เกษตรกรฉะเชิงเทรา เลี้ยงปลากะพง มีคุณภาพ เน้นขายแบบรวมกลุ่ม สร้างผลกำไรงาม

ปลากะพง เป็นปลาที่อยู่ได้ทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม เลี้ยงกันแพร่หลายในเขตจังหวัดชายทะเลของไทย เนื่องจากเลี้ยงง่าย โตเร็ว และที่สำคัญเนื้อปลามีรสชาติดีสามารถขายได้ราคา ทำให้เป็นปลาเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ดีไม่แพ้ปลาชนิดอื่น นอกจากจะเลี้ยงเพื่อบริโภคภายในประเทศแล้ว ยังส่งขายยังต่างประเทศได้อีกด้วย

คุณเยี่ยม รัตนกุญชร และภรรยา

บางพื้นที่ที่ไม่มีน้ำเค็มก็สามารถเลี้ยงปลากะพงได้ ประสบผลสำเร็จด้วยเช่นกัน ทำให้มีผู้ที่สนใจนำไปเลี้ยงแบบปลาตามธรรมชาติที่บ่อบริเวณบ้านมากขึ้น เมื่อปลามีขนาดใหญ่ก็สามารถจับขายเป็นรายได้เสริมได้เช่นกัน

คุณเยี่ยม รัตนกุญชร อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ที่ 7 ตำบลบางเตย อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นเกษตรกรที่ได้ปรับเปลี่ยนจากการทำนามาเลี้ยงปลากะพง โดยเลี้ยงแบบใช้น้ำจืด มีการจัดการแบบมีระบบ ปลาเจริญเติบโตได้ดี พร้อมทั้งทำการตลาดแบบรวมกลุ่ม ทำให้ปลากะพงขายได้ราคาเป็นรายได้หลักเลี้ยงครอบครัว

พ่อค้ามาจับปลาถึงหน้าบ่อเลี้ยง

เปลี่ยนผืนนา
มาทำบ่อเลี้ยงปลากะพง

คุณเยี่ยม เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเดิมทียึดการทำนาสร้างรายได้ให้กับครอบครัว แต่เนื่องจากราคาข้าวมีความผันผวน ราคารับซื้อไม่แน่นอน ทำให้บางช่วงถึงกับทำแล้วขาดทุนก็ยังมี จึงได้มีการปรับเปลี่ยนจากพื้นที่ทำนาบางส่วน มาทำบ่อเลี้ยงกุ้งควบคู่กันไป พร้อมทั้งมีการทำสวนพืชผักสวนครัว เพื่อเก็บขายสร้างเป็นเงินรายวัน เมื่อความนิยมการเลี้ยงปลากะพงเข้ามาในพื้นที่ จึงได้ปรับเปลี่ยนมาทดลองเลี้ยงปลากะพง เพื่อสร้างเป็นอาชีพในอนาคตต่อไป

“ช่วงนั้น ประมาณปี 2547 ปลากะพงเริ่มมีคนในพื้นที่เลี้ยงกันมากขึ้น เราเองมีบ่ออยู่ เลยหามาเพื่อเป็นการทดลอง ก็สามารถเลี้ยงจนประสบผลสำเร็จได้ดี จึงค่อยๆ เปลี่ยนจากทำนามาเลี้ยงปลากะพง ขยับขยายพื้นที่เลี้ยงขึ้นเรื่อยๆ และนำลูกปลามาอนุบาลส่งขายให้กับเพื่อนๆ เกษตรกรที่เลี้ยงด้วยกัน เกิดการเลี้ยงแบบครบวงจรมากขึ้น มีทั้งลูกพันธุ์ขาย และทำเป็นปลากะพงไซซ์ใหญ่ทำรายได้หลากหลายช่องทาง” คุณเยี่ยม เล่าถึงที่มา

โดยลูกพันธุ์ปลากะพงก่อนที่จะส่งขายให้กับเกษตรกรรายอื่นๆ จะนำมาอนุบาลให้โตภายในบ่อที่เตรียมไว้ ส่วนหนึ่งใช้เลี้ยงภายในฟาร์มให้เพียงพอ และส่วนที่เหลือจะขายออก สามารถทำรายได้คืนต้นทุนลูกพันธุ์ปลามีทุนเข้ามาหมุนเวียนไว้ใช้ภายในฟาร์ม

ใช้เวลาเลี้ยง ประมาณ 5 เดือน
จะได้ปลาไซซ์ที่ตลาดต้องการ

การเลี้ยงปลากะพงให้ประสบผลสำเร็จนั้น คุณเยี่ยม บอกว่า ลูกพันธุ์ปลาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะต้องเป็นปลาที่ได้จากแหล่งเชื่อถือได้ มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ว่าแหล่งที่ผลิตลูกพันธุ์ปลาที่ส่งขายเป็นปลาที่มีคุณภาพ อัตราการรอดตายมากกว่า 80-90 เปอร์เซ็นต์

“ช่วงแรกก่อนที่จะนำลูกปลาไปเลี้ยงภายในบ่อ เพื่อเลี้ยงให้เป็นปลากะพงไซซ์ใหญ่ เราจะสั่งซื้อลูกปลาขนาดไซซ์ 1.5 นิ้ว มาอนุบาล ประมาณ 100,000 ตัว พออนุบาลจนโต ลูกปลากะพงจะเหลือรอดอยู่ประมาณ 80,000 ตัว จะเก็บไว้ใช้เลี้ยงเองภายในฟาร์ม 20,000 ตัว ส่วนที่เหลืออีก 60,000 ตัว จะส่งขายให้กับเพื่อนๆ เกษตรกรด้วยกันที่ต้องการซื้อ อย่างน้อยก็เป็นการคืนต้นทุนลูกปลากลับมา ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงเราถูกลง” คุณเยี่ยม บอก

โดยลูกปลากะพงที่ผ่านการอนุบาล ใช้เวลาเลี้ยงอยู่ที่ 1 เดือน จะได้ไซซ์ขนาดลูกปลาอยู่ที่ 4-5 นิ้ว นำส่วนที่ใช้เลี้ยงภายในฟาร์มมาใส่ในบ่อที่เตรียมไว้ ซึ่งน้ำที่ใช้เลี้ยงใช้น้ำจืดทั้งหมด มีการปรับสภาพให้ปลาอยู่ในน้ำจืดตั้งแต่อยู่ที่แหล่งเพาะพันธุ์

บ่อที่ใช้เลี้ยงปลากะพง เตรียมบ่อให้มีความสะอาด ด้วยการตากบ่อให้แห้ง อย่างน้อย 15 วัน จากนั้นโรยปูนขาวให้ทั่วบริเวณก้นบ่อ ซึ่งบ่อที่ใช้เลี้ยงเป็นบ่อ ขนาด 2 ไร่ ความลึกอยู่ที่ 2 เมตร เมื่อเตรียมบ่อและใส่น้ำเรียบร้อยแล้ว จะปล่อยลูกปลากะพงเลี้ยงอยู่ที่ 3,500-4,000 ตัว ต่อบ่อ

กันพื้นที่สำหรับอนุบาลลูกปลากะพง

“ช่วงที่ปล่อยปลาลงเลี้ยงใหม่ๆ วันแรกๆ ยังไม่ให้กินอาหาร จะปล่อยให้ปลาปรับสภาพเข้ากับน้ำในบ่อใหม่ให้ได้ก่อน จากนั้นก็จะให้กินอาหารที่มีเปอร์เซ็นต์โปรตีนอยู่ที่ 42 เหมือนครั้งอนุบาล พอเลี้ยงในบ่อเข้าเดือนที่ 3 ก็จะปรับอาหารให้ได้เบอร์ที่ใหญ่ขึ้น เป็นเบอร์ 6-7 และให้เปอร์เซ็นต์โปรตีนของอาหารลดลงมาเหลือ 38 เปอร์เซ็นต์ ให้กินช่วงเช้าและเย็นไปจนกว่าจะจับปลาขาย” คุณเยี่ยม บอก

ในเรื่องของการดูแลปลากะพงในช่วงที่เลี้ยง คุณเยี่ยม บอกว่า จะมีการดูแลในเรื่องของสภาพน้ำ ให้เหมาะสมกับการเลี้ยงอยู่เสมอ เช่น ใส่เกลือและจุลินทรีย์ต่างๆ ลงไปในบ่อเลี้ยง เพื่อให้น้ำมีสภาพที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงปลากะพง จะช่วยให้ปลาภายในบ่อไม่เกิดโรคและความเสียหาย เมื่อสภาพบ่อมีความเหมาะสมจะยิ่งช่วยให้ปลากินอาหารได้ดีและเจริญเติบโตได้ไวขึ้น

ซึ่งระยะเวลาเลี้ยงปลากะพง จนกว่าจะได้ขนาดขายได้ ใช้เวลาเลี้ยงอย่างต่ำอยู่ที่ 5-6 เดือน จากนั้นก็จะติดต่อให้แหล่งรับซื้อมาจับและเตรียมบ่อให้พร้อมสำหรับเลี้ยงชุดต่อไป

บ่อ ขนาด 2 ไร่

มีพ่อค้ามารับซื้อปลาถึงหน้าฟาร์ม

ในเรื่องของการทำตลาดขายปลากะพงนั้น คุณเยี่ยม บอกว่า จะดำเนินการติดต่อกับพ่อค้าคนกลางที่รับซื้อไว้ เมื่อเลี้ยงปลาจนได้ขนาดและอายุตามที่ต้องการแล้ว จึงประสานให้ทางคนรับซื้อรู้และนำคนมาจับปลาขึ้นจากบ่อ ซึ่งราคาขายจะอิงจากกลุ่มผู้เลี้ยงเป็นหลัก ทำให้การขายปลากะพงไม่ถูกกดราคา

“ปลากะพงที่เลี้ยง ขนาดไซซ์จะมีตั้งแต่ 700 กรัม ไปจนถึง 1.3 กิโลกรัม เป็นไซซ์ที่ตลาดมีความต้องการอยู่ที่ขนาดประมาณนี้ โดยการทำตลาดที่ดี ต้องมีการรวมกลุ่มสร้างกลุ่มกันขาย ก็จะทำให้ราคาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งราคาปลากะพงยังไม่ตาย เป็นๆ อยู่ ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 120 บาท ส่วนปลาตายราคาก็จะลดกันไปตามกลไกตลาด หรือถ้าตลาดมีความต้องการปลาแบบไหน และมีราคาดีก็จะเลี้ยงตามตลาดให้ทัน เพื่อให้การขายได้ราคาดีมีผลกำไร ดังนั้น ในเรื่องของการตามตลาดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากอยู่เสมอ” คุณเยี่ยม บอก

การเตรียมบ่อเลี้ยง

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเลี้ยงปลากะพงเพื่อสร้างรายได้ คุณเยี่ยม แนะนำว่า ให้ศึกษาหาข้อมูลการเลี้ยงจากแหล่งที่ประสบผลสำเร็จ เพราะปลากะพงเลี้ยงไม่ยาก หากมีการจัดการที่ดี เป็นปลาที่สามารถเลี้ยงได้ทุกสภาพน้ำ ไม่จำเป็นต้องเลี้ยงแต่ในน้ำเค็มและน้ำกร่อยเพียงอย่างเดียว น้ำจืดก็สามารถเลี้ยงได้ แต่ขึ้นอยู่กับผู้เลี้ยงว่ามีการจัดการและปรับพื้นที่การเลี้ยงอย่างไร เพื่อให้ง่ายต่อการเลี้ยงปลากะพงให้ดีมีคุณภาพ โดยน้ำที่ใช้เลี้ยงต้องมีความสะอาด ส่วนที่สำคัญคือ ลูกพันธุ์ปลา ต้องหาแหล่งซื้อที่ดีเชื่อถือได้ ก็จะทำให้การเลี้ยงปลากะพงประสบผลสำเร็จและเป็นอาชีพที่มั่นคงได้อย่างแน่นอน

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อวันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ.2562