“เครื่องขอดเกล็ดปลา” รุ่นใหม่ ทำได้ ครบวงจร ทั้งขอดเกล็ด-คลุกเคล้า

“สัตว์น้ำ” โดยเฉพาะปลาเป็นอาหารที่คนนิยมบริโภค เนื่องจากหาได้ง่าย ราคาไม่แพง อีกทั้งเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ถือเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ นอกจากนี้ ยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย และมีไขมันที่สามารถลดปริมาณไตรกรีเซอไรด์ ซึ่งเป็นสาเหตุของไขมันอุดตันในหลอดเลือดได้

ด้วยภูมิปัญญาของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนิยมเก็บรักษาปลาเพื่อบริโภคในหลายรูปแบบ แต่ที่นิยมมากคือ การเก็บรักษาในรูปแบบหมักดอง ได้แก่ ปลาร้า และปลาส้ม

ดร. จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า ปัจจุบัน ปลาร้า ได้ขยายมูลค่าจากธุรกิจในระดับครัวเรือนหรือธุรกิจขนาดเล็กเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ ปลาร้านอกจากจะเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ สินค้าโอท็อป (OTOP) ยังมีการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ

ดังนั้น สิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงถึงในการแปรรูปอาหารก็คือ การยกระดับมาตรฐานการผลิตและการควบคุมกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพปลอดภัยต่อผู้บริโภค รวมทั้งการเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อการจำหน่าย

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทางกรมประมงได้มีนโยบายให้ทีมนักวิจัยกรมประมงคิดค้นผลงานวิชาการใหม่ๆ รวมถึงให้พัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างจุดแข็งให้กับภาคการประมงของไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดได้

คณะผู้พัฒนากลุ่มวิศวอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ
คณะผู้พัฒนากลุ่มวิศวอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ

จากการสำรวจของกองวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง พบว่ากลุ่มแม่บ้านเกษตรกรแปรรูปสัตว์น้ำที่ผลิตปลาร้ายังใช้แรงงานจากคนเป็นหลัก ทำให้เสียเวลามาก กองวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์น้ำจึงพัฒนาเครื่องขอดเกล็ดปลาขึ้น

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและให้ถูกสุขลักษณะ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและสร้างคุณภาพตัวสินค้าสัตว์น้ำให้กับผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี

นายสยาม เสริมทรัพย์ วิศวกรเครื่องกลชำนาญการ กองวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ กล่าวเพิ่มเติมในฐานะผู้วิจัยและพัฒนาต่อยอดเครื่องขอดเกล็ดปลาว่า เครื่องขอดเกล็ดปลารุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีการพัฒนาต่อยอดจากเครื่องที่ประดิษฐ์ขึ้น เมื่อปี 2547 โดยกรมประมง ใช้สำหรับปลาสดและเป็นปลาขนาดตั้งแต่ 2-4 ตัว ต่อกิโลกรัม อย่างเช่น ปลานิล ปลาจีน

ขอดเกล็ดปลาได้ ครั้งละ 20-25 กิโลกรัม ภายใน 5 นาที
ขอดเกล็ดปลาได้ ครั้งละ 20-25 กิโลกรัม ภายใน 5 นาที

เครื่องขอดเกล็ดปลารุ่นที่กรมประมงได้พัฒนาขึ้นนี้สามารถขอดเกล็ดปลาได้ครั้งละ 20-25 กิโลกรัม ภายใน 5 นาที  ปลาที่ขอดเกล็ดแล้วเนื้อปลาไม่ช้ำ แต่เครื่องรุ่นเก่านี้ไม่สามารถขอดเกล็ดปลาที่มีขนาดเล็กในครั้งละมากๆ ได้

จากการทดลองพบว่า เครื่องนี้สามารถขอดเกล็ดปลาได้ 90-95% เลยทีเดียว

1468740964

ทางกรมประมงจึงได้มีการพัฒนาเครื่องขอดเกล็ดปลารุ่นนี้ได้มาจากเครื่องที่ประดิษฐ์โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปเกษตรศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเครื่องรุ่นใหม่ที่กรมประมงพัฒนาขึ้นมานี้เป็นเครื่องที่สามารถขอดเกล็ดปลาตัวขนาดเล็กและใช้วัสดุสัมผัสปลาที่ปลอดสนิม ถอดล้างทำความสะอาดง่าย ขอดเกล็ดปลาสดและปลาดองเกลือได้

อีกทั้งยังสามารถเคล้าปลากับส่วนผสม สำหรับทำปลาร้าโดยเครื่องขอดเกล็ดปลานี้เหมาะกับการขอดเกล็ดปลาที่นำไปแปรรูปผลิตภัณฑ์ประเภทหมัก ดอง และตาก เช่น ปลาร้าปลาสร้อย ปลาร้าปลากระดี่ ปลาส้มปลาตะเพียน ปลาสลิดแดดเดียว เนื่องจากปลาที่ได้เนื้อปลาจะน่วม

สำหรับอุปกรณ์และการทำงานของเครื่องถังขอดเกล็ดปลา เพลาขอดเกล็ด และโครงเครื่องจะใช้สแตนเลสเพื่อป้องกันการเกิดสนิม มอเตอร์ขนาด 2 แรงม้า ทดความเร็วรอบถังขอดเกล็ดปลาหมุนที่ 36 รอบ ต่อนาที

เครื่องขอดเกล็ดปลาที่พัฒนาขึ้น
เครื่องขอดเกล็ดปลาที่พัฒนาขึ้น

ภายในถังประกอบด้วยเพลาขอดเกล็ดปลา จำนวน 3 เพลา โดยเพลาตัวกลางเป็นเพลาหลักสำหรับหมุนถังขอดเกล็ดปลา เพลาด้านข้างอีก 2 เพลา หมุนอิสระ เพลาทั้ง 3 เชื่อมติดด้วยเกลียวปล่อยสำหรับเป็นแปรงขอดเกล็ดปลา

ด้านวิธีการใช้เครื่องรุ่นนี้ก็ไม่ซับซ้อน เพียงแค่นำตัวปลาใส่ลงไปในตัวเครื่อง เติมน้ำเปล่าลงไปให้พอท่วมตัวปลา จากนั้นเปิดสวิตซ์ให้เครื่องทำงาน ประมาณ 5 นาที ก็สามารถนำปลาออกจากเครื่องได้ นำไปล้างน้ำให้สะอาด และแปรรูปต่อได้

เกล็ดปลาที่ขอดออกมา
เกล็ดปลาที่ขอดออกมา

คุณสมบัติพิเศษเช่นนี้จึงเหมาะกับการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์เป็นอย่างมาก เพราะแก้ไขปัญหาได้ตรงกับความต้องการของเกษตรกร และผู้ประกอบการธุรกิจสัตว์น้ำเพราะนอกจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิตแล้วยังช่วยประหยัดเวลาได้อีกด้วย

ผลงานวิจัยชิ้นนี้นับเป็นอีกหนึ่งผลงานวิจัยด้านนวัตกรรมของกรมประมงที่เหมาะกับกระบวนการผลิตเชิงพาณิชย์เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เครื่องขอดเกล็ดปลารุ่นนี้จะผลิตออกมาเพื่อช่วยลดกำลังคน แต่ทางกรมประมงก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนา พร้อมเตรียมต่อยอดพัฒนาเครื่องรุ่นต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

หากสนใจ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มวิศวอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ กองพัฒนาอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง โทร. (02) 940-6130-45 ต่อ 4210, 4211 

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกวันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2559