เกษตรกรสุรินทร์เพาะพันธุ์ปลา มากว่า 3 ทศวรรษ ลูกพันธุ์ปลาดี มีคุณภาพ ตลาดต้องการ

ปลา จัดเป็นแหล่งโปรตีนที่มีความสำคัญ ซึ่งสมัยก่อนการหาปลาตามแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นเรื่องที่ง่ายและสามารถทำได้ แต่ในปัจจุบันปลาที่อยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติมีจำนวนน้อยลง เป็นผลอันเกิดจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงบวกกับสังคมเมืองที่มีการขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้การแพร่พันธุ์ของปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ ลงลดไปด้วย จึงทำให้วิถีชีวิตของการหาปลามาบริโภคแบบสมัยก่อนทำได้ยาก 

ด้วยสาเหตุเหล่านี้ จึงมีการเพาะพันธุ์ปลามากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค และส่งต่อให้กับเกษตรกรที่เลี้ยงเป็นเชิงการค้าทำรายได้ต่อไป ทำให้เกิดการสร้างงานและมีรายได้อย่างเป็นขั้นตอน อย่างเช่น คุณชูสิทธิ์ เจิมทอง อยู่บ้านเลขที่ 87 หมู่ที่ 18 ตำบลเฉนียง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เป็นเกษตรกรที่ยึดการเพาะพันธุ์ปลามาหลายสิบปี สามารถทำรายได้จากการจำหน่ายปลาได้ตลอดทั้งปี

คุณชูสิทธิ์ เจิมทอง และภรรยา

น้ำ ปัจจัยสำคัญ

ของการทำประมง

คุณชูสิทธิ์ เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป พร้อมกับทำนาบนพื้นที่ของตนเองด้วยบางส่วน ต่อมาประมาณปี 2529 ได้มีโอกาสเห็นญาติทำอาชีพเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์ปลา มีรายได้ค่อนข้างดี จึงได้ทดลองเพาะพันธุ์ปลาดูบ้าง เพราะในพื้นที่ที่อยู่เริ่มมีน้ำระบบชลประทานเข้ามาถึง ทำให้มีน้ำนำมาเพาะพันธุ์ปลาได้ ซึ่งน้ำถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินงานในด้านนี้

พื้นที่ภายในฟาร์ม

“พอเห็นว่า ในพื้นที่เริ่มมีน้ำมาอย่างเพียงพอ และที่สำคัญน้ำเป็นน้ำดีด้วย สามารถนำมาทำประมงได้ ก็เริ่มหัดเพาะพันธุ์ปลานิล ปลาไน และปลาตะเพียน เมื่อปลาชุดแรกประสบผลสำเร็จจนสามารถจำหน่ายได้ จึงได้มีการปรับเปลี่ยน ดูตามความต้องการของตลาดมากขึ้น ว่าแต่ละช่วงละปีต้องการลูกปลาแบบไหน เพราะแต่ละปีการเลี้ยงของลูกค้าก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย เราก็ต้องมีลูกพันธุ์ปลารองรับลูกค้า ก็ได้เพิ่มการเพาะพันธุ์ปลาดุก และอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาอีก เพื่อให้ภายในฟาร์มมีความหลากหลายมากขึ้น” คุณชูสิทธิ์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเพาะพันธุ์ปลา

บ่อพักปลาเตรียมส่งลูกค้า

ใช้เวลาดูแล อย่างน้อย 20 วัน

ลูกปลาจำหน่ายได้

ในขั้นตอนของการเพาะพันธุ์ปลานั้น คุณชูสิทธิ์ บอกว่า ปลาแต่ละชนิดจะมีวิธีการเพาะพันธุ์ที่แตกต่างกันไป เพราะปลาบางพันธุ์เพาะได้ปีละ 1 ครั้ง หรือบางพันธุ์เพาะได้ตลอดทั้งปี จึงมีการดูแลและขั้นตอนการเพาะที่แตกต่างกันไป อย่างเช่น ปลานิล จะเลี้ยงให้พ่อแม่พันธุ์มีอายุอย่างน้อย 1 ปี ถึงจะนำมาคัดและผลิตลูกต่อไป

อาหารที่ให้ลูกปลากิน

“ปลาในช่วงแรกที่จะเลี้ยงเป็นพ่อแม่พันธุ์ ยังโตไม่เต็มที่ เราก็จะเลี้ยงรวมในบ่อเดียวกันไปก่อน พอต้องการที่จะนำมาเพาะพันธุ์ ก็จะคัดพ่อแม่พันธุ์อีกครั้งหนึ่ง โดยจะเลือกตัวที่มีลักษณะดีๆ อย่าง ปลานิลตัวเมีย ก็จะเลือกตัวที่ใหญ่ๆ เพราะปลานิลสามารถผลิตลูกได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอช่วงฤดูกาล แต่ช่วงหน้าหนาวจะผลิตได้น้อยหน่อย ซึ่งการผสมพันธุ์ก็จะปล่อยพ่อแม่พันธุ์รวมไปในบ่อเดียวกัน ในอัตราส่วน แม่พันธุ์ 3 ตัว ต่อ พ่อพันธุ์ 1 ตัว ปล่อยผสมพันธุ์ประมาณ 1 เดือน ก็จะมีลูกปลาออกมาให้เก็บไปอนุบาลต่อได้” คุณชูสิทธิ์ บอก

เมื่อปลานิลที่ปล่อยลงในบ่อดินผสมพันธุ์จนเกิดลูกให้เห็นแล้ว คุณชูสิทธิ์ เล่าว่า จะแยกลูกออกมาจากแม่พันธุ์ไปอนุบาลต่อในบ่ออื่น โดยขนาดของบ่อดูตามจำนวนของลูกปลาที่ได้ ถ้ามีปริมาณที่มากจะใส่เลี้ยงในบ่อที่มีขนาดใหญ่ แต่ถ้าได้ลูกปลาน้อยในรุ่นนั้น ขนาดบ่ออนุบาลก็จะเล็กลงมาตามลำดับ

ซึ่งอาหารที่ใช้เลี้ยงลูกปลานิลในระยะนี้ ให้กินรำอ่อนผสมปลาป่น วันละ 2 มื้อ เลี้ยงและดูแลไปอย่างนี้ ประมาณ 20 วัน ลูกปลานิลจะได้ขนาดไซซ์ตัว 1 นิ้ว ขึ้นไป แต่ถ้าลูกค้ามีความต้องการขนาดไซซ์ที่ใหญ่กว่านี้ ก็จะเลี้ยงต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ส่งปลาให้ลูกค้าที่มารับถึงฟาร์ม

“การเพาะพันธุ์ปลา คนอาจจะมองว่าเป็นการทำระยะสั้น ไม่น่าจะมีเรื่องโรคที่เกิดขึ้น บางช่วงบางฤดูกาลก็จะมีโรคเกิดขึ้นอยู่บ้างในบางปี ช่วงที่ระบาดของโรคจะมาก จะเกิดขึ้นในช่วงที่มีฝนตกหนักๆ ถ้าเราเห็นว่าฝนตกมาก จะโรยบริเวณปากบ่อด้วยปูนขาว เพื่อช่วยในการฆ่าเชื้อ จะช่วยป้องกันการเกิดโรคที่ลงมาในบ่ออนุบาลลูกปลา” คุณชูสิทธิ์ บอก

ลูกปลาตะเพียนทอง

ลูกค้ามีหลากหลาย

ซื้อไปขายต่อ และเลี้ยงเอง

ในเรื่องของการทำตลาดขายลูกพันธุ์ปลา คุณชูสิทธิ์ บอกว่า ลูกค้าที่เข้ามาติดต่อขอซื้อจากฟาร์มมีความต้องการนำลูกปลาไปใช้แตกต่างกันไป โดยบางรายซื้อไปเพื่อไปเลี้ยงให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยและจำหน่ายทำราคา และบางรายเป็นเกษตรกรที่เลี้ยงผลิตเป็นปลาเนื้อ ส่งจำหน่ายให้กับตลาดปลา เพื่อนำไปประกอบอาหาร

ลูกปลาสลิด

“เนื่องจากลูกค้ามีความต้องการขนาดไซซ์ลูกปลาที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ที่นี่ราคาลูกปลามีหลายราคา อย่างตัวเล็กสุดราคาอยู่ที่ 10 สตางค์ ส่วนตัวใหญ่ขึ้นไป ราคาก็ขายอยู่ที่ 80 สตางค์ ซึ่งที่นี่จะไม่เลี้ยงให้มีขนาดใหญ่มาก ราคาจะขายอยู่ประมาณนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดไซซ์ที่ลูกค้าต้องการ ทางฟาร์มเราก็พยายามทำให้หลากหลาย เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาด และที่สำคัญเพาะพันธุ์หลายชนิด มีตั้งแต่ ปลานิล ปลาหมอ ปลาตะเพียน ปลาดุก ปลาไน และลูกกบ ช่วงไหนลูกค้าต้องการอะไร เราก็จะผลิตชนิดนั้นมากขึ้น” คุณชูสิทธิ์ เล่าถึงการทำตลาด

ลูกกบ

จากประสบการณ์ที่ได้เพาะพันธุ์ปลามา คุณชูสิทธิ์ บอกว่า ความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยคุณภาพของพันธุ์ปลาทุกตัวที่ออกจากฟาร์ม จะต้องได้จากพ่อแม่พันธุ์ที่ดี ผ่านการคัดเลือกเองจากมือของเขา เมื่อลูกค้านำไปเลี้ยงแล้วในพื้นที่เลี้ยงมีคุณภาพน้ำที่ดี อาหารดี บวกกับมีลูกพันธุ์ที่ดี ก็จะช่วยให้การเลี้ยงปลาของลูกค้าสามารถประสบผลสำเร็จและจำหน่ายได้ราคาตามไปด้วย จากความใส่ใจและซื่อสัตย์อยู่ตลอดเวลานี้เอง ที่ทำให้การเพาะพันธุ์ปลาเป็นอาชีพที่ทำเงินให้คุณชูสิทธิ์มาถึง 3 ทศวรรษ

ลูกปลาหมอ

หากท่านใดหรือเกษตรกรที่สนใจพันธุ์ปลาน้ำจืดมีคุณภาพ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณชูสิทธิ์ เจิมทอง หมายเลขโทรศัพท์ (089) 844-4259