ภูดิศ หาญสวัสดิ์ ยังสมาร์ท ฟาร์มเมอร์ “ขอนแก่น” เปิดสูตร เลี้ยงกบ-แปรรูป “กบดิ่งพสุธา”

แม้จะไม่มีความรู้เรื่องการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และไม่เคยทำอาชีพเกษตรกรรมมาก่อน แต่ด้วยความมุมานะพยายามเรียนรู้บวกกับการลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ทำให้วันนี้ คุณภูดิศ หาญสวัสดิ์ หรือ คุณเอก เจ้าของ “บ้านสวน สานฝัน” บ้านหนองไฮ ตำบลบ้านหัน อำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพเกษตรกรรม ในระยะเวลาไม่กี่ปี โดยมีรางวัลการันตีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ประธานยังสมาร์ท ฟาร์มเมอร์ (Young Smart Farmer) จังหวัดขอนแก่น ในฐานะต้นแบบเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ สืบสานตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ของกรมส่งเสริมการเกษตร และรางวัลเกษตรกรดีเด่น สาขาบัญชีฟาร์ม ระดับภาค ประจำปี 2561 ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์

กบยัดไส้

ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง

นอกจากนี้ เขายังทำงานจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือสังคมในหลายบทบาท อาทิ เป็นอาสาสมัครการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (อสปก.) เป็นครูบัญชีอาสา อำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น และเป็นประธานกลุ่มข้าว 3D (อร่อยดี ปลอดภัยดี สุขภาพดี) ตำบลบ้านหัน อำเภอโนนศิลา และเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องการเกษตรและการทำบัญชีครัวเรือนให้หน่วยงานต่างๆ และที่บ้านของเขายังเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ประจำตำบลบ้านหันด้วย

คุณภูดิศ หาญสวัสดิ์ เกิดและเติบโตใน กทม. จบปริญญาโท จากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยเป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานหลายบริษัทในเมืองหลวง กระทั่งแต่งงานกับภรรยา ซึ่งเป็นสาวขอนแก่น เมื่อปี 2556 จึงตัดสินใจมาทำอาชีพเกษตรกรรมที่จังหวัดขอนแก่น ในเนื้อที่ 15 ไร่

จากที่ไม่มีความรู้เรื่องการเกษตรมาเลย แต่ได้ศึกษาเรียนรู้จากพ่อแม่ของฝ่ายหญิงและเรียนรู้จากอินเตอร์เน็ต ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง พร้อมน้อมนำศาสตร์พระราชามาปฏิบัติ ใช้เงินลงทุนไปประมาณ 400,000 บาท โดยจัดสรรที่ดินเป็น 4 ส่วน คือ

  1. บ่อน้ำ เพื่อใช้กักเก็บน้ำและเลี้ยงสัตว์
  2. น้ำไว้บริโภคในครัวเรือน
  3. ปลูกพืชแบบผสมผสาน และ
  4. เป็นที่อยู่อาศัย

เริ่มแรกเขาปลูกผักปลอดสารและเลี้ยงปลา ส่งขายในหมู่บ้านและตามร้านค้าต่างๆ ต่อมาเลี้ยงกบ เนื่องจากเห็นว่ามีตลาดรองรับ และได้แปรรูปกบเพื่อเพิ่มมูลค่า พร้อมทั้งแปรรูปพืชผักผลไม้ต่างๆ ล่าสุดเพาะเห็ดตระกูลนางฟ้า และนางรมด้วย ซึ่งกบถือเป็นรายได้หลักอย่างหนึ่ง และเป็นกิจกรรมเด่น เพราะเป็นการเลี้ยงกบแบบครบวงจร  การเลี้ยงกบในบ่อดินดีที่สุด เพราะทำให้กบผิวสวย โรคน้อย แข็งแรง โตไว อย่างไรก็ตาม ก็มีบ่อกึ่งดิน กึ่งปูน บ่อปูน และกระชังลอยน้ำด้วย เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาตามสภาพพื้นที่ของแต่ละราย

แปรรูปขาย กิโลกรัมละ 1,500 บาท

ปัจจุบัน บ้านสวน สานฝัน มีผลผลิตหลากหลาย มีรายได้หลายแสนบาทต่อปี อาทิ กบดิ่งพสุธา (กบย่างรมควัน) กบแปรรูปแช่แข็ง (เน้นส่งออก) เพิ่มมูลค่าจากกิโลกรัมละ 80-90 บาท เป็น 1,500 บาท นอกจากนี้ ยังมีหนังกบตากแห้ง กบแช่แข็ง ส่งออกลาว มีกบยัดไส้ และกบแดดเดียวด้วย ทั้งยังจำหน่ายทั้งกบเล็ก กบเนื้อ และกบพ่อแม่พันธุ์ รวมทั้งจิ้งหรีดคั่ว ซึ่งที่ผ่านมามีรายได้จากกบ เฉลี่ยปีละ 220,000 บาท โดยขายทั้งที่สวน และส่งตามร้านค้าต่างๆ ในพื้นที่ รวมทั้งขายในออนไลน์ทางเฟซบุ๊ก “บ้านสวน สานฝัน”

การเลี้ยงกบแบบครบวงจรจะขยายพันธุ์เพื่อขายลูกกบด้วย สำหรับพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์เพาะเลี้ยงเอง ฟูมฟักอย่างดี จากลูกกบในฟาร์ม เมื่ออายุได้ 4 เดือน จะคัดเพศเก็บทั้งกบเพศผู้และเพศเมียไว้อย่างละ 50 ตัว จากนั้นจะแยกเลี้ยงต่างหากจากกบเนื้อ โดยแยกใส่กระชัง และแยกเลี้ยงกบเพศผู้กับกบเพศเมียออกจากกัน โดยกบที่พร้อมและสามารถเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ได้นั้น ทางฟาร์มเลี้ยงจนกระทั่งมีอายุ 12 เดือนขึ้นไปเท่านั้น

ช่วงเวลาการเพาะพันธุ์นั้น เริ่มเพาะตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมของทุกปี โดยจะเพาะในบ่อปูน ขนาด 3×3 เมตร นำพ่อพันธุ์ 7 ตัว และแม่พันธุ์ 5 ตัว (เนื่องจากอาจเป็นไปได้ว่าตัวผู้อาจจะขี่หลังกันเอง) หากบางครั้งอุณหภูมิน้ำสูง (น้ำอุ่น) ก็จะใส่น้ำแข็งช่วย เพื่อให้น้ำเย็นขึ้น กบจะไข่ช่วงตี 4 – ตี 5 ของคืนนั้น ช่วงเช้าจะพบแพไข่กบอยู่เต็มบ่อ จากนั้นตักพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ออก แยกพักไว้ (จะเพาะจากพ่อแม่พันธุ์ชุดเดิมได้อีกครั้ง ก็ต่อเมื่อผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์)

อีก 2 วัน ไข่กบก็จะฟักเป็นตัว ช่วงนี้ยังไม่ให้อาหาร หลังจากไข่ฟักเข้าวันที่ 3 ถึงจะให้อาหารเป็นไข่แดงต้มสุก 8-10 ฟอง ต่อวัน ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ สัปดาห์ที่ 3 จะเริ่มให้อาหารลูกกบแบบเม็ดเล็กพิเศษ

หลังจากผ่านไป 1 เดือน ลูกกบจะหดหาง ออกขาครบที่ 4 ขา เปลี่ยนเป็นให้อาหารกบ เบอร์ 1 ผสมไข่ไก่ กล้วยน้ำว้าสุก และนมสด (อาหารกบ 1 กิโลกรัม + ไข่ไก่ 1 ฟอง + กล้วยน้ำว้าสุก 1 ลูก + นมสด 2 ช้อนโต๊ะ) เป็นสูตรเฉพาะที่ฟาร์ม เพื่อเพิ่มธาตุอาหาร วิตามิน และภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้สามารถเริ่มจำหน่ายลูกกบได้หลังผ่านไป 45 วัน ตัวละ 2 บาท

วิธีทำกบยัดไส้

สำหรับเทคนิคการเลี้ยงกบให้ได้คุณภาพ มีหลายปัจจัย คือ

1.ต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อทุกๆ 1-2 วัน เพราะความสะอาดของบ่อและน้ำมีส่วนสำคัญที่สุดของการเจริญเติบโต และการป้องกันโรค

2.ต้องคัดขนาดลูกกบทุกๆ 7 วัน เพราะลูกกบจะโตไม่พร้อมกัน ลูกกบตัวใหญ่จะกินลูกกบตัวเล็กกว่า และจะตายทั้งคู่

3.อัตราการเลี้ยงลูกกบ ตารางเมตรละ 200 ตัว หลังจากคัดแยกขนาดทุกๆ 7 วัน จะได้ลูกกบบ่อละ ประมาณ 100 ตัว เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 2 ซึ่งความหนาแน่นจะมีความสมดุลไม่แออัด กบไม่เครียด กินอาหารเก่ง โตไว

เนื่องจากตลาดภาคอีสาน นิยมบริโภคกบเนื้อตัวไม่ใหญ่ ประมาณ 8-10 ตัว ต่อกิโลกรัม เลี้ยงกบแค่เพียง 3 เดือน ก็ส่งขายตลาดได้ โดยขายส่งกิโลกรัมละ 80 บาท ขายปลีกกิโลกรัมละ 100 บาท

นอกจากนี้ ในช่วงปลายฤดูฝน เป็นช่วงที่กบเนื้อมีมาก จึงได้นำมาแปรรูปเป็นกบดิ่งพสุธา (กบแดดเดียว) และกบยัดไส้อีกด้วย สำหรับการทำกบดิ่งพสุธา หรือกบแดดเดียว เป็นเมนูถนอมอาหารชนิดหนึ่ง ซึ่งมีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก เริ่มจากการคัดเลือกกบเนื้อขนาดเล็ก ประมาณ 30 ตัว ต่อกิโลกรัม นำไส้และเครื่องในออก ล้างน้ำเปล่าให้สะอาด 2 ครั้ง คลุกเคล้าเครื่องเทศ ประกอบด้วย พริกไทยป่น เกลือ รากผักชี จะไม่ใส่น้ำปลาและผงชูรส นำกบที่ได้ไปผึ่งแดดบนวัสดุตากในมุ้งเขียวกันแมลง เพียงแค่ 1 แดด เท่านั้นเพราะกบตัวเล็กมาก หากตากนาน เนื้อกบจะแห้งคล้ายกระดาษ รับประทานไม่อร่อย

หลังจากนั้นนำกบแดดเดียวมาบรรจุในถุงซีลสุญญากาศ พร้อมกับใส่วัสดุดูดความชื้น สินค้าเป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติการทำกบดิ่งพสุธามีต้นทุนสูงโดยกบสด 5 กิโลกรัม จะได้กบดิ่งพสุธา 1 กิโลกรัม เมื่อบวกกับค่าแรงตัดแต่งและบรรจุภัณฑ์ จึงตั้งราคาขายปลีกอยู่ กิโลกรัมละ 1,500 บาท

ทั้งนี้กบดิ่งพสุธาสามารถนำไปปรุงเป็นอาหารได้หลายเมนู อาทิ นำไปทอด รับประทานได้ทันที หรือนำไปทำเป็นน้ำพริกกบ วิธีการทำเช่นเดียวกันกับน้ำพริกปลาทู แต่ต้องนำกบดิ่งพสุธาไปทอดให้สุกเสียก่อน

ส่วนการทำกบยัดไส้ ถือเป็นเมนูอาหารโบราณของภาคอีสานที่ห่างหายจากท้องถิ่นประมาณ 10-15 ปี จนกระทั่งกลางปี 2560 มีโอกาสได้ร่วมพูดคุยกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่งในเรื่องทั่วๆ ไป และได้พูดถึงเมนูกบยัดไส้ จึงเกิดความสนใจ และเริ่มหาข้อมูล ประกอบกับช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ได้มีโอกาสไปส่งกบเนื้อให้เครือข่ายที่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งก็ทำเมนูกบยัดไส้ขาย จึงได้พูดคุยแลกเปลี่ยนวิธีการทำซึ่งกันและกัน

ตั้งโรงงานปลาร้าบอง

ก่อนที่จะทำขาย ได้ทดลองทดสอบหลายครั้งจนได้รสชาติที่ลงตัว โดยจะใช้กบ ขนาด 8-10 ตัว ต่อกิโลกรัม นำเครื่องในออก ลอกหนัง ตัวหัว ตัดขาหน้าและขาหลัง นำหัวและขามาสับรวมกับหมูบดติดมัน ปรุงรสด้วยพริกแกงคั่ว ใบมะกรูดซอย ข่าซอย และมะพร้าวขูด จากนั้นนำส่วนผสมที่ได้ยัดกลับเข้าไปในตัวกบอีกครั้ง นำไปนึ่งไฟอ่อนประมาณ 20 นาที

ขั้นตอนสุดท้าย คือ การนำไปอบรมควัน (สร้างตู้อบขึ้นเอง) หรือย่างบนเตาย่างไฟอ่อนๆ ซึ่งจะทำให้กบยัดไส้แห้งรับประทานง่าย อีกทั้งยังหอมกลิ่นรมควัน คล้ายๆ ไส้กรอกรมควัน หรือเบคอนรมควัน ขายเป็นตัว ตัวละ 20 บาท โดยทำเป็นแพ็กขนาดเดียว คือ 5 ตัว 100 บาท

นอกจากนี้ ผลผลิตในสวนยังมีข้าวสามสี ข้าวหมากหวาน แจ่วปลาร้าบองสุก แบรนด์ MINE agrifood มะเขือเทศเชื่อม หน่อไม้ดอง และอื่นๆ รวมทั้งผักผลไม้ปลอดสาร 100% ทุกวันนี้ มีเงินเก็บ รายได้มั่นคง วันละ 1,000 บาท แปลงเกษตรแบบผสมผสาน อยากกินอะไร ชอบกินอะไร ก็นำมาปลูก  มีชาวบ้านในชุมชน ต่างตำบล ต่างอำเภอ ต่างจังหวัด มาแวะเวียนอยู่เป็นระยะ เป็นแปลงเกษตรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรอินทรีย์ ปรับเปลี่ยนเป็นแปลงตัวอย่างให้ชุมชนหันมาทำเกษตรไม่ใช้เคมี

สนใจกิจกรรมต่างๆ ของ บ้านสวน สานฝัน ติดต่อสอบถาม ยังสมาร์ท ฟาร์มเมอร์ รายนี้ได้ที่ โทร. 082-704-5683

………………

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563