สวนแมมกะยิมโน แค็กตัส แหล่งผลิตช้างไร้หนามแห่งเดียวในโลก

คุณกีรติ กันยา กับบรรยากาศในสวนแมมกะยิมโน แค็กตัส

ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยใช่จะประกอบอาชีพเพียงอาชีพเดียว บางคนนอกจากทำอาชีพหลักแล้ว ยังมีอาชีพเสริมอีกหลายอาชีพ ซึ่งหากสอบถามดูจะได้คำตอบตรงกันว่า อาชีพเสริมเหล่านั้นเป็นงานที่พวกเขารักและมีความสุขที่จะทำ และหลายคนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากอาชีพเสริมเหล่านั้น

อย่าง คุณกีรติ กันยา อายุ 54 ปี ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์นครราชสีมา ซึ่งพักกับครอบครัวอยู่ที่บ้านส่วนตัวเลขที่ 65 หมู่ที่ 7 บ้านหนองเสาเดียว ตำบลท่าอ่าง อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ได้ปลูกกระบองเพชรไว้ดูเล่นที่บ้าน พอเลี้ยงสักพักก็หลงรัก เนื่องจากกระบองเพชรมีความสวยงาม โดยเฉพาะช่วงออกดอกจะสร้างสีสันให้กับบ้านได้อย่างดี

 

แจงวิธีเพาะเมล็ด-แยกหน่อ

จากนั้นค่อยๆ เรียนรู้การเพาะขยายพันธุ์ ซึ่งมีทั้งการแยกหน่อและเพาะเมล็ด กระทั่งได้รู้และได้ประสบการณ์จริงว่าในการขยายพันธุ์บางครั้งจะทำให้ได้ชนิดใหม่ๆ ที่มีลักษณะเฉพาะ จึงทำให้เกิดความท้าทายเพิ่มขึ้น ออกไปหาสายพันธุ์ใหม่มาเพิ่มเติมและเพาะเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น

จากงานอดิเรกเมื่อ 20 กว่าปีก่อน บัดนี้ได้สร้างรายได้หลักหมื่นต่อเดือนให้กับเขาและครอบครัว อีกทั้งยังทำให้คนในครอบครัวทั้งภรรยาและลูกมีส่วนร่วมในการดูแลต้นกระบองเพชรที่ปลูกไว้จำนวนหลายพันต้น ซึ่งนอกจากจะมีผู้สนใจสั่งซื้อผ่านออนไลน์แล้ว เขาและครอบครัวยังได้ไปออกบู๊ธตามงานต่างๆ ด้วย

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องกระบองเพชร เขาสรุปให้ฟังว่าการเลี้ยงต้นไม้ชนิดนี้ ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร เพราะเป็นพืชที่ต้องการน้ำน้อย แต่ขาดแสงแดดไม่ได้ ใช้เวลาในการเลี้ยงดูตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปจึงสามารถจำหน่ายได้

ช่วงหลายปีมานี้สวนแมมกะยิมโนผสมข้ามสายพันธุ์จนได้สายพันธุ์ใหม่หลายชนิด อย่างเช่น เก๋งเลือดนกโคราช, ปีศาจแดงโคราช, ดาวโคราช, ช้างไร้งาหรือช้างไร้หนาม ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ซื้อจากสวนไป แล้วนำไปประมูล ปรากฏว่าพันธุ์ช้างไร้งาหรือช้างไร้หนาม ได้ราคาสูงถึง 14,000 บาท

สายพันธุ์ เก๋งเลือดนกโคราช
สายพันธุ์ ปีศาจแดงโคราช

สายพันธุ์ที่กล่าวข้างต้นนั้น ถือเป็นกระบองเพชรที่เกิดจากสวนของคุณกีรติ เรียกว่ามีแห่งแรกในประเทศเท่านั้น และเป็นแห่งแรกในโลกทีเดียว

อย่างที่เกริ่นไปแต่แรก การขยายพันธุ์กระบองเพชรมีทั้งเพาะเมล็ดและแยกหน่อ เรื่องนี้คุณกีรติชี้ให้เห็นความแตกต่างของสองวิธีนี้ว่า การแยกหน่อคือการนำหน่อจากต้นกระบองเพชรที่มีอยู่ และมีการแตกหน่อ ขณะที่บางสายพันธุ์ไม่มีหน่อเลย ซึ่งจะได้จำนวนน้อย แต่รวดเร็ว ทันขาย ระยะเวลาดูแลสั้น ทั้งนี้ หน่อบังคับได้ด้วยการเจาะยอดหรือตัดยอด

ส่วนวิธีการเพาะเมล็ด ทำให้ได้หลายต้น อย่างแอสโตร 1 ฝัก มี 10-50 เมล็ด แมม 1 ฝัก มี 10-100 เมล็ด ส่วนระยะเวลาที่ปลูกไม่เท่ากัน ประมาณ 2-3 ปี จึงจะสามารถขายได้ ซึ่งอาจจะได้สายพันธุ์ที่มีดอกแปลก หนามแปลก กว่าตัวต้นพ่อต้นแม่ แต่ระยะเวลาที่ดูแลจนกว่าจะแยกขายได้ต้องใช้ระยะเวลานาน และกว่าจะให้ดอกต้องใช้เวลาตั้งแต่ 1-40 ปี แล้วแต่ละชนิด

สำหรับสายพันธุ์ที่ขายได้ราคาดีและแพงที่สุดของสวน คุณกีรติ ให้ข้อมูลว่า คือช้างไร้งา หรือช้างไร้หนาม เป็นช้างที่เพาะเมล็ดที่บ้าน เมื่อหลายปีมาแล้ว หลังจากที่เพาะเมล็ดช้างและโตมาสัก 3 ปี มี 2 ต้นที่หนามเริ่มหายเหลือแต่เนินหนามลดรูปลง เป็นคลื่นๆ พร้อมกับมีปุยขึ้นสวยงาม จึงเป็นที่ต้องการของบรรดาคนที่รักกระบองเพชรอย่างมาก แต่เนื่องจากมีจำนวนน้อย จึงได้แต่แบ่งตามลำดับที่จองมา โดยทางสวนขายไปในราคามิตรภาพ 5,000 บาท

ช้างไร้งา หรือ ช้างไร้หนาม
นี่ก็ช้างไร้งา หรือ ช้างไร้หนาม

เปิดให้ชมสวนพร้อมขายปลีก-ส่ง

ทั้งนี้ ราคากระบองเพชรทั่วไปที่สวนขายได้อยู่เรื่อยๆ อยู่ที่กระถางละ 30-100 บาท แต่ถ้าขายส่งและซื้อจำนวนมากตั้งแต่ 50 กระถางขึ้นไป ทางสวนจะขายให้ในราคาส่ง

คุณกีรติให้คำแนะนำผู้ที่อยากจะเพาะเลี้ยงกระบองเพชรขายเป็นอาชีพว่า กรณีที่เป็นมือใหม่ ขอแนะนำว่าควรซื้อชนิดละ 4 ต้น จากนั้นขาย 2 ต้น เก็บไว้ 2 ต้น เพราะถ้าไม่ขายจะไม่ได้คืนทุนที่ซื้อไป ในส่วนที่เก็บ ถือว่าเป็นเงินฝาก ที่จะเก็บไว้กินในอนาคต สมมุติว่าซื้อมา 100 บาท และต้นที่ซื้อเป็นสกุลแมมมิลลาเรีย และมีหน่อ 5 หน่อ ก็คำนวณว่า 5 หน่อ หน่อละ 20 บาท แต่ยังเหลือต้นอีก นี่ถือว่ากำไรแล้ว และถ้าต้นนั้นออกดอกติดเมล็ด และเพาะเมล็ดขาย 1-3 ปีก็กำไรมากมาย เพียงแต่ว่าจะมีความอดทนมากน้อยขนาดไหน

“สำหรับผมเริ่มแรก ซื้อมาเก็บครึ่งขายครึ่ง สะสมไปเรื่อยๆ สวนแรกที่ผมซื้อมาทุกวันนี้ และให้ความกรุณาสั่งสอนผมมา คือ คุณพิกุล สังข์สุวรรณ หรือ อาป้อม และ อาสรณ์ แห่งสวนกระท่อมลุงจรณ์ ที่นักเล่นกระบองเพชรหน้าเก่า หน้าใหม่จะรู้จักดี ด้วยการซื้อแล้วหิ้วขึ้นรถประจำทาง จากโคราชมากรุงเทพฯ และเดินข้ามหมอชิตไปจตุจักร เป็นเวลาหลายปี ที่เริ่มเล่น ผมว่าถ้าใครมีทุนน้อยก็ค่อยๆ ทำ ค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ แต่ถ้ามีทุนมากก็สามารถลงทุนทีเดียว ทั้งโรงเรือนและแม่พันธุ์”

สายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งผสมได้ รอการตั้งชื่อ

สวนแมมกะยิมโน แค็กตัส เริ่มมีโรงเรือนเป็นโครงเหล็กจาก เดิมเป็นโครงไม้ไผ่ พอดีกับต้นแม่พันธุ์ที่สะสมไว้เริ่มมีดอกออกเมล็ด เพาะ 2-3 ปีเริ่มโต จึงเริ่มซื้อน้อยลง พร้อมกับขยายพันธุ์ออก เพื่อรองรับลูกค้าจากในโคราชและจังหวัดใกล้เคียง สมัยนั้นหากจะขาย ต้องเป็นงานฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี บรรดาลูกค้าและคนขายกระบองเพชรถึงจะได้เจอหน้ากัน ไม่ได้ซื้อขายกันง่ายเหมือนปัจจุบันนี้

ลูกสาวของคุณกีรติ กันยา ที่มาช่วยดูแลสวนหลักเลิกเรียน

ในการทำสวนกระบองเพชรนั้น เจ้าของสวนแมมกะยิมโน แค็กตัส ระบุว่า ขนาดสวนจะเล็กหรือใหญ่ ขึ้นอยู่กับว่าต้องการจะเลี้ยงทุกสายพันธุ์หรือไม่ แต่หากว่ามีเป้าหมายว่าจะเลี้ยงเพียงหนึ่งหรือสองสายพันธุ์เฉพาะที่ชอบเท่านั้น กรณีนี้มีพื้นที่ที่เล็กน้อยก็เพียงพอ แต่ถ้าทำสวนใหญ่ก็ต้องมีแรงงานมาช่วย ส่วนสวนแมมกะยิมโน แค็กตัส ทำกันในครอบครัว พ่อ แม่ และลูก 2 คน เท่านั้น แต่แรงงานหลักจะเป็นแม่บ้านเสียมากกว่า ตนเองจะช่วยแค่ตอนเช้า ตอนเย็น และวันหยุดราชการ

“ต้นกระบองเพชรที่ผมปลูกขาย นอกจากจะทำให้ผมและครอบครัวมีรายได้และมีความสุขแล้ว ยังถือเป็นศูนย์รวมครอบครัวที่จะได้พบหน้ากันทุกคนหลังเลิกงานและเลิกเรียน”

ดอกกระบองเพชร

แม้กระบองเพชรจะเป็นต้นไม้ที่เลี้ยงไม่ยาก แต่ก็มีปัญหาเรื่องโรคเหมือนกัน อย่างเช่น โรครา โรคเน่าในโคน ราก และต้น ส่วนศัตรูพืชก็มีพวกเพลี้ยชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย และไรแดง วิธีการกำจัดหรือป้องกัน อย่างพวกราจะใช้ยาพ่นตอนเปลี่ยนฤดู ในช่วง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ฉีดสัปดาห์ละครั้ง โดยผสมยาฆ่าแมลงไปด้วยเลย ซึ่งเชื้อรานี้มักจะเกิดช่วงก่อนหน้าฝน แต่ก็สามารถเกิดได้ทั้งปี โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดู

 

ตลาดแข่งขันกันสูง

คุณกีรติ ให้ข้อมูลด้วยว่า กระบองเพชรเป็นต้นไม้ที่สมบูรณ์เพศ คือผสมพันธุ์จากดอก จึงมีดอกทุกสายพันธุ์ เพียงแต่ในบ้านเราอาจจะไม่เคยเห็นดอก เนื่องจากอากาศและอายุของแต่ละสายพันธุ์ อายุสูงสุดของกระบองเพชร คือสายพันธุ์ซากัวโร่ (Saguaro) ชื่อวิทยาศาสตร์ “Cornegia giganteam” เป็นชนิดที่มีขนาดใหญ่ มีน้ำหนักเป็นตันและสูงที่สุด พบในทะเลทรายโซนรัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา และทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก มีอายุ 100 ปีขึ้นไป ซึ่งในบรรดาประเทศที่เก่งและมีชื่อเสียงเรื่องผสมพันธุ์กระบองเพชรนอกจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว ไทยก็เป็นอีกประเทศที่ทั่วโลกยอมรับ

จะเห็นได้ว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยนิยมนำกระบองเพชรในกระถางเล็กๆ มาวางอยู่บริเวณโต๊ะทำงาน ซึ่งคุณกีรติบอกว่า หากเป็นห้องที่มีแสงแดดน้อย แนะนำให้มีต้นไม้ 2 ชุด โดยแบ่งชุดที่วางในแสงปกติ หรือนอกห้องที่เราเตรียมไว้ และชุดที่อยู่ตามโต๊ะ ให้สลับกัน 3 วันครั้ง เพื่อไม่ให้ต้นไม้ขาดแสงแดด ซึ่งจะทำให้ต้นไม้อ่อนแอ เสียรูปทรง

ทุกวันนี้แม้ผู้คนจะนิยมค้าขายผ่านออนไลน์เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวก แต่ก็มีปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย เนื่องจากมีพวกมิจฉาชีพแอบแฝง ด้วยเหตุนี้สวนแมมกะยิมโน แค็กตัส จึงไม่ค่อยนิยมขายในออนไลน์สักเท่าไร ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเดินทางไปซื้อที่สวนเอง เนื่องจากบ้านห่างไกลไปรษณีย์ มีปัญหาไม่สะดวกเวลา ทั้งนี้ ลูกค้าของสวนแมมกะยิมโน แค็กตัส มีหลากหลาย เป็นประเภทเริ่มเล่นก็มี เนื่องจากเห็นในสื่อก็อยากจะเล่น รวมทั้งมีประเภทแบบซื้อไปขาย หรือซื้อไปสะสมก็มี และในวันเสาร์- อาทิตย์ จะมีลูกค้าบางคนขอเข้าไปชมสวน (ผู้สนใจติดต่อได้ที่ คุณกีรติ (092) 598-8815 หรือ คุณนาง (094) 565-6601

คุณกีรติ กันยา กับบรรยากาศในสวนแมมกะยิมโน แค็กตัส

คุณกีรติ พูดถึงการค้าขายกระบองเพชรในบ้านเราว่า ช่วงนี้มีการแข่งขันกันสูงมาก จะเห็นได้ว่า มีพ่อค้า แม่ค้าหน้าใหม่เยอะขึ้น ราคาต้นไม้ก็สูงขึ้นตามชนิดสายพันธุ์ และความนิยม “ผมเองมองว่า ตลาดก็เป็นไปตามความต้องการของผู้ซื้อ ผู้ขาย อาจจะมีขึ้นลงตามจังหวะ ตามสมัย แต่สำหรับสวนที่ทำถือว่าเป็นอีกอาชีพที่น้อยคนจะทำจริงจัง จึงพอเลี้ยงครอบครัวได้ ถึงจะไม่มากนักก็ตาม”

เจ้าของสวนแมมกะยิมโน แค็กตัส บอกด้วยว่า ในอนาคตหลังเกษียณอายุราชการ มีแผนจะสร้างเพิ่มอีก โดยเฉพาะโรงเรือนที่เก็บสายพันธุ์ และโรงเรือนที่เตรียมขาย เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับลูกสาว 2 คน ที่ชื่นชอบการปลูกกระบองเพชร ซึ่งทั้งสองอาจยึดเป็นอาชีพต่อไป

สนใจอยากชมความงามของดอกกระบองเพชรสวยๆ ลองแวะไปที่สวนแมมกะยิมโน แค็กตัส ซึ่งเจ้าของฝากแจ้งมาว่า สะดวกสุดคือวันเสาร์-อาทิตย์