เกษตรกรวัยเกษียณ ปลูกมะสังสร้างรายได้ พัฒนาทันยุคสมัย ทำเป็นอาชีพมากว่า 3 ทศวรรษ

มะสัง เป็นไม้ยืนต้นแผ่กิ่งก้านจำนวนมาก ลำต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลมยาว แข็ง ใบประกอบแบบขนนก แผ่นใบโค้งขึ้นด้านบนเล็กน้อย สีเขียวเข้ม เป็นมันวาว ตามผิวใบมีต่อมน้ำมัน ดอกออกเป็นช่อแยกแขนงที่ซอกใบ คล้ายดอกกระถิน เป็นปุยๆ มีสีขาว มีลักษณะผลทรงกลมสีเขียวคล้ายผลมะนาว ผิวเปลือกของผลมีลายเป็นคลื่น เปลือกแข็งและหนามาก ผลอ่อนเปลือกสีเขียว เมื่อแก่จัดสีน้ำตาล มีเมล็ดจำนวนมาก

คุณประเสริฐ ศรีสุข

การนำมาใช้ประโยชน์หลักๆ แล้วจะนิยมมาทำเป็นไม้ประดับ โดยเฉพาะการดัดเข้ากับลวดเพื่อให้เกิดเป็นทรงต่างๆ ตามที่ต้องการ พร้อมทั้งนำมาจัดในสวนถาดหรือปลูกลงกระถาง สร้างเป็นไม้แคระหรือบอนไซก็เกิดความสวยงามไม่น้อยทีเดียว

คุณประเสริฐ ศรีสุข อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 6 ตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ได้ปลูกต้นมะสังเป็นอาชีพมากว่า 30 ปี พร้อมทั้งพัฒนาการปลูกมาเรื่อยๆ โดยนำมาจัดเป็นไม้ในสวนถาดสร้างมูลค่าเพิ่มเกิดเป็นรายได้มากขึ้น ส่งผลให้เป็นอาชีพมาจนถึงทุกวันนี้

ต้นมะสังที่ผ่านการเข้าโครงลวด

คุณประเสริฐ เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนนั้นยึดอาชีพทำสวนไผ่และไม้ผลสร้างรายได้ ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนมาทำไม้ประดับเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของตลาดคือ การปลูกต้นมะสัง เพราะตลาดในสมัยนั้นมีความต้องการนำไปผลิตเป็นบอนไซ จึงเห็นถึงช่องทางการทำตลาดว่าน่าจะทำรายได้ตลอดปีโดยไม่ต้องรอฤดูกาล

“ช่วงนั้นปี 2531 ก็เริ่มหาความรู้และนำต้นมะสังเข้ามาปลูกเลย โดยขุดต้นพันธุ์มาจากแหล่งธรรมชาติ ที่ขุดจากหัวไร่ปลายนา ช่วงแรกขุดมาได้ก็ขายทันที ยังดัดหรือแต่งอะไรไม่เป็น เมื่อไปเห็นว่าเขาเริ่มมีการทำบอนไซมากขึ้น ทำให้เราได้ทดลองทำเพื่อเอามะสังมาดัดแต่งตามที่ตลาดต้องการ ใช้เวลาอยู่ 2-3 ปี ก็ทำได้ออกมาสวยออกขายได้ ตลาดซื้ออย่างต่อเนื่อง ทำให้ขยายการปลูกออกไปเรื่อยๆ จนเป็นอาชีพทำมาจนถึงทุกวันนี้” คุณประเสริฐ บอก

ในขั้นตอนของการผลิตมะสังก่อนที่จะเป็นไม้ดัดสวยๆ ออกสู่ตลาดได้นั้น ขั้นตอนแรกจะนำไม้ที่หามาได้หรือต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ดมาปลูกลงแปลงให้เต็มพื้นที่ ใช้เวลาดูแลประมาณ 8 เดือน จากนั้นขุดไม้จากแปลงขึ้นมาปลูกใส่ลงในกระถาง

นำมาจัดเป็นสวนถาด

จากนั้นนำต้นมะสังย้ายปลูกลงในกระถางและใส่ลวดดัดให้ทั่วบริเวณลำต้นตามที่ต้องการ โดยการดัดด้วยลวดจะขึ้นอยู่กับจินตนาการของผู้ปลูกว่าต้องการให้ไม้ไปในทิศทางไหน ไม่มีกฎตายตัวทุกอย่างขึ้นอยู่กับจินตนาการและรูปทรงของไม้ต้นนั้นๆ

“ก่อนที่จะเข้าลวดทั่วบริเวณต้น ก็จะตัดแต่งกิ่ง และเอาใบที่หนาๆ ออกก่อน จากนั้นดัดลวดเข้าไปตามต้นตามกิ่ง เสร็จแล้วก็นำไปพักไว้ ดูแลรดน้ำประมาณ 2 สัปดาห์ ต้นก็จะเกิดใบใหม่ขึ้นมาก ในระหว่างนี้ก็ดัดทรงต้นไปด้วย ให้เป็นในแบบที่เราต้องการ จากนั้นย้ายลงไปปลูกในกระถางเซรามิกที่สวยๆ พร้อมทั้งประดับนกและไม้อื่นๆ เข้าไปช่วย คล้ายๆ กับการจัดสวนถาด เสร็จแล้วส่งขายได้ทันที” คุณประเสริฐ บอก

การใส่โครงลวด

ในเรื่องของการป้องกันโรคและแมลงนั้น คุณประเสริฐ บอกว่า จะมีเรื่องของหนอนผีเสื้อเข้ามารบกวนเพียงอย่างเดียว โดยจะกัดกินยอดอ่อนๆ ที่เกิดใหม่ ทำการป้องกันด้วยการฉีดพ่นยาตามปกติ ก็จะไม่ทำให้ยอดไม่ถูกทำลายและเกิดใบใหม่ที่สวยงาม

สำหรับตลาดจำหน่ายต้นมะสังนั้น คุณประเสริฐ บอกว่า ในช่วงแรกที่มาทำการผลิต ตลาดยังถือว่าหาไม่ยากนัก เพราะช่วงที่มาเริ่มทำตลาดมีความต้องการอยู่แล้ว เมื่อขยายตลาดออกไปได้เรื่อยๆ ก็ทำการพัฒนาการปลูกอยู่เสมอ จึงทำให้ไม้เป็นที่ต้องการของตลาดมาจนถึงทุกวันนี้ โดยตลาดหลักๆ ที่ส่งจำหน่ายจะเป็นตลาดนัดจตุจักรในกรุงเทพมหานคร

มะสังในสวนถาดสวยๆ พร้อมจำหน่าย

“ตอนนี้ขายมาก็ 30 กว่าปี ตลาดยังขายได้อยู่เรื่อยๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยิ่งเรามีการพัฒนาการปลูกให้รับยุครับสมัยมากขึ้น ก็ยิ่งเป็นที่ต้องการ อย่างมะสังที่เราดัดจนสวยแล้ว และนำมาปลูกลงในกระถางเซรามิกเริ่มต้นราคาอยู่ที่ 80 บาท ส่วนต้นที่สวยๆ จัดให้มีความหลากหลายก็จะอัพราคาขายขึ้นไปตามความเหมาะสมไปจนถึง 500 บาท และมะสังที่ทำเป็นแบบบอนไซดูแลหลายปี สามารถขายได้อยู่ที่หลักพันบาทไปจนถึงหลักหมื่นบาท จึงถือว่าไม้ชนิดนี้ค่อนข้างทำตลาดได้หลากหลายอยู่เช่นกัน” คุณประเสริฐ บอก

คุณประเสริฐ ศรีสุข และภรรยา

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะปลูกมะสังเป็นไม้ดัดและพัฒนาเป็นบอนไซนั้น คุณประเสริฐ แนะนำว่า หากมีความชื่นชอบในการปลูกต้นไม้อยู่แล้วก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก เพียงแต่หมั่นศึกษาและทดลองทำอยู่เสมอ อย่างมะสังหากจะทำเป็นไม้ดัดต้องใส่ใจในเรื่องของการเข้าโครงเหล็กให้มีความชำนาญ จากนั้นพัฒนาลูกเล่นของไม้ให้มีความหลากหลายอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้ไม้เป็นที่ติดตลาดและสร้างรายได้มีเงินอย่างแน่นอน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณประเสริฐ ศรีสุข หมายเลขโทรศัพท์ (089) 097-5501 

ไม้ที่ปลูกเป็นบอนไซ