เกษตรกรหญิงคนเก่ง เมืองเชียงราย ปลูก-ผลิตชากุหลาบคุณภาพ ขายสร้างรายได้ดี

กุหลาบ เป็นอีกหนึ่งไม้ดอกไม้ประดับที่สามารถให้ความสวยได้ไม่รู้จบ เพราะในแต่ละปีจะมีสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ผ่านการพัฒนาอยู่เสมอ จึงทำให้กุหลาบมีการพัฒนาสายพันธุ์ และดอกที่มีคุณภาพมากขึ้น นอกจากจะมีขนาดดอกที่ใหญ่และมีสีสันที่สวยงามแล้ว ยังมีกลิ่นหอมที่ชวนให้หลงใหลเพื่อให้มีการนำมาปลูกเป็นไม้ประดับประจำบ้านอีกด้วย ดอกกุหลาบไม่เพียงให้ความสวยงามไว้เชยชมเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถนำมาต่อยอดสร้างมูลค่าได้หลายแบบ และที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ขณะนี้นั้นก็คือ ชากุหลาบนั้นเอง

คุณนพเก้า จันโย

คุณนพเก้า จันโย อยู่บ้านเลขที่ 115 หมู่ที่ 3 ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย เป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ไฟแรงที่ชื่นชอบในเรื่องของการปลูกกุหลาบ จึงได้นำกุหลาบที่มีดอกใหญ่ สวยงาม มาพัฒนาเป็นชากุหลาบที่มีกลิ่นหอม โดยนำกุหลาบมาปลูกในระบบอินทรีย์ จึงช่วยให้สินค้ามีความปลอดภัย และลูกค้าสามารถนำชาดอกกุหลาบไปชงดื่มได้อย่างมั่นใจจากกระบวนการผลิตที่มีความใส่ใจในทุกขั้นตอน

พร้อมส่งลูกค้า

คุณนพเก้า เกษตรกรหญิงรุ่นใหม่ไฟแรง สาวมากด้วยรอยยิ้ม เล่าว่า เรื่องของการทำเกษตรนั้นทำมานานตั้งแต่ครั้งสมัยคุณปู่คุณย่า ต่อมาเมื่อได้มาโอกาสมารับช่วงการทำเกษตรต่อ จึงได้กลับมาอยู่บ้านเกิดอย่างเต็มตัวและเรียนรู้การทำเกษตรแบบปลอดสารพิษ ด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด โดยมีการปรับเปลี่ยนจากการทำเกษตรแบบเดิมๆ ที่พึ่งพาการใช้สารเคมีเพียงอย่างเดียวในการดูแล

พื้นที่ภายในสวน

“พอเรารู้ตัวว่าต้องมาอยู่บ้านอย่างเต็มตัวในช่วงปี 2555 ก็เห็นว่าพื้นที่บ้านมีการทำเกษตรอยู่แล้ว เราจะทำอย่างไรที่จะยั่งยืนและไม่ทำลายสุขภาพเราด้วย ก็เลยตัดสินใจที่จะทำนาอินทรีย์และพืชอื่นๆ ที่เป็นอินทรีย์ไปด้วย ทีนี้อย่างกุหลาบเราชอบ และซื้อสะสมพันธุ์ไม้เยอะอยู่ จึงมองว่าต้องนำมาทำให้เกิดประโยชน์ แล้วชากุหลาบค่อนข้างได้รับความนิยม ก็เลยเห็นช่องทางการทำตลาดและหาสายพันธุ์ที่เหมาะสมมาปลูก เพื่อเก็บดอกนำมาอบแห้งเพื่อผลิตทำชากุหลาบจนสร้างรายได้มาจนถึงปัจจุบัน” คุณนพเก้า บอกถึงที่มาของการปลูกกุหลาบเพื่อทำเป็นชา

ในขั้นตอนของการปลูกกุหลาบให้ได้ดอกที่มีคุณภาพนั้น คุณนพเก้า บอกว่า จะเตรียมแปลงปลูกให้มีความพร้อมโดยในขั้นตอนแรกจะเตรียมแปลงด้วยการใส่ปุ๋ยคอกรองพื้นลงไป จากนั้นยกแปลงปลูกให้มีความสูงพอประมาณ ความกว้างระหว่างแปลงอยู่ที่ 1 เมตร ส่วนความยาวไม่กำหนดตายตัว สามารถปลูกได้ตามขนาดของพื้นที่ ระยะห่างระหว่างต้นกุหลาบที่ปลูกอยู่ที่ 60-80 เซนติเมตร ส่วนสายพันธุ์ของกุหลาบที่เลือกใช้ทำชาจะเป็นสายพันธุ์กุหลาบพันธุ์ไทยหลักๆ อยู่ 2 สายพันธุ์ คือ มอญไกลกังวล และกุหลาบมอญแดงประเสริฐ

เมื่อเตรียมพื้นที่แปลงปลูกเสร็จแล้วจะนำต้นพันธุ์กุหลาบที่ผ่านการติดตาสมบูรณ์แล้ว อายุอยู่ที่ 4-5 เดือน มาลงปลูกในแปลง ระยะนี้รดน้ำวันละ 1 ครั้ง หลังปลูกลงแปลงเมื่อผ่านไปได้ 45 วัน ต้นกุหลาบจะเริ่มออกดอกมาให้เห็นในช่วงนี้จะเด็ดดอกทิ้งทั้งหมด จากนั้นดูแลต่อไปอีก 45 วัน กุหลาบจะออกดอกชุดใหม่มาให้เห็น หลังจากนี้สามารถเก็บดอกในทุกๆ วัน มาทำอบแห้งตามกรรมวิธีเพื่อเป็นชากุหลาบอบแห้งต่อไป

ดอกที่สมบูรณ์นำไปทำชา

“การดูแลต้นกุหลาบหลังออกดอกให้เราตัดได้แล้ว เราก็จะรดน้ำวันละ 1 ครั้งเหมือนเดิม พร้อมกับใส่ปุ๋ยคอกและพรวนดินเดือนละ 1 ครั้ง ส่วนในเรื่องของการดูแลโรคและแมลงศัตรูพืชนั้น เนื่องจากเราเน้นทำอินทรีย์ เราจะไม่มีการใช้สารเคมีทุกชนิดภายในแปลงปลูก เมื่อเห็นมีโรคหรือแมลงศัตรูพืช เราก็จะกำจัดด้วยการกำจัดต้นนั้นออกจากแปลงทันที เพื่อไม่ให้โรคและแมลงศัตรูพืชเข้าไปทำลายกุหลาบต้นอื่นๆ ภายในแปลง” คุณนพเก้า บอก

ในขั้นตอนของการเก็บดอกกุหลาบนำมาอบแห้งเพื่อทำชานั้น คุณนพเก้า บอกว่า จะเก็บดอกกุหลาบในช่วงเช้าและบ่ายของทุกวัน โดยเลือกดอกที่มีความสมบูรณ์และบานกำลังเหมาะสมเท่านั้น หากเก็บกุหลาบที่ดอกบานมากเกินไป กลับดอกจากโรยและหลุดล่วง ไม่สวยงาม จากนั้นนำดอกกุหลาบที่เก็บมาทั้งหมดมาทำตามขั้นตอนการอบในตู้อบลมร้อนที่อุณหภูมิอยู่ที่ 50-55 องศาเซลเชียล เป็นเวลา 24 ชั่วโมง

โดยกุหลาบที่นำมาตัดดอกและผ่านการอบแห้งเพื่อนำไปทำชา สามารถเพิ่มมูลค่าในเรื่องของราคาได้ดีกว่าการปลูกเพื่อตัดดอกแบบนำไปร้อยพวงมาลัย หรือจำหน่ายเป็นดอกกุหลาบสดตัดดอกแบบสมัยก่อน ซึ่งราคากุหลาบอบแห้งที่เป็นดอกสมบูรณ์อยู่หลังผ่านการอบ ราคาส่งจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 5,000 บาท และถุงละ 30 กรัม ราคาจำหน่ายอยู่ที่ถุง 250 บาท

ดอกกุหลาบที่ผ่านการอบลมร้อน

“ตั้งแต่มาทำเกษตรอินทรีย์ และยิ่งมาทำเป็นกุหลาบดอกไม้ที่เราชอบ รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก เพราะเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเราได้เป็นอย่างดี และยิ่งยุคปัจจุบันสื่อโซเชียลมีเดียค่อนข้างส่งผลต่อการทำตลาดได้ดี จึงทำให้เราทำตลาดได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ไกลออกไปหลายจังหวัด แต่สินค้าของเราสามารถส่งตรงถึงมือลูกค้าในทุกๆ ครั้งที่สั่งซื้อชากุหลาบจากสวนของเรา” คุณนพเก้า บอก

ชากุหลาบร้อนๆ กลิ่นหอมๆ

สำหรับท่านใดสนใจในเรื่องของการปลูกกุหลาบ หรืออยากรับความหอมสดชื่นจากการได้ดื่มชากุหลาบหอมๆ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณนพเก้า จันโย หมายเลขโทรศัพท์ (082) 763-6151