เลี้ยงปลาบ่อรวม ผสมผสานทำพืชสวน สร้างรายได้ดี ของชายวัยเกษียณ เมืองพิษณุโลก

จากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้น ในเรื่องของการทำเกษตรเพียงด้านเดียวนั้นไม่สามารถที่จะสร้างรายได้ที่เกิดจากความมั่นคงได้ จึงทำให้เกษตรกรหลายรายเริ่มมีการปรับเปลี่ยนในการทำเกษตรมากขึ้น อย่างเช่น เกษตรกรด้านการประมงนั้น ได้ปรับเปลี่ยนจากการเลี้ยงปลามาผสมผสานกับการทำเกษตรในด้านอื่นๆ เข้าด้วยกัน คือ การแบ่งพื้นที่ให้ผมสัดส่วนที่เหมาะสมมาปลูกพืชอื่นๆ แซมเข้าไปในบริเวณพื้นที่เลี้ยงปลา จึงทำให้เกิดรายได้หลากหลายช่องทาง สร้างเป็นอาชีพที่ยั่งยืนให้กับตนเองได้เป็นอย่างดี

คุณเฉลิม จันทร์รอด

คุณเฉลิม จันทร์รอด อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านไร่ อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ได้ปรับเปลี่ยนการทำเกษตรเชิงเดี่ยวมาเลี้ยงปลาแบบหลายๆ ชนิด พร้อมกับทำเกษตรปลูกพืชชนิดอื่นๆ เข้าไปด้วย จึงทำให้ในแต่ละสัปดาห์สามารถมีรายได้จากการจำหน่ายปลา และพืชผลทางการเกษตรชนิดอื่นๆ ไปพร้อมกัน

ปลาที่จับ เตรียมจำหน่ายจากบ่อ

คุณเฉลิม เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนนั้นมีอาชีพทำนาข้าวเพียงอย่างเดียว แต่ผลผลิตทางการเกษตรที่ได้มานั้น ราคาที่จำหน่ายได้ยังไม่ได้มากนักเท่าที่ควร พร้อมกับเจอภัยธรรมชาติต่างๆ จึงทำให้ได้ตัดสินใจมาปรับเปลี่ยนการทำเกษตรแบบใหม่ คือการเลี้ยงปลาควบคู่ไปกับการปลูกพืชสวนต่างๆ จึงทำให้ได้เข้าศึกษาดูงานจากพื้นที่อื่นๆ และนำมาปรับใช้กับพื้นที่ของตนเองในเวลาต่อมา

“ช่วงนั้นเราได้ไปอบรมเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พอได้ที่ดินมาผืนหนึ่งก็มาปรับเปลี่ยนการทำเกษตรแบบใหม่ อย่างพื้นที่ 100 ส่วน แบ่งเป็นพื้นที่เลี้ยงปลา 30 ส่วน ปลูกพืชนาข้าว 30 ส่วน ปลูกพืชไร่พืชสวน 30 ส่วน และอีก 10 ส่วน เป็นที่อยู่อาศัย หลังจากปลูกแล้วมีรายได้เข้ามาทุกวันเลย ทำให้รู้ว่าการทำเกษตรแบบนี้ สามารถสร้างรายได้ให้กับเราได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องของการเลี้ยงปลานั้น เราไม่ต้องผ่านคนกลางจำหน่ายเองได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย” คุณเฉลิม เล่าถึงที่มา

ในเรื่องของการทำประมงนั้น คุณเฉลิม บอกว่า ในพื้นที่ที่เขาอยู่นั้นมีน้ำเพียงพอต่อการเลี้ยงปลา เพราะอยู่ในเขตพื้นที่ชลประทาน จึงทำบ่ออยู่ประมาณ 4 บ่อ จากนั้นใส่น้ำลงไปในปริมาณที่เหมาะสม ปล่อยปลาหลายๆ ชนิด ลงไปเลี้ยงได้โดยไม่ต้องแยกชนิด เช่น ปลานิล ปลาสวาย ปลาตะเพียน และปลาดุก

บ่อที่ใช้เลี้ยงปลา

โดยการเลี้ยงจะเน้นให้อาหารที่ได้จากพืชผลทางการเกษตรของสวนเป็นหลัก เช่น ช่วงไหนที่มีกล้วยสุกมากภายในสวน ช่วงนั้นก็จะให้ปลากินกล้วย พร้อมกับบางช่วงซื้ออาหารเม็ดมาให้กินบ้าง ปลาก็เจริญเติบโตได้ดี สามารถมีขนาดไซซ์ที่ใหญ่ตามที่ตลาดต้องการ

ส่วนในเรื่องของการป้องกันโรคต่างๆ ของปลาภายในบ่อนั้น คุณเฉลิม บอกว่า แต่ละช่วงจะมีโรคที่เกิดขึ้นกับปลาภายในบ่อไม่เหมือนกันก็จะแก้ไปตามอาการที่เกิด แต่ถ้ามีการระบาดหนักๆ จะวิดน้ำออกจากบ่อทันที และตากบ่อทิ้งเพื่อตากบ่อฆ่าเชื้อ

สำนักงานประมงในพื้นที่เข้ามาช่วยดูแล

ในด้านของการทำตลาดนั้น คุณเฉลิม บอกว่า จะเน้นลากอวนขึ้นมาจำหน่ายเองเป็นส่วนใหญ่ และล้างให้สะอาดพร้อมให้ลูกค้านำไปประกอบอาหารได้ทันที จึงทำให้สามารถจำหน่ายได้ราคาเต็มเม็ดเต็มหน่วย ใน 1 สัปดาห์ สามารถออกจำหน่ายปลาภายในบ่อได้ถึง 4 ครั้ง พร้อมกับนำพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ไปจำหน่ายด้วย

ปลูกมะพร้าว สร้างรายได้อีกช่องทาง

“เวลาเราจับขายเราจะมีตาข่ายสำหรับลากอวนไป ตัวที่ใหญ่ๆ ก็จะติดขึ้นมา เราก็จะเอาตัวใหญ่ๆ จับขึ้นมาขาย พอปลาในบ่อเราเริ่มบางลง เราก็จะซื้อตัวเล็กๆ ลงมาปล่อย พร้อมกับเลี้ยงหมุนเวียนแบบนี้ไปเรื่อยๆ โดยราคาจำหน่ายปลาสวายอยู่ที่กิโลกรัมละ 70 บาท ปลานิลกิโลกรัมละ 80 บาท และปลาดุกกิโลกรัมละ 60 บาท โดยปลาที่จับได้แต่ละวันเราก็จะทำให้เรียบร้อยเพื่อให้ลูกค้านำไปประกอบอาหารได้เลย จึงทำให้การขายแบบนี้เราได้ราคาดีกว่าการขายแบบยกบ่อ จึงทำให้เรามีกำไรทุกสัปดาห์” คุณเฉลิม บอก

พืชต่างๆ ที่ปลูก

เมื่อมาทำการประมงผสมผสานกับการปลูกพืชไปด้วยนั้น คุณเฉลิม บอกว่า สามารถสร้างรายได้แทบทุกวันโดยที่ไม่ต้องไปหาอาชีพอย่างอื่นทำ แต่สามารถทำการเกษตรบนพื้นที่ของตนเองได้ สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจะทำการเกษตรนั้น เขาแนะว่า การทำเกษตรจะให้ประสบผลสำเร็จใจต้องรัก และหมั่นเรียนรู้ นำการลดต้นทุนเข้ามาช่วย ก็จะช่วยให้เกิดผลกำไรมากขึ้นและเป็นอาชีพที่ยั่งยืนส่งต่อไปถึงลูกหลานได้

ปล่อยลูกปลาใหม่เข้าบ่อ

สนใจศึกษาดูงาน หรือเรียนรู้การทำประมงผสมผสานกับการปลูกพืชต่างๆ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณเฉลิม จันทร์รอด หมายเลขโทรศัพท์ 087-205-9029

เผยแพร่ครั้งแรกวันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2563