ที่มา | เทคโนฯ ประมง |
---|---|
ผู้เขียน | กัลยดา ชุ่มอินทจักร |
เผยแพร่ |
การเลี้ยงอึ่งปากขวด อึ่งโขก อึ่งเผ้า อึ่งเค่า (ภาคเหนือ)
เจ้าสัตว์ลำตัวอ้วนป้อม มีเสียงร้องเฉพาะตัว เสียงดัง ผิวหนังสีเทาเข้ม มีจุดด่างเล็กๆ ข้างตัวสีเทาอ่อน ท้องจะออกสีขาวซีด ถ้าเป็นตัวเมียจะเห็นท้องมีลายจุดดำๆ เห็นไข่ชัด คล้ายไข่กบ คืออึ่งปากขวด อึ่งโขก อึ่งเผ้า อึ่งเค่า (ภาคเหนือ)

คนภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือนิยมรับประทานมาก ปีหนึ่งมีให้รับประทานครั้งเดียว คือต้นฤดูฝน ส่วนใหญ่คนนิยมกินไข่ ไข่จะเยอะมากถ้าเทียบกับตัวอึ่ง ฉะนั้นตัวเมียจึงเป็นที่ต้องการของตลาด จึงทำให้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ซึ่งในปัจจุบันนี้เริ่มหายากขึ้น จึงพยายามที่จะนำมาเพาะเลี้ยงเลียนแบบธรรมชาติให้มากที่สุด จึงทำให้เกษตรกรมีรายได้ค่อนข้างดีทีเดียว

ที่ ดงลำดวนฟาร์ม โดย คุณอดุลย์ พูลเพิ่ม เป็นหนึ่งในผู้ที่เพาะเลี้ยงอึ่งเผ้า ทำไมต้องเป็น อึ่งเผ้า คือตัวใหญ่ ไข่เยอะ และไม่มีเมือกตรงผิวและเป็นสัตว์ที่อยู่ตามป่าละเมาะ กินดินโป่งและแมลงเป็นอาหาร ถือว่าสะอาด ไม่เหมือนอึ่งที่มีลำตัวลายเรียกว่าอึ่งข้างลาย จะเป็นอึ่งใกล้บ้าน กินทุกอย่าง ลำตัวเป็นเมือก เรียกอีกอย่างว่าอึ่งยาง หรืออึ่งลาย แต่รสชาติเหมือนกับอึ่งเผ้า

ทำไมเลือกที่จะเลี้ยง อึ่งเผ้า
เพราะว่าเป็นอึ่งที่นิยมของลูกค้า มีรายการสั่งซื้อมามากมายทั้งพ่อพันธุ์แม่พันธุ์และจากคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ การเลี้ยงก็ไม่ยุ่งยาก เหมือนกับว่าเราจัดหาที่อยู่ที่จำกัดให้ หาอาหารให้กิน มีการเจริญเติบโตได้ดี โตเร็ว ตัวโต แต่ธรรมชาติของอึ่งที่เราฝืนไม่ได้ เช่น การจำศีล ถึงฤดูกาลจำศีลก็จะมุดลงดิน ใช้เวลาถึง 7-8 เดือน การเลี้ยงอึ่งนั้นต้องเป็นแบบธรรมชาติอาศัยของอึ่งทุกอย่าง เพียงแต่เราจัดหาที่ที่เราจะจับง่ายขึ้น จำกัดสถานที่ ช่วงที่อึ่งต้องจำศีลหรือลงดินนั้น อยู่ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมของอีกปีถัดไป ช่วงที่เก็บขายได้และขุนอาหารได้นั้นอยู่ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน เท่านั้น

พื้นที่ที่เหมาะสำหรับการเลี้ยงอึ่ง
พื้นที่เลี้ยงต้องโปร่ง หรือป่าโปร่ง ป่าไผ่ ที่โล่ง ไม่เหมาะสำหรับที่นา อึ่งไม่ได้ชอบน้ำ ใช้น้ำเพื่อวางไข่เท่านั้น หลังจากนั้นก็จะมุดดินจำศีลอยู่ในดิน อาศัยกินดินโป่งรอบๆ ตัว นี่คือธรรมชาติของอึ่งเผ้า ถือว่าเป็นสัตว์ที่กินของสะอาดและแมลงเป็นๆ เท่านั้น
ที่ฟาร์มเลี้ยงแบบธรรมชาติ คือปล่อยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เป็นอิสระในฤดูจำศีล คือให้อึ่งอยู่ตามธรรมชาติป่าละเมาะ รอบๆ บริเวณที่เลี้ยงคือนอกบ่อ พอถึงเวลาหน้าฝนอึ่งก็จะมาหากินอาหารที่ในบ่อโดยเปิดคลิปเสียงอึ่งเขาก็จะมาไข่ในบ่อที่เตรียมไว้ นี่คือเลี้ยงแบบธรรมชาติจริงๆ ที่ฟาร์มมีเนื้อที่ 11 ไร่ แต่แบ่งมาทำบ่อเพาะเลี้ยงเพียงส่วนน้อย รอบๆ ฟาร์มจะเป็นป่าไผ่ ป่าโปร่ง เหมาะที่จะเลี้ยงอึ่งเป็นอย่างยิ่ง

ระยะจับอึ่งก็จะอยู่ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน อึ่งก็จะมุดอยู่ในดินปนทรายที่เตรียมบ่อไว้ และแบ่งบางส่วนปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติในละแวกฟาร์มที่มีป่าไผ่ และบริเวณฟาร์มก็จะเป็นป่าโปร่งซึ่งเหมาะมากกับการที่จะปล่อยลูกอึ่งอยู่ตามธรรมชาติ บางส่วนก็จะอยู่ในบ่อที่เตรียมดินปนทรายไว้ก็ได้ ใช้เวลาทั้งหมด 7 เดือน พอฝนแรกก็จะเริ่มออกมาวางไข่ โดยบ่อผมจะใช้บ่อกว้าง 3×5 เมตร ถมดินปนทรายสูงประมาณ 30 เซนติเมตร รองก้นบ่อด้วยตาข่ายพลาสติกเพื่อกันอึ่งมุดออกไป อึ่งก็จะอยู่ในบ่อดินที่เราเตรียมไว้ บ่อขนาดนี้จะปล่อยลูกอึ่ง ประมาณ 4,000 ตัว ในระยะนี้เราไม่ต้องให้อาหาร เขาอาศัยน้ำค้างหรือเศษดินเศษหญ้ากินเอง อัตราการรอดของลูกอึ่งที่อยู่ในธรรมชาติ จะรอดประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเราเลี้ยงเองอัตราการรอดประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์

การสร้างรายได้
- การเลี้ยงเพื่อขายลูกอึ่ง
- ขายอึ่งส่งตลาด
- ขายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์อึ่ง
การเลี้ยงลูกอึ่งเพื่อส่งขายตลาด
ในปัจจุบันการตลาดก็มีหลายวิธี ส่วนใหญ่จะสั่งซื้อทางออนไลน์ ปากต่อปาก กิโลกรัมละ 7,000 บาท หรือถ้านับเป็นตัวก็ตัวละ 1-3 บาท ที่ฟาร์มตอนนี้มีอยู่ประมาณหลายหมื่นตัว (นับจากหนึ่งอุ้งมือ จะมีประมาณ 100 กว่าตัว) หลังจากอึ่งวางไข่แล้วจะเปลี่ยนเป็นตัวลูกอ๊อดภายใน 24 ชั่วโมง จะอยู่ในน้ำโดยการให้อาหาร เช่น หัวอาหาร หรืออาหารปลาดุก แช่น้ำปั้นเป็นก้อนโยนลงบ่อในตอนเย็นประมาณ 5 โมงเย็น วันละครั้งก็พอ ถ้าให้มากจะกินมากอึ่งจะท้องอืดตายได้ จะเลี้ยงในน้ำจนไม่มีหางลูกอ๊อด ประมาณ 20-30 วัน ระยะนี้ข้อควรระวังเรื่องของศัตรูลูกอ๊อด เช่น กบ งู นก จะอยู่ในระยะลูกอ๊อด อย่าให้กระโดดลงในบ่อลูกอ๊อด สร้างบ่อด้วยกระเบื้องลอนคู่ หรือบ่อซีเมนต์ ถ้าต้นทุนน้อยก็ใช้กระเบื้องลอนคู่ ปิดปากบ่อด้วยตาข่ายพลาสติก ถ้าบ่อร้อนเกินไปก็มุงซาแรน หรือทำหลังคาเพื่อลดความร้อน
ระยะลูกอึ่งเล็กมีขาครบ หางก็จะหายไป ก็จะเริ่มกระโดดขึ้นจากน้ำมาเกาะอยู่ตามตาข่ายพลาสติกที่เตรียมวางไว้ข้างขอบบ่อเพื่อรองรับลูกอึ่งกระโดดขึ้นมา จากนั้นก็นำไปอนุบาลในถังพลาสติก หรือบ่อที่เตรียมดินปนทรายและฟางสับรองก้นบ่อไว้ ระยะนี้อึ่งจะไม่ต้องการน้ำชื้นแฉะ บ่อจึงพรมน้ำพอชุ่มก็พอ หรือต้องการดินที่มีความชื้นสูง จะกินอาหารที่เป็นพวกอาหารสด เช่น แมลงเล็กๆ ปลวกสด โดยติดไฟล่อแมลงตอนกลางคืน เพื่อให้แมลงตกลงในบ่อดินปนทราย หรือหาปลวกจากธรรมชาติมาเคาะรังปลวกให้ลูกอึ่งวันละครั้งหรือสองครั้งก็ได้ ลูกอึ่งมักจะกินอาหารตอนเย็นหรือตอนกลางคืน

ระยะนี้ลูกอึ่งจะมีขนาด 2-3 เซนติเมตร ก็จะให้อาหารประเภทสัตว์เป็นๆ เช่น ปลวกและแมลงแล้วจนถึงช่วงหมดฤดูฝนคือปลายเดือนตุลาคม ก็จะหยุดกินอาหาร จะเริ่มมุดลงดินไม่ต้องให้อาหารเลยจากเดือนตุลาคมจนถึงเดือนเมษายนอึ่งก็จะมุดอยู่ในดินปนทรายที่เตรียมไว้ ระยะนี้จะเตรียมลูกอึ่งส่งขายในราคาตัวละ 1-3 บาท จะมีลูกค้าสั่งมากมายจนไม่พอขาย
ขายอึ่งสดส่งตลาด หรืออึ่งแช่แข็งส่งต่างประเทศ
อึ่งสดนี้จะนิยมบริโภคอึ่งไข่ อึ่งตัวผู้ก็มีบ้าง แต่อึ่งไข่จะนิยมมาก เพราะไข่เยอะมาก มีมากกว่าครึ่งหนึ่งของน้ำหนักตัว มีความมัน รสชาติอร่อย ตัวใหญ่ประมาณ 10 ตัว ต่อกิโลกรัม ค่อนข้างได้ราคาดี กิโลกรัมละ 900 บาท ส่วนมากคำสั่งซื้อจากลูกค้าคือคนไทยที่อยู่ต่างประเทศทั่วโลก ระยะจับอึ่งจะอยู่ที่เดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน หรือฝนตกระยะแรก หรือต้นฤดูฝนนั่นเอง เพราะอึ่งตัวเมียเตรียมที่จะวางไข่ก็จะเก็บตอนนั้นนำมาแช่แข็งเพื่อเตรียมส่งตามคำสั่งซื้อ

ขายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์
จะขายเป็นคู่ ตัวผู้ตัวเมีย คู่ละ 70 บาท ส่งทั่วประเทศรวมถึงประเทศใกล้เคียง จะจับขายได้ตลอดจนกว่าจะหมด จับจากในบ่อดินปนทรายที่เตรียมไว้ให้อึ่งได้ขุดโพรงดินอยู่ โดยถมดินภายในบ่อให้เป็นดินปนทรายเพื่อการจับขาย ทั้งจับง่ายและเป็นโพรงที่โปร่งระบายอากาศได้ดีเหมาะสำหรับอึ่งอยู่อาศัย
“การเลี้ยงอึ่งเผ้าหรืออึ่งปากขวด เป็นอึ่งที่อยู่ตามป่า รสชาติดี ผิวหนังก็ไม่มียางเหมือนอึ่งข้างลายหรืออึ่งยาง ถ้ามีความเข้าใจถึงธรรมชาติความเป็นอยู่ของอึ่งชนิดนี้ถือว่าเป็นอึ่งที่เลี้ยงง่าย ก็ค่อนข้างที่จะทำรายได้ให้ผมค่อนข้างดี เป็นอาชีพอิสระ และยังเป็นการอนุรักษ์อึ่งอีกด้วย เพราะผมจะปล่อยอึ่งสู่ธรรมชาติครั้งละหลายพันตัว ในหนึ่งปีจะทำเงินได้ตั้งแต่เดือนเมษายน ถึงเดือนกันยายน ในช่วงที่อึ่งลงดินเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไปก็ทำอาชีพอื่นเสริม เช่น เลี้ยงจิ้งหรีดที่ทำรายได้ทุกๆ เดือนถือว่าเป็นรายได้หมุนเวียนในฟาร์ม นอกจากนี้ผมยังเลี้ยงแมงดานาอีกด้วย เรียกว่าฟาร์มเกษตรผสมผสานก็ว่าได้” คุณอดุลย์ กล่าว
อึ่ง ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอีกมาก ทุกวันนี้แทบไม่พอขาย ถ้าเกษตรกรเลี้ยงอึ่งเป็นจำนวนก็เท่ากับเพิ่มประชากรอึ่งในธรรมชาติอีกด้วย เพราะลูกอึ่งมีมากส่วนใหญ่ที่ฟาร์มก็จะปล่อยสู่ธรรมชาติหลายพันตัวต่อปี ส่วนอัตรารอดก็เป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติถูกทำลายไปมากโอกาสรอดของอึ่งก็ยากไปด้วย

การเตรียมตัวสำหรับลูกค้าปลายทาง ก่อนที่จะสั่งอึ่ง
ต้องเตรียมบ่อที่มีน้ำสำหรับไว้ให้แม่อึ่งวางไข่ ต้องมีรั้วรอบขอบชิดเพื่อกันกบ งู และนกลงไปกินลูกอ๊อด และบ่อที่มีดินปนทรายหรือฟางสับ สำหรับอึ่งหลังจากวางไข่แล้วจะมุดลงดินพักตัว ส่วนลูกค้าที่สั่งซื้ออึ่งเล็กก็เก็บไว้ในกรณีที่หมดฤดูฝนอึ่งก็จะเตรียมลงดินเป็นอึ่งโต และอึ่งส่งตลาดสดก็ต้องเตรียมบ่อดินปนทรายและฟางสับเหมือนกัน
การเลี้ยงอึ่งเป็นการเลี้ยงที่เลียนแบบธรรมชาติ ไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ สารเคมีใดๆ เป็นการทำฟาร์มปลอดภัย

การพักตัวของอึ่ง หรือเรียกว่า อึ่งจำศีล
ในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมปีถัดไป เราไม่ต้องไปยุ่งเรื่องอาหาร ปล่อยให้อึ่งจำศีลแบบธรรมชาติไปเลย ส่วนใหญ่ผู้ที่เลี้ยงอึ่งก็จะเลี้ยงสัตว์อย่างอื่นทดแทนไปด้วย เพราะช่วงที่เป็นช่องว่างการเลี้ยงอึ่งก็จะได้เลี้ยงสัตว์อย่างอื่นแทน บางคนก็เลี้ยงจิ้งหรีดเสริมไป บางคนก็เลี้ยงหอย เลี้ยงหนูท้องขาว เลี้ยงแมงดา เป็นต้น
อึ่งปากขวด หรืออึ่งเผ้า พบได้ทั่วประเทศไทย โดยมีพฤติกรรมอาศัยโดยขุดโพรงดินที่เป็นดินปนทรายและอาศัยอยู่ภายในป่าที่มีความชุ่มชื้นใกล้กับพื้นที่ชุ่มน้ำ ในฤดูร้อนจะซ่อนตัวในโพรงแทบตลอด เมื่อฝนตกจะออกมาหากิน โดยหากินในเวลากลางคืน ผสมพันธุ์และวางไข่ในช่วงต้นฤดูฝน อึ่งปากขวด ปัจจุบัน มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก เพราะการถูกจับมาบริโภคและสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยเปลี่ยนไป

ฟาร์มคุณอดุลย์ มีเนื้อที่ทั้งหมด 11 ไร่ แต่แบ่งเพียงบางส่วนเพาะเลี้ยงอึ่ง ทุกวันนี้เลี้ยงขายพ่อแม่พันธุ์ ขายเนื้ออึ่ง ขายลูกอ๊อด มีคำสั่งซื้อมามากจนต้องรอคิว ในเดือนนี้มีลูกค้ามากมายแต่ต้องรอต้นปีหน้า เพราะว่าอึ่งลงดินหมดแล้ว แต่คุณอดุลย์ก็เพาะเลี้ยงอย่างอื่นเสริมในช่วงที่ว่างจากการเลี้ยงอึ่ง
คนทั่วไปนิยมบริโภคไข่อึ่ง ตัวเมียที่มีไข่เต็มท้องจึงมีราคาแพง ปัจจุบันนี้ได้นำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เศรษฐกิจ พ่อพันธุ์แม่พันธุ์อึ่งนั้น สามารถรวบรวมได้จากธรรมชาติบริเวณป่าเต็งรัง ป่าโปร่ง ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน พบมากในช่วงฝนตกหนักครั้งแรกของฤดูฝน อึ่งจะออกมาหาคู่และวางไข่
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ดงลำดวนฟาร์ม โดย คุณอดุลย์ พูลเพิ่ม บ้านพรานบุญ ตำบลหนองขอน อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เบอร์โทร. 061-934-6056
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2565