เกษตรกรสระบุรี เลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยต้นทุนต่ำ ทำตลาดหลากหลาย พร้อมแปรรูปเพิ่มมูลค่า

ปลาดุก ที่นิยมเลี้ยงในปัจจุบันมีหลากหลายสายพันธุ์ด้วยกัน เช่น ปลาดุกด้าน ปลาดุกยักษ์ หรือปลาดุกรัสเซีย ปลาดุกบิ๊กอุย ฯลฯ ซึ่งเกษตรกรมีความสนใจเลี้ยงปลาดุกกันมากขึ้น จึงเลือกสายพันธุ์ในการเลี้ยงขึ้นอยู่กับความนิยมบริโภคในพื้นที่นั้น หรือตามความต้องการของตลาด เพราะแต่ละรอบการผลิตค่อนข้างมีความสำคัญมาก หากเลือกสายพันธุ์ที่ดี การจับจำหน่ายและราคาก็จะตอบโจทย์สร้างผลกำไรมากขึ้น

คุณประเทือง มานะกุล

ปลาดุกบิ๊กอุย เป็นปลาลูกผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างปลาดุกอุยเพศเมีย และปลาดุกเทศเพศผู้ ซึ่งการขยายพันธุ์ของปลา 2 ชนิดนี้ ลูกพันธุ์ที่ได้ออกมามีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี มีความทนทานต่อโรคสูง จึงได้มีการเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย คุณประเทือง มานะกุล เกษตรกรตำบลวังม่วง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ได้ริเริ่มเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยเพื่อเป็นงานสร้างรายได้ให้กับเขาด้วยเช่นกัน โดยเน้นการเลี้ยงแบบให้มีต้นทุนต่ำ

คุณประเทือง เล่าว่า อาชีพหลักของครอบครัวคือเลี้ยงโคนม ต่อมาประมาณ ปี 2554 ได้มีโอกาสเห็นน้องเช่าบ่อสำหรับเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยอยู่บริเวณบ้าน จึงเกิดความสนใจที่อยากจะทดลองเลี้ยง จึงได้ขุดบ่อทดลองเลี้ยงในช่วงแรก 1 บ่อ เพื่อที่จะได้ศึกษาและทดลองว่าจะสามารถเลี้ยงปลาชนิดนี้ได้หรือไม่ ปรากฏว่าผลตอบแทนที่ได้รับค่อนข้างดี จึงเกิดกำลังใจที่จะทำต่อไปให้มากขึ้น ทำให้มีการขุดบ่อเลี้ยงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ปลาดุกภายในบ่อ

“ช่วงแรกเราไม่ได้ทำอะไรแบบลงทุนครั้งเดียว แต่จะเน้นนำผลกำไรที่ได้มาขยับขยายการเลี้ยง ได้กำไรแต่ละครั้งที่เป็นรอบการผลิต ก็ขุดบ่อครั้ง จึงทำให้ไม่ได้ใช้ต้นทุนมากในการเริ่มต้น ซึ่งช่วงนั้นดินที่นี่ค่อนข้างจะเป็นดินผสมลูกรัง จึงทำให้มีปัญหาในเรื่องของก้นบ่อ ช่วงนั้นเราก็ศึกษาอ่านหนังสือบ้าง ว่าวิธีการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร ก็คือ การใส่ขี้วัวลงไปที่ก้นบ่อ ก็จะช่วยให้เกิดตะไคร่น้ำ ช่วยในเรื่องของดินลูกรังที่ก้นบ่อได้ พอถึงช่วงที่พักบ่อ เราก็สามารถนำดินก้นบ่อขายต่อให้กับคนที่ทำเกษตรต่อไปได้” คุณประเทือง บอก

คุณประเทือง เล่าถึงเรื่องการเลี้ยงว่า ปลาดุกบิ๊กอุย เมื่อเทียบกับปลาบางชนิด ราคาที่จำหน่ายอาจไม่ได้สูงมากอย่างที่คิด ดังนั้น เกษตรกรผู้เลี้ยงจึงจำเป็นต้องเลี้ยงแบบประหยัดต้นทุนให้ได้มากที่สุด โดยสิ่งที่ควรควบคุมคือเรื่องของต้นทุนอาหาร ถ้ามีการจัดการที่ดี ก็จะทำให้ได้ผลกำไรจากการเลี้ยงอย่างแน่นอน

โดยขั้นตอนของการเตรียมบ่อ จะใช้ปูนขาวหว่านให้ทั่วบริเวณก้นบ่อ จากนั้นใส่ขี้วัวลงไปในบ่อ ถ้าหากเป็นบ่อเก่าไม่จำเป็นต้องใส่ขี้วัวเพิ่มลงไป โดยบ่อที่ใช้เลี้ยงจะมีขนาด 1 ไร่ ความลึกอยู่ที่ 2-4 เมตร ปล่อยปลาดุกบิ๊กอุยเลี้ยงอยู่ที่ 150,000 ตัว ต่อบ่อ

การบดอาหาร

“ช่วงแรกที่เลี้ยงจะให้อาหารกบกินก่อน เป็นอาหารเม็ดเล็กที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนอยู่ที่ 32 เพราะลูกปลาที่อยู่ในบ่อจะเป็นลูกปลาไซซ์ 3-4 นิ้ว ตัวยังไม่ใหญ่มาก ในช่วงนี้ก็จะเติมน้ำลงไปแบบพอดี ไม่ต้องใส่ให้เต็ม ให้กินอยู่ประมาณนี้ 5-6 วัน ก็จะเปลี่ยนอาหารเป็นพวกไก่บด ที่มีส่วนผสมของกระดูกแข้งไก่ แป้งสาลี เศษขนมปัง บดให้เข้ากัน ให้กินมื้อเดียวต่อวันในช่วงเย็น แบบนี้ทุกวันจนกว่าปลาจะได้ไซซ์ขนาดที่ขายได้ ส่วนน้ำก็ค่อยๆ เติมลงไป โดยดูขนาดไซซ์ของปลาว่าใหญ่มากขึ้นเท่าไร” คุณประเทือง บอก

เรื่องของโรคที่เกิดจากการเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยที่เลี้ยงภายในบ่อ คุณประเทือง บอกว่า ยังไม่พบปัญหาในเรื่องนี้ถึงขั้นทำให้เสียหาย เพราะการเลี้ยงใหม่ทุกครั้งจะเปลี่ยนน้ำใหม่ใส่ลงไปภายในบ่อ พร้อมกับมีการเตรียมบ่อที่ดี จึงเป็นการช่วยลดปัญหาในเรื่องของการสะสมโรคได้ เพราะฉะนั้นน้ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเลี้ยงประสบผลสำเร็จได้ดี โดยระยะเวลาเลี้ยงอยู่ที่ประมาณ 4-5 เดือน ก็ส่งให้กับผู้ที่มารับซื้อ โดยขนาดไซซ์ของปลาก็จะมีความแตกต่างกันออกไป ทำให้ราคาของการทำตลาดหลากหลายราคาตามไปด้วย

สำหรับการทำตลาดจำหน่ายปลาดุกบิ๊กอุย คุณประเทือง บอกว่า ไม่มีความหนักใจมากนัก เพราะจะมีพ่อค้ามาติดต่อรับซื้อถึงที่บ่อกันเลยทีเดียว โดยช่วงที่ตลาดมีความต้องการปลามากจะใช้เวลาเลี้ยงอยู่ที่ประมาณ 4 เดือน แต่ถ้าช่วงตลาดชะลอตัว ก็จะลากการเลี้ยงยาวไปถึง 5 เดือน โดยราคาจะมีขึ้นลงได้ตามกลไกของตลาด แต่สำหรับฟาร์มเลี้ยงของคุณประเทืองนั้น ไม่กังวลในเรื่องของการปรับตัวขึ้นลงของราคา เพราะได้เลี้ยงแบบประหยัดต้นทุนเตรียมไว้ จึงทำให้ถึงแม้ช่วงที่ราคาตลาดปรับตัวลดลงก็ยังสามารถสร้างกำไรได้เป็นอย่างดี

บ่อเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย

“ต้นทุนการผลิตฟาร์มผมอยู่ที่ 16 บาท ช่วงที่ราคาปลาลงมาอยู่ที่ 20 บาท ต่อกิโลกรัม เราก็ยังพอมีกำไร ซึ่งการหาอาหารให้ปลากิน เราก็จะพยายามไปรับเอง นำมาบดผสมเอง ก็จะยิ่งช่วยทำให้ต้นทุนที่ถูกลงได้มากขึ้น และที่สำคัญการทำตลาดที่ดี จะต้องเลี้ยงให้ปลามีส่งขายต่อเนื่อง ซึ่งที่ฟาร์มจะจับขายเดือนละ 2 บ่อ เพราะวางแผนการเลี้ยงให้มีปลาหมุนเวียนได้ตลอด ทุกครั้งเวลาที่ตลาดมีความต้องการ แล้วเราสามารถทำเรื่องตลาดได้ ก็จะช่วยให้ตลาดไม่หายและเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกันไปได้นาน” คุณประเทือง บอกถึงหลักการตลาด

ซึ่งราคาจำหน่ายปลาดุกบิ๊กอุย แบ่งออกไปตามขนาดไซซ์ โดยไซซ์จัมโบ้ ราคาอยู่ที่ กิโลกรัมละ 22 บาท ไซซ์ขนาดสำหรับย่างเค็ม อยู่ที่กิโลกรัมละ 25 บาท และไซซ์ขนาดที่ลดลงไปกว่า 2 ไซซ์ข้างต้น จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 20 บาท โดยบ่อขนาด 1 ไร่ ที่ปล่อยปลาดุกบิ๊กอุย อยู่ 150,000 ตัว สามารถจับปลาจำหน่ายได้เฉลี่ย 40-45 ตัน ต่อบ่อ

จากความสำเร็จของการเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย คุณประเทือง เล่าว่า เกิดจากการวางแผนในทุกด้านให้รอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของลูกพันธุ์ปลา ตลาด ไปจนถึงเรื่องการทำต้นทุนอาหารให้ถูกลง และสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่แพ้กันคือ เรื่องของคุณภาพน้ำ ที่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ปลาเจริญเติบโตได้ดีและปราศจากโรค

การแปรรูปเป็นปลาแดดเดียว

 

“การที่จะประกอบอาชีพทางด้านนี้ อยากจะบอกว่าให้จัดการเรื่องของเงินทุนให้ดี คือเวลาขยับขยายพยายามใช้เงินเราเอง อย่าเน้นกู้ยืมมาลงทุน เพราะจะทำให้เสี่ยง และลำดับรองลงมาคือ เรื่องการเลี้ยง ควรรู้วิธีการเลี้ยง ศึกษาจากผู้ที่ประสบผลสำเร็จให้มากๆ เพราะความรู้เหล่านั้นจะช่วยให้เราผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ ต่อไปประสบการณ์ของการเลี้ยงจะช่วยสอนเอง ส่วนแหล่งซื้อลูกพันธุ์ปลาต้องเป็นแหล่งที่เชื่อถือได้ ขายพันธุ์ที่ดีมีคุณภาพให้เรา และที่สำคัญสุดท้ายคือ เรื่องอาหารและน้ำ เราต้องมีให้ปลาอยู่เสมอ เพราะน้ำกับอาหารเป็นสิ่งที่ปลาขาดไม่ได้ ยิ่งอาหารดี น้ำดี การเลี้ยงก็จะช่วยให้ประสบผลสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น” คุณประเทือง กล่าวแนะนำ

สินค้าแปรรูป

สำหรับท่านใดที่สนใจการเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุยแบบประหยัดต้นทุน และสนใจที่อยากจะศึกษาวิธีการเลี้ยงในขั้นตอนต่างๆ คุณประเทือง บอกว่ายินดีให้คำปรึกษา ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณประเทือง มานะกุล หมายเลขโทรศัพท์ 084-365-0634, 081-365-0634