เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขี้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy) และ (Cookies Policy)
วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ.2567
หน้าแรก เด่นวันนี้ เดินชมชานเมือ...

เดินชมชานเมืองกรุง ล่องเรือชมสวนจำปี เขตหนองแขม

พื้นที่ฝั่งธนบุรี อยู่ทิศตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา และตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ดั้งเดิมอาชีพของประชากรส่วนใหญ่ในย่านฝั่งธนฯ จะยึดอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ทั้งปลูกผัก ทำสวนผลไม้ ปลูกมะพร้าว หมากพลู และในเขตบางขุนเทียนมีอาชีพทำประมง เนื่องจากยังมีเขตแดนส่วนหนึ่งติดกับทะเล แต่ปัจจุบันสภาพพื้นที่เปลี่ยนแปลงกลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมและหมู่บ้านจัดสรร ทำให้พื้นที่ทำการเกษตรเหลือลดน้อยลง

เขตหนองแขม เป็น 1 ใน 15 เขต ที่อยู่ในฝั่งธนบุรี สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบลุ่ม มีคลองภาษีเจริญตัดผ่าน สภาพเศรษฐกิจดั้งเดิมขึ้นอยู่กับการเกษตรกรรม แต่ปัจจุบันสภาพพื้นที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากชุมชนเมืองขยายตัวจากพื้นที่ชั้นใน มีผู้ย้ายถิ่นเข้ามาอยู่อาศัยและประกอบอาชีพมากขึ้น พื้นที่การเกษตรจึงเริ่มถูกเปลี่ยนแปลงเป็นสถานที่ราชการ สถานศึกษา โรงพยาบาล โรงงานอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ และหมู่บ้านจัดสรร

แต่ท่ามกลางความเจริญของสิ่งปลูกสร้าง ยังมีชาวบ้านในพื้นที่ส่วนหนึ่งที่ยึดอาชีพเกษตรกรรมไว้อย่างเหนียวแน่น เพียงแต่ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับพื้นที่การเกษตรขนาดเล็ก ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยหมู่บ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์  โดยการหันไปปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ประเภทดอกดาวเรือง ดอกรัก กุหลาบ และจำปี เพื่อส่งจำหน่ายให้แม่ค้าที่ปากคลองตลาด ซึ่งเกษตรกรเหล่านี้เป็นสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรหนองแขมบางขุนเทียน จำกัด ที่มีอยู่ราว 760 คน

คุณพยุง หนูแย้ม หนึ่งในกรรมการสหกรณ์การเกษตรหนองแขมบางขุนเทียน จำกัด ที่หันมาเปลี่ยนอาชีพปลูกดอกจำปีขายตั้งแต่ปี 2536 บนพื้นที่ 15 ไร่ ที่ปรับสภาพขุดเป็นร่อง ยกคันดินให้สูงประมาณ 1 เมตร มีต้นจำปีเรียงรายสวยงาม  และมีน้ำล้อมรอบ สร้างบรรยากาศอันร่มรื่น จนแทบไม่น่าเชื่อว่ายังมีสถานที่เช่นนี้หลงเหลืออยู่ในเมืองหลวง

“เดิมๆ แถบนี้เป็นทุ่งนา ปลูกข้าว ต่อมายกร่องทำเป็นสวนส้ม ปลูกดอกรัก ปลูกผักและพืชล้มลุกสักระยะหนึ่ง แต่ทำแล้วก็ยังมีรายได้ไม่ดี จึงหันมาปลูกดอกจำปีแทน เพราะจำปีเป็นพืชที่ปลูกง่าย และต้นทุนถูก เพียงเตรียมดินให้พร้อม ขุดเป็นร่อง ยกคันดินให้สูงประมาณ 1 เมตร เพื่อเวลาที่ฝนตกลงมารากจำปีจะได้ไม่แฉะ หลังจากเตรียมดินรอไว้ 15 วัน จึงนำต้นกล้าจำปีที่เตรียมไว้มาลงดิน ใช้เวลาปลูกประมาณ 1 ปีครึ่ง-2 ปี ก็จะเริ่มเก็บดอกได้ เดือนหนึ่งใส่ปุ๋ยคอกสัก 1 ครั้ง และถ้าเราดูแลรักษาดีๆ ก็จะให้ผลผลิตได้นาน แต่ต้องระวังศัตรูที่น่ากลัวสำหรับจำปีคือไส้เดือนดิน เพราะว่าดินแถวนี้เป็นดินเหนียว ไส้เดือนเป็นเมือก เมื่อไส้เดือนเลื้อยไป เมือกจะช่วยเก็บน้ำเวลาฝนตก ดินจะแฉะ ทำให้ต้นไม่แตกใบอ่อน ใบไม่มีเรี่ยวแรง ปัจจุบันใช้กากชาหว่านใต้ลำต้น เพื่อทำให้ไส้เดือนตาย” คุณพยุง กล่าว

ในแต่ละวันใช้แรงงานราว 6-7 คน ช่วยกันเก็บดอกจำปี ตั้งแต่เวลา 1 ทุ่ม – 5 ทุ่ม ได้ดอกจำปีสด 20,000-30,000 ดอก อายุความสดของดอกจำปีอยู่ได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงที่ราคาดีจะส่งขายให้กับพ่อค้าปากคลองตลาด ในราคา 40-50 บาท ต่อ 100 ดอก เดือนพฤษภาคมจะเป็นช่วงที่ดอกออกมาก แต่ราคาตก และในช่วงฤดูหนาวผลผลิตออกมาน้อยจะขายได้ราคาดี เกษตรกรจึงมีการวางแผนการผลิตเพื่อให้ออกดอกเยอะๆ ในช่วงที่ราคาสูง โดยนับถอยหลังไปประมาณ 60 วัน  เพื่อปรับปรุงดินและใส่ปุ๋ยบำรุงต้นจำปี เตรียมการให้ออกดอกตรงกับช่วงเทศกาลต่างๆ เพื่อจะได้ราคาดี เช่นในช่วงสงกรานต์หรือเข้าพรรษา

เมื่อปี 2542 ราคาผลผลิตตกต่ำจนต้องเททิ้ง ทำให้เกิดความเสียดาย จึงเกิดแนวคิดที่จะนำดอกจำปีมาเพิ่มมูลค่า โดยได้รวมกลุ่มผู้ปลูกจำปีในเขตหนองแขม 32 คน ตั้งเป็นกลุ่มอาชีพแปรรูปดอกจำปีเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ซึ่งอยู่ในสังกัดสหกรณ์การเกษตรหนองแขมบางขุนเทียน จำกัด และในปี 2545 เริ่มเข้าร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ทำการวิจัยสกัดน้ำมันดอกจำปีเพื่อให้ได้เป็นหัวน้ำหอมสำหรับนำมาแปรรูปเป็นน้ำหอม จากนั้นค่อยๆ พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น โลชั่นทาผิว ครีมอาบน้ำ แชมพูสระผม โคโลญจ์ สบู่ และล่าสุดได้นำไปผสมกับเกลือขัดผิวเพื่อใช้สำหรับดูแลผิวพรรณ ปัจจุบันได้ผ่านการตรวจสอบคุณภาพจนได้รับการรับรองจาก มผช. อย. และได้รับการคัดเลือกให้เป็นสินค้ามาตรฐานสหกรณ์ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมทั้งจดลิขสิทธิ์การจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสัญลักษณ์ดอกจำปีคู่ ซึ่งการแปรรูปช่วยเพิ่มมูลค่าให้ดอกจำปี ในช่วงที่ผลผลิตราคาตกต่ำ ต้องขายในราคา 5-10 บาท/100 ดอก แต่สามารถมาแปรรูปเพิ่มมูลค่า ด้วยการทำเป็นหัวน้ำหอม คิดเป็นมูลค่าได้ถึง ดอกละ 1 บาท เลยทีเดียว

ส่วนขั้นตอนในการสกัดหัวน้ำหอมจากดอกจำปี ใช้ถังสแตนเลสขนาดความจุ 100 กิโลกรัม  ในถังจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ใส่น้ำเปล่าลงไป 1 ส่วน แล้ววางตะแกรงกั้น ก่อนจะเทดอกจำปีลงไป 30,000-40,000 ดอก ใช้ความร้อนจากแก๊สนึ่งเป็นเวลา 6 ชั่วโมง ความร้อนจะควบแน่นเป็นไอน้ำ จากนั้นใช้ความเย็นจากน้ำเปล่าเทลงไปในท่ออีกด้านหนึ่งเพื่อให้เกิดการควบแน่นและน้ำมันหอมละเหยจะไหลออกมาพร้อมๆ กับน้ำ ซึ่งส่วนของน้ำมันหอมละเหยจะลอยอยู่ด้านบน ซึ่งต้องกรองแยกออกมาใส่ภาชนะซึ่งเป็นขวดโหลที่เตรียมไว้ ในแต่ละครั้งจะสามารถสกัดหัวน้ำหอมได้ 20-25 ซีซี เพื่อรอสำหรับการนำไปเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ต่อไป

การแปรรูปดอกจำปี ช่วยดึงปริมาณผลผลิตดอกจำปีออกจากตลาดหลายล้านดอก ทำให้ผลผลิตไม่ล้นและช่วยพยุงราคาให้กับเกษตรกรรายอื่นๆ ได้อีกด้วย ซึ่งเกษตรกรสร้างรายได้จากการจำหน่ายดอกจำปีและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างดี อาศัยวิธีการขายตรงให้กับลูกค้า เมื่อมีการไปออกร้านกับหน่วยงานราชการต่างๆ ทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้ที่สนใจจะสั่งซื้อสินค้าของทางกลุ่มอาชีพแปรรูปดอกจำปี สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 02-807-2769 , 086-090-9608 และ 081-645-1507 โดยมีบริการจัดส่งทั่วประเทศ

………………………………….

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน, มติชนสุดสัปดาห์ และศิลปวัฒนธรรม ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่