ตำรวจพะเยา ใช้เวลาว่างปลูกดาวเรืองขาย รายได้งาม

ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรดอกตำใต้ จังหวัดพะเยา ใช้เวลาว่างจากการทำงานประจำ หันมาปลูกดาวเรือง สร้างรายได้งาม โดยสามารถเก็บผลผลิตซึ่งแต่ละรอบจะสามารถเก็บผลผลิตจำหน่ายได้วันละกว่า 500-1,000 บาท

ร.ต.อ. พีรเชญฐ์ สว่างอารมณ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา กล่าวว่า ได้ปลูกดอกดาวเรืองในสวนพื้นที่ 1 ไร่ของตนเอง หลังจากได้ไปศึกษาที่มูลนิธิกสิกรรมมาบเอื้อง และได้ไปเรียนรู้เรื่องศาสตร์พระราชา กลับมาปรับปรุงพื้นที่ของตัวเองให้เป็นไปตามแนวพระราชดำริ โดยใช้เวลาว่างจากงานราชการมาทำการปลูกไว้บริเวณพื้นที่สวน เริ่มต้นประมาณ 1 ไร่ในพื้นที่ ตำบลบ้านถ้ำ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ถือว่าประสบผลสำเร็จผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งตนเองใช้เวลาว่างจากการทำงานประจำ หันมาปลูกดาวเรือง พื้นที่ของตัวเอง โดยปลูกเป็นแถว จำนวน 2,200 ต้น พบว่าผลผลิตเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ซึ่งพอผลผลิตออกมาก็จะมีผู้มาสั่งจองและเดินทางมาซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยจะขายตามขนาดของดอก จัมโบ้ขายดอกละ 1-1.20 บาท ดอกใหญ่ดอกละ 80 สตางค์ ดอกกลางดอกละ 70 สตางค์ ดอกเล็กดอกละ 40 สตางค์ ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพเสริมที่สามารถสร้างรายได้เป็นอย่างดี นอกเหนือจากการรับราชการตำรวจ

ร.ต.อ. พีรเชญฐ์ สว่างอารมณ์

การปลูกดาวเรือง มีขั้นตอนตั้งแต่การเตรียมแปลงปลูก การย้ายกล้ามาปลูกในแปลง รวมถึงการปฏิบัติดูแล ขั้นตอนในการปฏิบัติดูแลมีดังนี้ การเตรียมแปลงปลูก ดินที่จะใช้ปลูกดาวเรืองควรเป็นดินที่ระบายน้ำได้ดี เก็บรักษาความชื้นได้สูง ในขณะที่เตรียมดินนั้นควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงไปด้วย เพื่อเพิ่มธาตุอาหารและปรับโครงสร้างให้ดินโปร่ง ควรขุดพลิกหน้าดินไว้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อทำลายเชื้อโรคและแมลงศัตรูพืช แปลงควรมีขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ความยาวตามความเหมาะสมของพื้นที่ จากนั้นจึงย่อยดินให้ละเอียดและปรับหน้าแปลงให้เรียบ แล้วจึงปลูกดาวเรืองโดยให้แต่ละแถวห่างกัน 30 เซนติเมตร และระยะระหว่างต้นห่างกัน 30 เซนติเมตร

สารวัตรและภรรยา ช่วยกันตัดดอกดาวเรือง

วิธีการเพาะเมล็ดดาวเรือง การเพาะเมล็ดดาวเรืองที่นิยมมี 2 วิธี

  1. เพาะเมล็ดในตะกร้าพลาสติก ขนาด 29×36 เซนติเมตร หรือใหญ่กว่านี้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนเมล็ดที่ใช้เพาะ แล้วตัดกระดาษหนังสือพิมพ์กรุรอบตะกร้าโดยตัดกระดาษให้พอดีกับขอบตะกร้าเพื่อป้องกันวัสดุเพาะร่วง แล้วนำวัสดุเพาะใส่ตะกร้าประมาณ 3/4 ของความสูงตะกร้า ใช้ไม้บรรทัดเกลี่ยผิววัสดุให้เรียบ ทำร่องรูปตัววีลึกประมาณ 1 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 3 เซนติเมตร หยอดเมล็ดดาวเรืองลงในร่องอย่าให้แน่นเกินไปแล้วกลบเมล็ดหนาประมาณ 0.4 เซนติเมตร ยกตะกร้าเข้าโรงเรือนป้องกันฝน ดูแลรดน้ำวันละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้วัสดุเพาะมีความชื้นเพียงพอ เมื่อต้นกล้าอายุ 6-7 วัน (มีใบเลี้ยง 2 ใบ) จึงย้ายต้นกล้าลงถาดหลุมต่อไป
  2. เพาะเมล็ดลงในถาดหลุมโดยตรง ซึ่งวิธีนี้ก็จะช่วยลดขั้นตอนการย้ายต้นกล้าลงได้ แต่ต้นกล้าที่ขึ้นในถาดหลุมอาจไม่ครบเต็มจำนวน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์การงอกของเมล็ดพันธุ์ ส่วนวัสดุเพาะที่ใช้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้สูตรไหน ใช้พีทมอสส์เป็นวัสดุเพาะเมล็ดดาวเรือง วิธีการเพาะให้บีบพีทมอสส์ที่เป็นก้อนให้มีขนาดเล็ก ถ้าพีทมอสส์แห้งให้รดน้ำและผสมคลุกเคล้าให้พีทมอสส์มีความชื้นเล็กน้อยแล้วนำมาใส่ในถาดหลุมจนเต็มถาด

 

แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้มาเยี่ยมชม

หลังจากนั้น เกลี่ยพีทมอสส์ส่วนเกินออกแล้วนำเมล็ดดาวเรืองมาวางเรียงในช่องของถาดหลุมในแต่ละช่องและใช้ดินสอที่ยังไม่ได้เหลาหรือปากกาซึ่งมีหน้าตัดเรียบ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร กดเมล็ดดาวเรืองลงไปประมาณ 0.4 เซนติเมตร และใช้พีทมอสส์ในหลุมกลบเมล็ดบางๆ (หากเพาะเมล็ดลึกเกินจะทำให้ต้นกล้างอกช้า) เมื่อทำจนครบก็นำถาดเพาะไปวางเรียงในโรงเรือนที่ป้องกันฝนได้และใช้บัวฝอยรดน้ำให้วัสดุเพาะมีความชื้นเพียงพอ แต่อย่าให้แฉะเพราะอาจทำให้เมล็ดและต้นกล้าเน่าได้วิธีการปลูก การเตรียมหลุมปลูก ขุดหลุมในแปลงโดยให้หลุมห่างกัน 30 เซนติเมตร และแต่ละแถวห่างกัน 30 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยซูเปอร์ฟอสเฟตหรือปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตราหลุมละ 1 ช้อนชา แล้วเกลี่ยดินกลบปุ๋ยเพื่อป้องกันไม่ให้รากดาวเรืองสัมผัสปุ๋ยโดยตรง

การย้ายกล้า ควรย้ายกล้าดาวเรืองในตอนเย็น ก่อนย้ายกล้ารดน้ำล่วงหน้า 1 วัน หรือรดน้ำตอนเช้าแล้วย้ายกล้าตอนเย็น และควรใช้ช้อนปลูกขุดต้นกล้า เพื่อให้ดินติดรากต้นกล้ามาด้วย ต้นกล้าจะได้ไม่โทรมและตั้งตัวได้เร็ว

การปลูกต้นกล้า ปลูกต้นกล้าหลุมละต้น โดยฝังต้นกล้าลงในหลุมให้โคนต้นอยู่ระดับปากหลุมและกลบดินให้เสมอใบเลี้ยง จากนั้นจึงรีบรดน้ำให้ชุ่มตลอดเวลา

การดูแลรักษา การรดน้ำ ในช่วงแรกคือตั้งแต่เริ่มปลูกถึงอายุ 7 วัน ควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หลังจากนั้น รดน้ำวันละครั้งในตอนเช้าก็พอ และในช่วงที่ดอกเริ่มบานจะต้องระวังอย่าให้น้ำถูกดอกดาวเรือง เพราะจะทำให้ดอกเสียหายและถูกเชื้อโรคเข้าทำลายได้ง่าย

สารวัตรและภรรยา ช่วยกันตัดดอกดาวเรือง

การใส่ปุ๋ย เมื่อดาวเรืองมีอายุ 15 วัน และ 25 วัน ควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 1 ช้อนชาต่อหลุม และเมื่อดาวเรืองมีอายุ 35 วัน และ 45 วัน ควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-24-12 อัตรา 1 ช้อนชาต่อหลุมเช่นกัน ควรใส่ให้ห่างโคนต้นประมาณ 6 นิ้ว โดยฝังลงในดินประมาณครึ่งนิ้ว จากนั้นควรพรวนดินรอบๆ โคนต้นและกลบโคนต้นไว้ การใส่ปุ๋ยทุกครั้งจะต้องรดน้ำให้โชกเสมอ ให้ใส่ระหว่างต้น ห้ามใส่โคนเพราะต้นจะเน่าตาย อีก 15 วันดอกถึงจะเริ่มบานและสามารถเก็บดอกได้ ดาวเรืองสามารถปลูกได้ตลอดปี แต่ไม่ควรปลูกซ้ำที่เดิม ควรมีการปลูกพืชหมุนเวียนแล้วจึงค่อยกลับมาปลูกใหม่ เพราะถ้าปลูกซ้ำที่เดิมจะมีแมลงและหนอนมาก

ศัตรูดาวเรือง โรคที่สำคัญและพบบ่อยๆ คือ เพลี้ยไฟ เข้าทำลายโดยดูดกินน้ำเลี้ยงจากยอดอ่อนและใบอ่อน จะเห็นมีรอยขีดตามใบหรือกลีบเลี้ยงของดอก เพลี้ยไฟจะระบาดมากในช่วงฤดูร้อน หนอนกระทู้หอม เป็นหนอนของผีเสื้อกลางคืน จะเข้าทำลายในขณะที่ดอกดาวเรืองเริ่มบาน หนอนจะกัดกินดอกดาวเรือง ทำให้ดอกแหว่งเสียหาย การป้องกันกำจัด ฉีดพ่นด้วยสารเคมีกำจัดแมลง หรือเวลาเดินดูดอกก็พยายามจับออกก็ได้ แต่ถ้ามีดอกปริมาณมากแล้วหนอนระบาดก็ต้องใช้ยาฆ่าแมลงฉีดพ่น

การปลิดยอด สิ่งสำคัญที่ต้องทำในการปลูกดอกดาวเรืองนั้นคือ การปลิดยอด นิยมเรียกว่า การเด็ดตุ้มหรือการแต่งตุ้ม ทำเพื่อให้ดาวเรืองแตกพุ่มและจะทำให้ดอกดาวเรืองมีขนาดใหญ่ การปลิดยอดนี้ควรทำเมื่อดาวเรืองมีอายุ 21-25 วัน ซึ่งเป็นระยะที่ดาวเรืองมีใบจริงขนาดใหญ่ประมาณ 4 คู่ และส่วนยอดมีใบเล็กๆ ประมาณ 1-2 คู่ วิธีการปลิดยอดทำได้โดยใช้มือซ้ายจับใบคู่บนสุดที่ต้องการเหลือไว้แล้วใช้มือขวาดึงส่วนยอดลงทางด้านข้างเพื่อให้ยอดหลุดออกมา ไม่ควรเด็ดยอด เพราะจะทำให้ส่วนตาของยอดเหลือติดอยู่ ซึ่งจะเจริญเป็นดอกในภายหลัง ทำให้ดอกไม่เป็นไปตามกำหนด คือดอกบานไม่พร้อมกันและมีขนาดเล็ก ปกติดาวเรืองต้นหนึ่งควรไว้ดอกประมาณ 8 ดอก จึงจะได้ดอกที่มีคุณภาพ

ดอกที่สามารถตัดได้

การเก็บเกี่ยว ก่อนตัดดอกดาวเรืองเพื่อนำไปจำหน่ายประมาณ 2-3 วัน ควรใช้น้ำตาลทรายจำนวน 2 ขีดต่อน้ำ 15 ลิตร ฉีดพ่นใบดาวเรืองทั้งด้านบนและด้านล่าง จะทำให้ก้านดอกแข็งแรงขึ้น จากนั้นจึงทยอยตัดดอก อายุของดาวเรืองที่สามารถตัดดอกขายได้คือประมาณ 55-65 วัน หรือให้สังเกตจากดอกที่ยังมีกลีบดอกตรงกลางเป็นสีเขียวอยู่ได้นานกว่าดอกที่บานทั้งหมด ในการตัดดอกนั้นควรตัดให้ชิดโคนกิ่งให้มากที่สุด จะทำให้ก้านดอกที่ติดมามีขนาดยาว การตัดดอกดาวเรืองเพื่อนำมาปักแจกันนี้ควรตัดให้มีก้านดอกยาวประมาณ 18-20 นิ้ว มัดดอกดาวเรืองเป็นกำๆ แล้วใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อเพื่อให้ดอกดาวเรืองคงความสดอยู่ได้นานๆ

การใช้ประโยชน์ของดอกดาวเรืองนั้นมีมากมาย ตั้งแต่นำไปบูชาพระ ใช้เป็นไม้ดอกไม้ประดับ ปลูกประดับเพื่อความสวยงาม ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์ในการป้องกันแมลง ดาวเรืองเป็นสารที่มีกลิ่นเหม็น (ฉุน) แมลงไม่ชอบ จึงสามารถใช้เป็นเกราะป้องกันแมลงให้แก่พืชอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ รากของดาวเรืองยังมีสารชนิดหนึ่งที่ช่วยลดปริมาณไส้เดือนฝอยในดินได้ ใช้ทำพวงมาลัย ปัจจุบันนิยมนำดอกดาวเรืองมาร้อยพวงมาลัยกันมาก ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยไหว้พระหรือพวงมาลัยสำหรับคล้องคอในงานพิธีต่างๆ การตัดดอกดาวเรืองสำหรับใช้ประโยชน์ในด้านนี้จะต้องให้มีก้านดอกสั้นๆ หรือให้เหลือเฉพาะดอกใช้ปักแจกัน เนื่องจากดาวเรืองเป็นไม้ดอกที่ลักษณะกลมเรียงตัวกันแน่นเป็นระเบียบและมีสีสันสวยงาม จึงมีคนนิยมนำมาปักแจกันมาก ไม่ว่าจะเป็นแจกันตั้งตามโต๊ะรับแขก ตามหิ้งพระ หรือแจกันประกอบโต๊ะหมู่บูชา