่อนที่จะนำลูกกุ้งมาใส่เลี้ยง หลักการจับกุ้งจำหน่ายออกไปจนหมดบ่อแล้ว จะวิดน้ำจนแห้ง จากนั้นโรยปูนขาวให้ทั่วบริเวณก้นบ่อ ตากบ่อทิ้งไว้ 7 วัน เสร็จแล้วใส่น้ำลงบ่อและปรับสภาพน้ำให้เหมาะสมกับการเลี้ยงกุ้งด้วยการใช้จุลินทรีย์

กุ้งก้ามกรามที่ขนาดพร้อมส่งจำหน่าย

“หลังจากเตรียมบ่อเรียบร้อยแล้ว น้ำมีสภาพที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยงกุ้งแล้ว ก็จะนำลูกกุ้งมาเลี้ยงอยู่ประมาณ 30,000-40,000 ตัว ต่อบ่อ ขนาด 4-5 ไร่ ซึ่งผมจะเลี้ยงแบบไม่หนาแน่น จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องช่วยตีน้ำภายในบ่อ ก็ประหยัดค่าไฟลงไปด้วย อาหารช่วงแรกให้กินอาหารกุ้งเล็กที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนอยู่ที่ 42 เป็นเวลา 15-30 วัน เมื่อเห็นกุ้งเริ่มมีตัวที่ใหญ่ขึ้น ก็จะปรับเปลี่ยนมาเลี้ยงด้วยอาหาร เบอร์ 2 ที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนอยู่ที่ 42 เหมือนเดิม วันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและเย็น ส่วนในเรื่องของการดูแลป้องกันโรค จะใช้การสังเกตหากพบก็จะปฏิบัติตามขั้นตอน พร้อมทั้งใช้จุลินทรีย์เข้ามาช่วย พร้อมทั้งถ่ายน้ำเก่าออกและใส่น้ำใหม่เข้าไป ก็จะช่วยให้น้ำไม่เสีย กุ้งโตดี” คุณทองเปอร์ บอก

ใช้เวลาเลี้ยง 5 เดือน

ซึ่งกุ้งก้ามกรามใช้เวลาเลี้ยงอยู่ประมาณ 5 เดือน หลังปล่อยลงบ่อ กุ้งจะโตจนได้ไซซ์ขนาดที่ตลาดต้องการ หลังจากนั้นจึงทยอยจับจำหน่ายเป็นรอบๆ จนกว่ากุ้งจะหมดบ่อ

ในส่วนของการตลาดเพื่อส่งจำหน่ายกุ้งก้ามกรามนั้น คุณทองเปอร์ เล่าว่า เนื่องจากเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งในแถบนี้มีการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง ดังนั้น ในเรื่องของการทำตลาดจึงไม่เป็นปัญหา เพราะจะมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามาติดต่อซื้อขายกันอยู่เป็นประจำ จึงทำให้กุ้งที่เลี้ยงทั้งหมดของทุกฟาร์มจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี โดยไม่มีเรื่องของการล้นตลาด

“ระยะเวลาเลี้ยง 5 เดือน กุ้งจะมีขนาด 15-20 ตัว ต่อกิโลกรัม เวลาจับเราก็จะทยอยจับขึ้นมาขายเรื่อยๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ ขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 280 บาท เฉลี่ยต่อรอบการเลี้ยง ถ้ากุ้งก้ามกรามมีอัตรารอดสูง ก็จะอยู่ที่ 1 ตัน ต่อบ่อ ที่เราจับขายได้ หักต้นทุน หักค่าการจัดการต่างๆ ก็ยังถือว่าเรายังมีผลกำไรจากการเลี้ยง ถือว่ากุ้งก้ามกรามเวลานี้เป็นสัตว์น้ำที่สร้างรายได้ ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” คุณทองเปอร์ บอก

สำหรับผู้ที่สนใจเลี้ยงกุ้งก้ามกรามเพื่อสร้างเป็นอาชีพต่อไปในอนาคต คุณทองเปอร์ แนะนำว่า ในเรื่องของแหล่งน้ำถือว่าสำคัญมาก ให้สำรวจดูก่อนว่าในพื้นที่ที่อยู่มีน้ำสำหรับเลี้ยงเพียงพอหรือไม่ จากนั้นก็ศึกษาหาองค์ความรู้จากฟาร์มที่เลี้ยงจนประสบผลสำเร็จ พร้อมทั้งหาแหล่งลูกพันธุ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เมื่อมีแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องจึงมาทดลองเลี้ยงเพื่อให้เกิดประสบการณ์ด้วยตนเองจากการลงมือทำ ส่วนในเรื่องของตลาดรับซื้อหากกุ้งก้ามกรามที่เลี้ยงมีคุณภาพ ตลาดก็จะเข้ามาหาเองถึงหน้าบ่อเลี้ยงอย่างแน่นอน

คัดไซซ์กุ้งก้ามกรามส่งลูกค้า

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เรื่องการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ได้ที่ คุณทองเปอร์ ภูนาชัย หมายเลขโทรศัพท์ (086) 850-0708