| ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
|---|---|
| เผยแพร่ |
ปลาคาร์พ หรือ แฟนซี คาร์พ (Fancy carp) เดิมทีเป็นปลาไนชนิดธรรมดา เป็นปลาน้ำจืดในกลุ่มปลาตะเพียน (carp) ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า โคย (Koi) นิยมเลี้ยงเพื่อความสวยงาม หรืออีกทางมีความเชื่อว่าปลาคาร์พเป็นปลาแห่งโชคลาภเสริมฮวงจุ้ยด้านธุรกิจสร้างผลกำไรดี จึงเป็นที่นิยมเลี้ยงกันแพร่หลายในปัจจุบัน
ด้วยกระแสที่มาแรง ทำให้เกิดพ่อค้าแม่ค้าหลายรายมองเห็นช่องทางการสร้างอาชีพ บ้างเลี้ยงเพื่อสร้างรายได้ บ้างก็เลี้ยงเพราะความชอบ จนเกิดเป็นอาชีพ
คุณมลิวรรณ ผ่านชมภู หรือ คุณติ๊ก อยู่บ้านเลขที่ 275 หมู่ที่ 7 บ้านหนองเดิ่น ตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบและหลงใหลสีสัน ลวดลาย ความสวยงามที่ไม่ซ้ำกันของปลาคาร์พ จากเลี้ยงเล่นๆ กลายเป็นอาชีพหลักในที่สุด โดยก่อนหน้านี้คุณติ๊กช่วยพี่สาวทำงาน เป็นบริษัทเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งออฟฟิศอยู่ที่บ้าน บริเวณข้างๆ จะมีบ่อเลี้ยงปลาคาร์พที่พี่เขยเป็นคนเลี้ยงไว้ ด้วยความที่เห็นทุกวัน ช่วยพี่เขยให้อาหารบ้างตอนที่เขาไม่อยู่ จึงเกิดความผูกพัน และกลายเป็นความชอบโดยที่สุด คราวนี้เมื่อชอบเวลาไปเห็นปลาคาร์พที่ไหนสวยๆ ก็ซื้อมาเลี้ยงเพิ่ม เลี้ยงจนปลาเต็มบ่อไม่รู้ว่าจะระบายออกอย่างไร ด้วยความที่บ้านอยู่ติดกับประเทศลาวจึงเกิดไอเดียคิดที่จะลองเสี่ยงข้ามไปหาตลาดที่นั่นดู จึงตัดสินใจจ้างรถตู้ให้เขาพาไปเวียงจันทน์ เพื่อไปตลาดขายสัตว์ หาตลาดโดยใช้วิธีถ่ายรูปปลา ไปเดินถามร้านขายสัตว์เลี้ยงแถวนั้นว่าเรามีปลาอย่างนี้สนใจไหม เดินถามจนครบ ปรากฏว่ามีหลายร้านที่สนใจก็ให้เบอร์ติดต่อไป เขาก็ติดต่อมา จนกลายเป็นลูกค้าเราถึงปัจจุบันนี้
OGATA KOL FARM เกิดขึ้นเพราะความชอบ กลายเป็นอาชีพสร้างรายได้
คุณติ๊กเริ่มเลี้ยงปลาคาร์พจากความชอบ ไม่ได้มีความคิดที่จะเลี้ยงเพื่อการค้ามาก่อน เพิ่งหันมาเริ่มเลี้ยงจริงจังได้ 5 ปี ปีแรกเลี้ยงเอาประสบการณ์หัดดูโรค ศึกษาพฤติกรรมของปลาไปก่อน เมื่อเริ่มคล่องจึงค่อยๆ ขยับขยายมาเรื่อยๆ โดยสายพันธุ์ปลาที่เลี้ยงมีทั้งปลาไทย-ปลานอก ถ้าเป็นปลานอกคุณติ๊กจะบินไปคัดที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเอง เพราะไม่สามารถผลิตเองได้ ถ้านำมาผสมที่ไทยจะกลายเป็นปลาไทยทันที ถึงจะเป็นพ่อแม่พันธุ์นอกก็ตาม
ส่วนปลาไทยจะผสมเองส่วนหนึ่ง และรับมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี ราชบุรี ในกรณีที่อย่างปีนี้ทำได้ปลาโอกอนสีล้วน แต่ไม่มีโอฮากุ ก็จะสั่งมา
การเลี้ยงแรกๆ จะยากหน่อยเพราะไม่รู้หลักของปลา ดูโรคไม่เป็น แต่หากจับทางถูกแล้วจะง่ายมาก รู้ว่าถ้าปลามีอาการอย่างนี้ควรรักษาอย่างไรก็จะไม่มีอะไรให้ต้องกังวลและง่ายต่อการป้องกัน
ขั้นตอนการเตรียมบ่อเลี้ยงปลาคาร์พเบื้องต้น…บ่อปลาจะมีทั้งบ่อกลางแจ้ง และบ่อในร่ม ทุกบ่อจะต้องมี UV ไว้กำจัดตะไคร่น้ำ มีฟิลเตอร์แมต ใยกรองเพื่อกำจัดของเสียต่างๆ จากปลา และอวนเขียวใช้สำหรับกรองของเสียอีกชั้นหนึ่ง และเครื่องปั๊มน้ำ ปั๊มลม นี่คือสิ่งที่ต้องมี
ขั้นตอนการเลี้ยง…จำนวนปลาที่คุณติ๊กเลี้ยงทั้งปลาไทยและปลานอกรวมกันแล้วนับหมื่นตัว มีบ่อดิน 2 บ่อ บ่อละ 2 งาน เอาไว้ขุนปลาจัดไซซ์ 15-30 เซนติเมตร และมีบ่อปูนใหญ่ 1 บ่อ ความกว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร ลึก 1.50-1.80 เมตร และต้องมีบ่อกักโรค บ่อแยก บ่อเก็บปลา เพื่อแยกว่าราคาเท่าไร สายพันธุ์อะไร ไซซ์เท่าไร ถ้าเป็นปลานอกรับมาไซซ์ไหนก็ขายตามนั้น
น้ำที่ใช้เลี้ยง ถ้าเป็นน้ำบาดาลได้จะดี แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้น้ำประปาหากเป็นบ่อเปิดให้พักให้คลอรีนระเหย 2 วัน ถ้าเป็นบ่อปิดให้ทิ้งไว้ 4-5 วัน
เทคนิคการเลี้ยงให้ปลาออกสีตามที่ต้องการ
อย่างที่ทราบกันว่าเสน่ห์ของปลาแฟนซีคาร์พอยู่ที่สีสันและลวดลายที่แตกต่างและไม่ซ้ำกันสักตัว และสายพันธุ์ที่นิยมในวงการปลาแฟนซีคาร์พคือ 1. โคฮากุ (Kohaku) จะมีลายขาวแดง เป็นสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงมากที่สุด ถัดลงมาจะเป็น 2. ไทโช ซันเก้ (Taisho Sanke) ประกอบด้วย 3 สี ขาวแดงดำ 3. โชวา ซันโชกุ (Showa Sanshoku) เป็นแฟนซีคราพเช่นเดียวกับไทโช ซันเก้ จะแตกต่างกันตรงสีขาวและแดงจะรวมตัวอยู่บนพื้นสีดำขนาดใหญ่ 4. ตันโจ (Tancho) เป็นปลาที่มีสีแดงเพียงสีเดียวอยู่บนหัว โดยอาจมีรูปทรงกลมขนาดใหญ่ หรือรูปอื่นก็ได้ และหากอยากเลี้ยงให้ปลายอดนิยมเหล่านี้ออกมาตรงต่อความต้องการของตลาด มีเทคนิคง่ายๆ ดังนี้ ยกตัวอย่างเช่น หากอยากให้ปลามีสีดำเยอะ ควรเน้นให้น้ำแก่คือต้องใส่หินภูเขาไฟ การเลี้ยงถือว่ามีผลต่อสีของปลา ถ้าน้ำแก่สีดำจะดี แต่ถ้าเป็นน้ำอ่อนหรือน้ำกร่อย สีแดงจะดี แต่ถ้าอยากให้ผิวปลาขาวใส ให้เปลี่ยนน้ำบ่อยๆ ไล่น้ำประจำสีของปลาจะขาวใส
ปัจจัยที่จะทำให้ปลาสวยหรือไม่สวยมีดังนี้
- ขึ้นอยู่กับพ่อแม่พันธุ์ หากพ่อแม่พันธุ์ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง
- ปลาจะโตไม่โตขึ้นอยู่กับบ่อที่เลี้ยง คนทั่วไปจะปล่อยเลี้ยงตามใจชอบ ถ้าจะให้ถูกต้องแนะนำให้ปล่อยปลา 1 ตัว ต่อน้ำ 1 ตัน เพื่อการดูแลที่ทั่วถึง
- อาหาร ต้องเป็นอาหารคุณภาพสูง ที่ญี่ปุ่นแนะนำให้วันละ 3-5 มื้อ เป็นอาหารลอย แต่ละครั้งให้จำนวนไม่ต้องเยอะ
- สภาพแวดล้อมของบ่อ อย่างเช่น บ่อที่เลี้ยงเป็นบ่อกลางแจ้งแดดแรง ถ้าน้ำตื้นจะทำให้ผิวปลาเสีย แต่ถ้าบ่อลึกเกินไปปลาจะว่ายเยอะเกินไปทำให้ปลาเหนื่อยจะไม่เป็นผลดี แต่หากบ่อไหนที่ไม่มีแดดเลยสีของปลาจะซีดเพราะปัจจัยหลักของการสร้างเม็ดสีคืออาหารและแสงแดด ทางที่ดีควรตั้งบ่อในทิศทางที่ดี ตอนเช้าให้แดดส่อง ตกบ่ายพยายามเลี่ยงให้เจอแสงแดดน้อยที่สุด
- ค่า pH ของน้ำที่เลี้ยงได้ควรอยู่ระหว่าง 6.5-8.5 แต่ถ้าจะให้ดีคือ 7-7.5
การป้องการและรักษาโรค
“หากท่านที่เลี้ยงนำปลาเข้า ไม่ว่าจะจากบ่อที่ไหนก็แล้วแต่ ต้องลงบ่อกักโรคก่อน คนเลี้ยงปลาต้องมีบ่อแยกกักโรค วิธีแยกให้ใส่เกลือ 5 กิโลกรัม ต่อน้ำ 1 ตัน คือวิธีการกักโรค และต้องระวังช่วงอากาศเปลี่ยน เพราะปลาโรคเยอะ ที่พบบ่อยคือโรคปลิงใส หนอนสมอ เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งเราต้องดูอาการปลาให้เป็น
วิธีสังเกตปลาป่วย อย่างแรกเลยปลาจะมีอาการซึม ไม่กินอาหาร จะว่ายน้ำแฉลบ นอนก้นบ่อ ต้องหมั่นสังเกตจากตรงนี้ ถ้านอนติดกับพื้นเลยส่วนใหญ่จะเป็นกับปลาใหญ่ ระบบภายในมีปัญหาคือจะว่ายน้ำไม่ค่อยได้ จะนอนอยู่ก้นบ่อ แต่ถ้าติดเชื้อภายในเหมือนเป็นไวรัสในกระแสเลือดจะว่ายลอยคอ” คุณติ๊ก อธิบาย
โรคหากมีการระบาดแล้วจะแพร่ไวมาก สมมุติแค่เราเอามือไปจุ่มบ่อปลาที่เป็นโรค ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงเราไม่ได้ล้างมือแล้วเอามือไปจุ่มอีกบ่อที่ไม่ได้เป็นโรค บ่อนั้นก็สามารถติดโรคได้เลย เพราะพวกไข่ปลิง สปอร์ เชื้อพวกนี้จะเกาะตามง่ามมือ เวลาเอามือไปจุ่มในน้ำที่มีสภาพเหมาะกับเจริญเติบโตเขาก็สามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว
วิธีป้องกันและรักษา…ให้พยายามดูแลช่วงเปลี่ยนฤดู หมั่นดูแลช่องกรองให้สะอาดที่สุด โรคพวกนี้ก็จะไม่ค่อยมา และควรสังเกตความเปลี่ยนแปลงให้ได้ทุกวัน หากมีอะไรที่แปลกไปจะได้รับมือได้ทัน ถ้าปลาอาการหนักมากก็เหมือนคนคือต้องฉีดยา แต่ถ้าเบื้องต้นบ่อเรามีปลิงเราต้องรีบคลีนบ่อ ส่วนมากจะใช้ฟอร์มาลิน ด่างทับทิม หรือเกลือช่วยในการฆ่าปรสิต
ตลาดไม่ตัน ไปได้เรื่อยๆ ยิ่งอยู่นานยิ่งขายดี
ตลาดปลาของคุณติ๊ก มีทั้งลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ ลูกค้าในประเทศส่วนใหญ่จะเดินทางมาดูที่ฟาร์ม จะขายปลีกได้เป็นส่วนมาก แต่ถ้าเป็นลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้านคือ ลาว เวียดนาม พม่า เขาจะสั่งซื้อแบบส่งคือสั่งจำนวนเยอะ ปลาแต่ละพันธุ์แต่ละไซซ์เราจะขายไม่เหมือนกัน อย่างปลาไซซ์ 15 เซนติเมตร เรียกว่าโตไซ อายุ 1 ปี ปลาไทยเริ่มต้นที่ตัวละ 50 บาท ถ้าเป็นปลานอกโตไซเริ่มต้นที่ตัวละ 800 บาท ส่วนปลาอายุ 3 ปี ไซซ์ 70-80 นิ้ว เริ่มต้นที่ตัวละ 15,000 บาท ต้องดูสายพันธุ์ ดูสีสันลวดลาย และฟาร์มที่นำเข้าหากเป็นฟาร์มดังๆ ราคาจะสูง ราคาที่ขายก็จะต้องสูงตาม จำนวนที่ได้ราคาขายส่งไซซ์ 15-30 เซนติเมตร ต้องสั่งหลักพันตัว หากเป็นปลาใหญ่ไซซ์ 70-80 นิ้ว ขั้นต่ำ 30-50 ตัว สำหรับปลานอกราคาต่อตัวค่อนข้างสูง คิดราคาส่งเริ่มต้นเพียง 10 ตัว ตลาดตอนนี้ถือว่าไปได้เรื่อยๆ ยอดขายไม่มีตก มีแต่เพิ่มขึ้น ลูกค้าส่วนใหญ่ถ้าจะซื้อปลาคาร์พเขาจะดูจากประสบการณ์ของเจ้าของฟาร์ม ยิ่งถ้าอยู่นานยิ่งได้เปรียบ ลูกค้าจะเชื่อถือ ประสบการณ์ถือเป็นตัวการันตี
รายได้…รายเดือนมากกว่าแสน แต่ค่าซื้อพันธุ์และค่าอาหารก็แพงเหมือนกันเพราะอาหารที่ใช้เป็นอาหารเกรดดี ราคากระสอบละ 7,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟเยอะ ต้องเปิดปั๊มลม ปั๊มน้ำ แต่เลี้ยงแล้วคุ้ม ใน 1 ปี จะขายได้แบบจริงจังได้ประมาณ 6-7 เดือน นอกนั้นจะเป็นหน้าฝนกับช่วงเปลี่ยนฤดูลูกค้าจะไม่นิยมซื้อ
แนะนำสำหรับมือใหม่หัดเลี้ยง
สำหรับผู้ที่คิดจะเลี้ยงปลาแฟนซีคาร์พ คุณติ๊กบอกได้เลยว่า นอกจากท่านจะได้ความสวยงาม เพลิดเพลินตาแล้ว ท่านจะได้แง่คิดหลายๆ อย่างจากการเลี้ยงปลา สอนให้เราเป็นคนใจเย็น และมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น
มือใหม่หัดเลี้ยงแนะนำให้เริ่มเลี้ยงน้อยๆ ก่อน อาจลงทุน 2 บ่อ เป็นบ่อเล็กเงินทุน 50,000 บาท รวมทุนซื้อพันธุ์ปลา ถ้ายังไม่เก่งไม่แนะนำให้ลงทุนแบบใหญ่โต ให้เริ่มเลี้ยงปลาไทยก่อน เพราะปลานอกราคาสูง ถ้าตายตัวหนึ่งเราจะขาดทุนไปเลย คุณติ๊ก กล่าว
สำหรับท่านที่สนใจพันธุ์ปลาแฟนซีคาร์พของ OGATA KOL FARM สามารถเข้ามาเยี่ยมชมที่ฟาร์มได้ เพราะที่นี่ยังมีพันธุ์ปลาอื่นๆ ทั้งปลาไทย ปลานอก ให้ท่านได้เลือกชมเลือกดูอีกมากมาย แต่ละตัวรับรองได้ว่าสวยถูกใจ การันตีด้วยรางวัลระดับพระราชทานจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และรางวัลจากอีกหลายเวที โทร.ปรึกษาคุณติ๊กได้ที่เบอร์ (082) 888-9251
