ช้างน้าว

ช้างน้าว เป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลแก่จังหวัดมุกดาหาร

ซึ่งมีคำขวัญประจำจังหวัดคือ “หอแก้วสูงเสียดฟ้า ภูผาเทิบ แก่งกะเบา แปดเผ่าชนพื้นเมือง ลือเลื่องมะขามหวาน กลองโบราณล้ำเลิศ ถิ่นกำเนิดลำผญา ตระการตาชายโขง เชื่อมโยงอินโดจีน” แต่ละท่อนของคำขวัญมีความหมายดังนี้

หอแก้วสูงเสียดฟ้าหอแก้วมุกดาหาร อยู่ในอำเภอเมือง ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมุกดาหารและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าชม สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสทรงครองราชย์ครบ 50 ปี บริเวณส่วนฐานเป็นอาคารทรงเก้าเหลี่ยม 2 ชั้น จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ ชั้น 1 จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตของชาวบ้าน ชั้น 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติเมืองมุกดาหาร วัตถุโบราณล้ำค่าของแผ่นดิน ภาพถ่ายเก่า ตลอดจนเครื่องแต่งกายชาวไทยมุกดาหารทั้ง 8 เผ่า ชั้น 6 เป็นหอชมทัศนียภาพรอบเมืองมุกดาหารและแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ส่วนชั้น 7 เป็นโดมทรงกลม ประดิษฐานพระพุทธนวมิ่งมงคลมุกดาหารและพระประจำวันเกิด

ภูผาเทิบ อยู่ในอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอดอนตาล ประกอบด้วยภูเขาชันหลายลูกติดต่อกัน ส่วนใหญ่เป็นป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ สิ่งที่น่าสนใจคือประติมากรรมหินที่มีรูปร่างแปลกตา เรียกว่า “กลุ่มหินเทิบ” เป็นหินทรายอายุนับร้อยล้านปีซ้อนทับกันเป็นรูปร่างต่างๆ สามารถจินตนาการได้ตามที่ตาเห็น เช่น รูปจานบิน เห็ด เก๋งจีน มงกุฎ หัวจระเข้ หอยสังข์ ฯลฯ

แก่งกะเบา ในอำเภอหว้านใหญ่ เป็นแก่งหินยาวเหยียดริมลำน้ำโขง บนฝั่งมีลานหินกว้างขนาดใหญ่ใช้เป็นที่พักผ่อนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูแล้งที่น้ำโขงลดลงจนมองเห็นเกาะแก่งกลางน้ำและมีหาดทรายกว้าง จะสวยงามกว่าฤดูอื่นๆ

1406542357

แปดเผ่าชนพื้นเมือง มุกดาหาร เป็นเมืองที่มีชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ ถึง 8 เผ่า คือ เผ่าไทยอีสาน ภูไท ไทยข่า ไทยกะโซ่ ไทยย้อ ไทยแสก ไทยกะเลิง และไทยกุลา แต่ละเผ่าก็จะมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่และเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่น่าสนใจมาก

ลือเลื่องมะขามหวาน มะขามหวานพันธุ์ดีจากตำบลนาโสก และบ้านส้มป่อย ตำบลนาสีนวน เป็นมะขามหวานพันธุ์พื้นบ้าน รสหวาน หอม เมล็ดเล็ก มีความหวานสนิท และรสชาติแปลกไปจากมะขามหวานจากจังหวัดอื่นๆ

กลองโบราณล้ำเลิศ เป็นกลองมโหระทึก ซึ่งเป็นกลองสำริดที่ใช้ในพิธีขอฝนของชาวอุษาคเนย์ สำหรับกลองที่พบในจังหวัดมุกดาหาร นับเป็นกลองมโหระทึกขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เส้นผ่าศูนย์กลาง 86 เซนติเมตร สูง 66 เซนติเมตร หน้ากลองมีลายนูนเป็นรูปคล้ายดวงอาทิตย์ หรือดวงจันทร์ มีรัศมี 14 แฉก มีกบประดับทั้ง 4 มุม มีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 5-6 ถูกพบเมื่อ ปี 2481 ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่วัดมัชฌิมาวาส หรือวัดกลาง ในอำเภอดอนตาล

ถิ่นกำเนิดลำผญา มุกดาหาร เป็นเมืองต้นกำเนิดของ “ลำผญา” หรือ “คำผญา” ซึ่งมีความหมายว่า ปัญญา หรือปรัชญา ลำผญามีลักษณะเป็นคำกลอน คำสุภาษิต และคำพูดที่เป็นปริศนาของชาวอีสาน    ผู้ฟังต้องนำมาคิด วิเคราะห์ ค้นหาคำตอบว่าผู้พูดคำผญานั้นหมายถึงอะไร ดังนั้น ผู้พูดและผู้ฟังจึงต้องมีไหวพริบและสติปัญญาที่จะทำความเข้าใจลำผญานั้น ซึ่งส่วนมากแล้วลำผญาจะมีเนื้อหาเป็นคำสอนลูกหลาน เป็นภาษิตปริศนา และเป็นการเกี้ยวพาราสีกันด้วย

ตระการตาชายโขง แม่น้ำโขงช่วงที่ผ่านจังหวัดมุกดาหาร กว้างประมาณ 1,800 เมตร นับเป็นจุดที่กว้างที่สุดของแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านประเทศไทย ซึ่งอยู่ในอำเภอเมือง เป็นจุดที่มีภูมิทัศน์สองฝั่งโขงที่สวยงามจุดหนึ่ง สามารถชมทัศนียภาพช่วงดวงอาทิตย์ขึ้นและตก และมองเห็นธรรมชาติของทั้งสองฝั่ง คือตัวเมืองมุกดาหารและเมืองสะหวันนะเขต ของ สปป. ลาว ตลอดแนว

1406542336

เชื่อมโยงอินโดจีนมุกดาหาร ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ถือเป็น “ประตูสู่อินโดจีน” เพราะเป็นที่ตั้งของสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 ของไทยที่เชื่อมระหว่างมุกดาหารและแขวงสะหวันนะเขต ของ สปป.ลาว และยังสามารถเชื่อมโยงการเดินทางท่องเที่ยวไปถึงเวียดนามสู่เมืองดงฮา กวางตรี และเชื่อมต่อไปยังเมืองเว้ ดานัง และเมืองฮอยอันได้อีกด้วย

ชื่ออื่น : กระแจะ กำลังช้างสาร ขมิ้นพระต้น ครุ ตาลเหลือง ช้างโน้ม ช้างโหม ตาชีบ้าง แง่ง

ชื่อสามัญ : Vietnamese Mickey Mouse Plant

ชื่อวิทยาศาตร์ : Ochna integerrima (Lour.) Merr.

ชื่อวงศ์ : Ochnnaceae

ถิ่นกำเนิด : เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทย

ข้อมูลทั่วไป

ช้างน้าว ที่ไม่ใช่ช้างมีงวง มีงา ตัวใหญ่ๆ แต่เป็นช้างน้าวที่เป็นพันธุ์ไม้พระราชทานเพื่อปลูกเป็นมงคลแก่จังหวัดมุกดาหาร ช้างน้าวเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก พบได้ตามป่าเต็งรัง หรือป่าเบญจพรรณ ขึ้นได้ดีในที่แห้งแล้งหรือบนภูเขาที่เป็นหิน เป็นไม้ผลัดใบ เมื่อยามจะออกดอกจะทิ้งใบหมดทั้งต้นไปสักระยะหนึ่งจึงออกดอกสีเหลืองสด ดอกจะออกบานเต็มต้น สวยงามมาก

สำหรับใน สปป. ลาว และเวียดนาม ถือว่า ช้างน้าว เป็นไม้มงคลเช่นเดียวกับประเทศไทย และมีการซื้อขายกิ่งที่มีดอกตูมกัน รวมทั้งในตลาดอินโดจีนริมแม่น้ำโขง พบชาวบ้านและแม่ค้านำกิ่งช้างน้าวที่มีดอกตูม ยาวประมาณ 1 ฟุตครึ่ง มาวางขาย แต่จะเรียกกิ่งไม้ชนิดนี้ว่า “ดอกตรุษจีน” เนื่องจากออกดอกในช่วงตรุษจีนพอดี และเมื่อนำกิ่งช้างน้าวเหล่านี้มาแช่น้ำ ประมาณ 3-4 วัน ก็จะผลิดอกสวยงามจนเต็มกิ่งก้าน นอกจากใช้ประดับบ้านแล้วยังนิยมใช้ไหว้เจ้าด้วย ชาวเวียดนามจึงนิยมปลูกและนิยมใช้ปักแจกันพร้อมทั้งไหว้เจ้าด้วย เพราะมีความเชื่อว่าดอกไม้สีเหลือง เป็นดอกไม้ที่จะนำโชคและความอุดมสมบูรณ์มาสู่บ้านเรือน จึงทำให้นิยมปลูกกันเป็นไม้ประดับทั่วไป เนื่องจากดอกมักจะบานในช่วงปีใหม่ของชาวเวียดนาม และพบว่าพืชชนิดนี้อยู่ในกลุ่มเดียวกับต้นมิกกี้เมาส์ จึงเป็นที่มาของชื่อสามัญภาษาอังกฤษ ว่า Vietnamese Mickey Mouse plant ดอกมีกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน และจะหอมมากในช่วงอากาศเย็น

ช้างน้าว ชื่อแปลก ดอกสวย บางคนบอกว่าชื่อแปลก ชื่อช้างน้าว ไม่เห็นมีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องหรือเหมือนช้างเลย แต่บางท้องถิ่นเรียก ช้างโน้ม ช้างโหม หรือกำลังช้างสาร คาดเดาว่าคงเป็นสาเหตุที่เกือบทุกส่วนของต้นช้างน้าว เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการบำรุงกำลังผู้ใหญ่ และช่วยเด็กที่ผอมให้อ้วนได้ โดยใช้ได้ทั้งเดี่ยวๆ หรือเข้ายากำลังตัวอื่นๆ ดังที่มักเรียกกันติดปากว่า ช้างน้าว เสริมกำลังผู้ใหญ่ รักษาเด็กผอม บางท้องถิ่นมีการนำเปลือกของช้างน้าว ซึ่งมีลักษณะนิ่มๆ คล้ายไม้ก๊อก มาบดให้เป็นผง ซึ่งจะมีสีเหลืองเข้ม แล้วนำมาใช้ทาแก้สิว หรือทาแทนแป้ง การใช้งานลักษณะนี้น่าจะเป็นที่มาของชื่อ ตาลเหลือง กระแจะ และขมิ้นพระต้นนั่นเอง

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

ไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก ผลัดใบ สูงได้ถึง 12 เมตร กิ่งก้านแผ่ขยายออก ลำต้นมักคดงอ เปลือกสีน้ำตาลเข้ม ลำต้นแตกเป็นสะเก็ดเป็นร่องลึก ตามปลายกิ่งมีกาบหุ้มตาแข็งและแหลม

1406542324

ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ เป็นกลุ่มที่ปลายกิ่ง ใบรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ หรือรูปใบหอกแกมรูปไข่กลับ กว้าง 2.5-5.5 เซนติเมตร ยาว 12-17 เซนติเมตร ปลายแหลมหรือเรียวแหลม พบบ้างที่ปลายมน โคนแหลมหรือมน ขอบใบจักฟันเลื่อยถี่ ผิวใบเรียบ ใบแก่เขียวหม่น เหนียวเหมือนแผ่นหนัง ช่อดอก แบบช่อกระจุกแยกแขนง ออกที่ซอกใบและใกล้ปลายกิ่งที่ไม่มีใบ มักออกดอกพร้อมแตกใบใหม่ แต่ละช่อมี  4-8 ดอก กลีบดอกสีเหลืองสด เวลาบานมักมีสีเหลืองทั้งต้น ช่อยาว 3.5-6 เซนติเมตร ดอกจำนวนมาก เส้นผ่านศูนย์กลาง 3-4.5 เซนติเมตร ใบประดับขนาดเล็ก ร่วงง่าย กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอก 5-8 กลีบ สีเหลืองสด กลีบบอบบาง หลุดร่วงง่าย ฐานกลีบแคบ กลีบรูปไข่กลับ

ผล เป็นผลสด ค่อนข้างกลม กว้าง 8-9 มิลลิเมตร ยาว 1-1.2 เซนติเมตร สีเขียว เมื่อแก่เปลี่ยนเป็นสีดำ ผิวมัน

เมล็ด มี 1 เมล็ด ชั้นหุ้มเมล็ดแข็งขนาดใหญ่ มีเนื้อบางๆ หุ้ม ออกดอกและเป็นผล ระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายน

นิเวศวิทยา พบทั่วไปตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง ป่าสน ป่าชายหาด ความสูง ตั้งแต่ใกล้ระดับน้ำทะเล จนถึงประมาณ 1,200 เมตร

สรรพคุณทางสมุนไพร

ลำต้น ต้มน้ำดื่ม แก้ปวดเมื่อย แก้ปวดหลัง ปวดเอว

แก่น ต้มน้ำดื่ม แก้ประดง บำรุงร่างกาย

ต้น ต้มน้ำดื่มบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง แก้กระษัย แก้ปวดเมื่อย

ราก ขับพยาธิ แก้โรคน้ำเหลืองเสีย บำรุงกำลัง ต้มน้ำดื่มแก้ผิดสำแดง แก้ปวดหลัง แก้เบาหวาน

ผล เป็นยาบำรุงร่างกาย

เปลือกต้น เป็นยาแก้ไข้ ขับผายลม บำรุงหัวใจ

เปลือกนอก บดเป็นผง มีสีเหลืองสด ทาแก้สิวฝ้า เนื้อไม้ แก้กระษัย ดับพิษร้อน แก้โลหิตพิการ

ชาวเขาเผ่ามูเซอ ใช้รากเป็นยาบำรุงกำลัง โดยนำมาตากแห้ง หรือดองเหล้า หรือต้มน้ำดื่ม ส่วนชาวอินโดนีเซียใช้ส่วนของใบและราก เป็นยาแก้บิดและลดไข้ จากการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์พบว่า สารสกัดจากเปลือกช้างน้าวมีฤทธิ์ต่อต้านมาลาเรียได้

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก