เกษตรกรกาฬสินธุ์ เลี้ยงกุ้งก้ามกรามคุณภาพ ทำตลาดออฟไลน์ออนไลน์ ช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้น

กาฬสินธุ์ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการเลี้ยงสัตว์น้ำหลายชนิด ประกอบไปด้วย ปลานิลในกระชัง กุ้งก้ามกราม ปลาหมอ และปลาดุก ซึ่งกุ้งก้ามกรามเป็นสัตว์น้ำที่เรียกได้ว่าสร้างรายได้ดีไม่น้อยทีเดียว เพราะเกษตรกรในพื้นที่เลี้ยงแล้วประสบผลสำเร็จและสร้างรายได้เป็นอาชีพได้อย่างยั่งยืน จนสามารถส่งต่อการเลี้ยงมาสู่รุ่นลูกเพื่อดำเนินการเลี้ยงบนพื้นที่ดินของตัวเองโดยไม่ต้องไปทำงานไกลบ้าน

คุณฤทธิเกียรติ นาชัยฤทธิ์

คุณฤทธิเกียรติ นาชัยฤทธิ์ อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ที่ 7 ตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นเกษตรกรที่ได้รับช่วงต่อการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามจากคุณพ่อคุณแม่ โดยทำการตลาดที่ตอบโจทย์กับยุคสมัยมากขึ้นด้วยการทำตลาดออนไลน์ ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ห่างไกลออกไปนอกตัวจังหวัดกาฬสินธุ์กี่กิโลเมตร กุ้งก้ามกรามจากบ่อก็ยังส่งไปถึงอย่างมีคุณภาพและคงความสดด้วยระบบขนส่งในปัจจุบันที่มีการพัฒนามากขึ้น

บ่อเลี้ยงกุ้งก้ามกราม

คุณฤทธิเกียรติ เล่าให้ฟังว่า หลังจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีใหม่ๆ นั้น ได้ออกไปหางานตามเมืองใหญ่ เปลี่ยนงานหลากหลายสาขาอาชีพ เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้นในประเทศ จึงได้ย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิด โดยครอบครัวมีอาชีพทางด้านการประมง คือ เลี้ยงกุ้งก้ามกราม ซึ่งในช่วงนั้นการค้าขายออนไลน์กำลังเข้ามามีบทบาทความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนต้องพากันหยุดเชื้อเพื่อชาติ ทำให้ได้คิดการค้าขายที่ตอบโจทย์มากขึ้น

“ช่วงนั้นที่มาอยู่บ้าน เรามองว่าเราต้องหาอะไรทำเพื่อเป็นรายได้ ทีนี้บ้านเราเลี้ยงกุ้งอยู่แล้ว เลยว่าช่วยครอบครัวทำการตลาดให้มากขึ้น เพราะไม่กี่ปีมานี่การขายออนไลน์ค่อนข้างมีความสำคัญ พอเราเริ่มโพสต์จำหน่ายในหน้าสื่อออนไลน์มากขึ้น คนก็เริ่มทักเข้ามาติดต่อขอซื้อกุ้งก้ามกรามเยอะมาก มันทำให้เรารู้เลยว่าการขายออนไลน์นี่สามารถทำให้เราขายของได้มากขึ้น เพราะสมัยรุ่นคุณพ่อขายแต่ออฟไลน์อย่างเดียว แต่เวลานี้บ่อกุ้งเราสามารถทำตลาดได้ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ควบคู่กันไป” คุณฤทธิเกียรติ บอก

กุ้งก้ามกรามไซซ์ที่ตลาดต้องการ

การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามให้ได้คุณภาพนั้น คุณฤทธิเกียรติ บอกว่า หลังจากที่จับกุ้งจำหน่ายออกจากบ่อจนหมดแล้ว จะตากบ่อพร้อมกับโรยปูนขาว ตากบ่อทิ้งไว้สักระยะ เมื่อบ่อมีความพร้อมตามที่ต้องการแล้วจะปล่อยน้ำใหม่สะอาดเข้าภายในบ่อ จากนั้นเตรียมพันธุ์กุ้งก้ามกรามที่สั่งซื้อเข้ามาปล่อยลงภายในบ่ออนุบาล โดยปล่อยในอัตราส่วน 100,000-150,000 ตัว เมื่อกุ้งเริ่มมีไซซ์ขนาดที่ใหญ่ขึ้นคล้ายกุ้งฝอยแล้ว จึงย้ายไปเลี้ยงในบ่อเลี้ยงที่เตรียมไว้ต่อไป โดยปล่อยอัตราส่วน 10,000 ตัว ต่อบ่อ ซึ่งอัตราส่วนการปล่อยเลี้ยงไม่มีอะไรตายตัว อยู่ที่ว่าต้องการกุ้งขนาดไซซ์ใหญ่หรือเล็ก ถ้าต้องการขนาดที่ใหญ่จะปล่อยเลี้ยงแบบไม่หนาแน่นมากจนเกินไป

การจับกุ้งส่งลูกค้า

อาหารที่เลี้ยงลูกกุ้งก้ามกรามในช่วงแรก ลูกกุ้งก้ามกรามที่ปล่อยในบ่ออนุบาลจะให้กินอาหารที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนที่สูง ประมาณ 1 เดือน จากนั้นก็จะเลี้ยงด้วยอาหารที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนต่ำลงมา ซึ่งอาหารที่ให้กุ้งก้ามกรามกินต่อวันนั้น จะให้เลี้ยงเพียงวันละ 2 มื้อ ในช่วงเช้าและเย็น จนกระทั่งกุ้งก้ามกรามได้ไซซ์ที่จับจำหน่ายได้ ใช้เวลาอยู่ที่ประมาณ 5 เดือน

จัดส่งลูกค้าที่อยู่ไกล

“กุ้งก้ามกรามที่เราเลี้ยงจะไม่ต้องใช้เครื่องตีน้ำ เพื่อเติมออกซิเจนเข้าไป เพราะว่าเราปล่อยเลี้ยงแบบไม่หนาแน่น กุ้งก็จะค่อนข้างที่จะไม่เกิดปัญหาในเรื่องของการตาย การเลี้ยงถ้ากุ้งกินอาหารดี และมีการลอกคราบอยู่ ตัวกุ้งก็จะใหญ่ขึ้น เวลาคนมาจับถ้าเขาเห็นว่าตัวนี้กำลังจะลอกคราบก็จะปล่อยลงไปในบ่อก่อน จะยังไม่จับส่งไปขาย ซึ่งการจับกุ้งก้ามกรามภายในบ่อ เราไม่ได้จับทีเดียวหมด จะทยอยจับครั้งละ 100 กิโลกรัมขึ้นไป กุ้งที่จับส่งขายท้ายๆ ก็จะมีขนาดตัวที่ใหญ่” คุณฤทธิเกียรติ บอก

สำหรับการทำตลาดเพื่อจำหน่ายกุ้งก้ามกรามนั้น คุณฤทธิเกียรติ เล่าว่า มีการทำตลาดตั้งแต่ออฟไลน์และออนไลน์ไปพร้อมๆ กัน เพราะระบบการขนส่งในปัจจุบันค่อนข้างมีความรวดเร็วทันใจ จึงทำให้กุ้งก้ามกรามเมื่อไปถึงมือลูกค้ายังมีคุณภาพดีอยู่ ซึ่งกุ้งก้ามกรามที่ใช้เวลาเลี้ยง 5 เดือน ขนาดไซซ์จะอยู่ที่ 20-25 ตัว ต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์กุ้งก้ามกรามแต่ละรอบที่นำเข้ามาเลี้ยง

โดยราคากุ้งก้ามกรามที่จำหน่ายออกจากบ่อ ขายปลีก อยู่ที่กิโลกรัมละ 300 บาท และราคาขายส่ง อยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท ตลาดที่ส่งส่วนใหญ่จะอยู่ในจังหวัดกาฬสินธุ์ และหากมีลูกค้าอยู่นอกจังหวัดกาฬสินธุ์เข้ามาติดต่อซื้อ ก็จะมีบริการส่งถึงที่ด้วยระบบขนส่งที่มีคุณภาพ ซึ่งการขายทุกวันนี้ทำการขายแบบออฟไลน์และออนไลน์ไปพร้อมๆ กัน จึงช่วยให้เกิดรายได้หลายช่องทาง แม้ช่วงนี้จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม

“เราใส่ใจในเรื่องของคุณภาพ และการทำตลาดขนส่งที่ดี ทำให้ลูกค้าติดใจคุณภาพสินค้าของเรา ซึ่งเวลาเราคัดกุ้งส่งขายลูกค้า เราจะคัดกุ้งที่มีลักษณะตัวสวยๆ ตัวเรียวยาว ตัวโตมีคุณภาพ เมื่อลูกค้านำไปประกอบอาหารทาน ก็ยังมีรสชาติที่ดี เพราะฉะนั้นในเรื่องของคุณภาพจึงเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เราต้องทำให้ดีมีคุณภาพ สินค้าเราก็จะขายได้ และลูกค้าก็จะกลับมาซื้อซ้ำอยู่เสมอ” คุณฤทธิเกียรติ บอก

ในช่วงเวลานี้ที่ได้มาทำบ่อกุ้งก้ามกราม คุณฤทธิเกียรติ บอกว่า ชีวิตมีความสุขมากที่ได้เป็นนายตัวเอง ไม่ต้องจากบ้านไปไกล ไปทำงานที่อื่น แต่เมื่อได้กลับมาทำในสิ่งที่ครอบครัวทำอยู่แล้ว และมาต่อยอดธุรกิจให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ก็จะช่วยให้ธุรกิจการเลี้ยงกุ้งสามารถทำการตลาดได้ไกลและมีคุณภาพยิ่งขึ้น จึงอยากจะฝากหลายๆ คนที่อยากจะมาทำอาชีพทางการเกษตรว่า ถ้าคิดที่จะลงมือทำ ให้ดำเนินการทำทันที เพราะประสบการณ์จะช่วยสอนให้เกิดความชำนาญและเกิดอาชีพที่มีรายได้มั่นคงต่อไป

สำหรับท่านใดที่สนใจในเรื่องของการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อสอบถามได้ที่ คุณฤทธิเกียรติ นาชัยฤทธิ์ หมายเลขโทรศัพท์ (098) 847-3214