ปลูกบอนสี ชายคาบ้าน รายได้เสริม หลักหมื่นทุกเดือน

มนุษย์เกิดมาถูกบีบบังคับด้วยสัญชาตญาณของการดิ้นรนและต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากสังคมปัจจุบัน หนึ่งในมวลนั้นมี คุณอาทิตย์ กิ่งแก้ว หนุ่มใหญ่วัย 62 ปี ผู้กำลังก้าวเข้าสู่ประตูสูงวัย อยู่บ้านเลขที่ 1614/189 หมู่ที่ 6 ตำบลท้ายบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

คุณอาทิตย์กับบอนสีพร้อมออกจำหน่าย

คุณอาทิตย์ประกอบอาชีพค้าขายเหมือนคนอื่นทั่วไป ประสบความสำเร็จพอสมควร ประกอบกับการเป็นคนมีวิสัยทัศน์ก้าวไกลต่อระบบนิเวศทั่วไป รักสวยรักงามต่อการเพาะปลูกต้นไม้ด้วยใจรัก ไม่ว่าจะเป็นไม้ประดับ ไม้ดอก หรือบอนสี ที่คุณอาทิตย์รักมากจึงทุ่มเททุกอย่างเพาะปลูกในยามว่าง ประกอบกับมีใจรักการเกษตรเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว จึงดูแลเอาใจใส่อย่างทะนุถนอมเป็นอย่างดีในการบำรุงรักษา

เหตุนี้ ด้วยเป็นคนมีใจรักเป็นทุนเดิมก่อนแล้ว คุณอาทิตย์จึงตัดสินใจปลูกไม้ประดับ บอนสีไทยโบราณในพื้นที่ส่วนตัว โดยใช้พื้นที่ตรงชายคาบ้านที่พักอาศัยยาว 13 เมตร กว้าง 1.20 เมตร รวมพื้นที่ชายคาบ้าน 19.50 ตารางเมตร มาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นแปลงเพาะปลูกบอนสีและไม้ประดับ

บอนสีบน “หิ้ง” หรือ “ห้าง” ติดข้างกำแพงและฝาผนังบ้าน

ตามปกติทั่วไปรอบบ้านพักอาศัยจะมีพื้นที่ชายคากว้างประมาณ 1.20-1.50 เมตร เทคอนกรีตเดิมไว้แล้ว แต่เมื่อเราจะเอาพื้นที่มาดัดแปลงเป็นพื้นที่ปลูกบอนสี เราจะต้องเทคอนกรีตเสริมใหม่ เป็นคอนกรีตผสมเสร็จชนิดเบาทำฉนวน (Insulating lightweight concrete) มีกำลังต้านแรงอัดเมื่อมีอายุ 28 วัน ระหว่าง 7-70% บ่มคอนกรีตโดยใช้น้ำขัง หรือคลุมด้วยกระสอบชุ่มน้ำอย่างน้อย 24 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อเพิ่ม (Strength) คอนกรีต ที่ใช้คอนกรีตเพราะคอนกรีตถูกขังด้วยน้ำอยู่ตลอดปีมีกำลังแรงอัดสูง เพื่อป้องกันการแตกร้าว การยุบตัวของคอนกรีต

คุณอาทิตย์กับพันธุ์กล้าที่ชายคาพร้อมย้ายออกไปเพาะปลูก

เนื่องจากชายคาบ้านพักอาศัยเป็นพื้นที่จำกัด ความกว้างเพียง 1.20 เมตร คุณอาทิตย์จึงแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน แบ่งสองข้างออกเป็น 0.45 เมตร รวมกันเป็น 0.90 เมตร เหลือพื้นที่ตรงกลางไว้ 0.30 เมตร เพื่อเตรียมทำสะพานคนเดิน เมื่อเข้าไปดูแลรักษา เมื่อติดตั้งสะพานเรียบร้อยแล้ว ปล่อยน้ำลงขังเต็มพื้นที่ตลอด 19.50 ตารางเมตร โดยมีความลึกจากพื้นขึ้นมาไม่เกิน 0.4-0.5 เซนติเมตร เพื่อเอาน้ำไว้หล่อเลี้ยงและให้ความชื้นต่อต้นบอนสีที่อยู่ในกระถางพลาสติกสีดำที่มีความสูงเพียง 4-5 เซนติเมตร อีกอย่างเพื่อประหยัดน้ำไม่จำเป็นต้องรดทุกวัน

บอนสีพรพระธาตุ
การเพาะปลูกในกล่องพลาสติก

พื้นที่ปลูกบอนสี

การจัดทำพื้นที่ว่างอีกวิธีหนึ่งของคุณอาทิตย์คือ การทำ “หิ้ง” หรือ “ห้าง” วางของ รอบกำแพงบ้าน หรือฝาผนังบ้านด้านนอก คุณอาทิตย์นำมาทำเป็น “หิ้ง” หรือ “ห้าง” โดยวิธีการเจาะกำแพงหรือฝาผนังบ้านลึกประมาณ 1 1/2-2 นิ้ว ฝังด้วยพุกพลาสติกหรือพุกเหล็ก ยึดด้วยราวเหล็กหรือราวไม้ติดข้างกำแพงหรือฝาผนัง โดยมีความกว้างห่างกันประมาณ 0.40 เมตร จะทำกี่ชั้นก็ได้ แล้วแต่ความสูงต่ำของกำแพง อย่างนี้เป็นการจัดพื้นที่ได้อย่างดีและเหมาะสมตามขนาดพื้นที่ที่มี

การเพาะปลูกบอนสีด้วยหัวบอน 

เพาะบอนสีด้วยเมล็ดพันธุ์ ผ่าหัว และต้นกล้า

คุณอาทิตย์ใช้วิธีเพาะบอนสี 2 วิธี คือ เพาะพันธุ์บอนสีด้วยการผ่าหัวบอน โดยนำหัวบอนสีที่สมบูรณ์และพันธุ์ที่แข็งแรงมาหั่นออกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำกล่องพลาสติกบางใสที่สามารถเปิดปิดดูแลได้ตลอดเวลา เอาดินเดิมจากแปลงที่ได้หัวบอนมา โดยนำดินเหล่านี้ใส่ลงไปรองพื้นพลาสติก ฉีดสเปรย์น้ำให้ชุ่มแต่อย่าให้เปียกแฉะแล้วเอาชิ้นส่วนของหัวบอนที่หั่นเป็นชิ้นเล็กไปวางแปะไว้ในดินที่ทำให้ร่วนซุยแล้ว ปล่อยหัวพันธุ์ทิ้งไว้ในกล่องพลาสติกประมาณ 1-2 เดือน ตลอดเวลาให้คอยดูว่าหัวพันธุ์นั้นแตกหน่อหรือยัง เมื่อแตกหน่อหรืองอกใบอ่อนให้เคลื่อนย้ายออกไปสู่โรงเรือนตู้อบก่อนเพื่ออนุบาลใบอ่อนและลำต้นต่อไป

บอนสีชายชล
บอนสีนิวเวฟ

บอนสีที่นิยมปลูกกันมากและมีคุณค่านิยม มีรายชื่อดังต่อไปนี้ บอนสีพรพระธาตุ ชายชล รัตนศิลป์ พันดาว นาคเงินทอง สามวัง มหาชัย ไก่สุดสงวน รวยล้นฟ้า นางพริ้ง นางไหม ศิลาหุ้ม พระนคร นิวเวฟ มัฆวานรังสรรค์ เกาะเกร็ด พริกเกลือ เป็นต้น บอนสีพวกนี้เป็นบอนสีโบราณ ปลูกง่าย บำรุงรักษาก็ง่าย สามารถมาดัดแปลงสีสันได้ตามที่ตลาดต้องการ และนำมาผสมพันธุ์กับบอนชนิดอื่นได้

บอนสีพระนคร

ตู้อบเมล็ดพันธุ์ที่เริ่มงอกและแตกใบอ่อน

คุณอาทิตย์ใช้ไม้ 1×3 นิ้ว ทำโครงไม้สี่เหลี่ยมความสูงประมาณ 0.80-1.00 เมตร ยาวประมาณ 200 เมตร กว้าง 0.50 เมตร เป็นโรงเรือนตู้อบ ปกคลุมด้วยพลาสติกบางใส ทำฝาปิดเปิดด้านบนเพื่อเข้าไปดูแลรักษา พื้นตู้อบด้านล่างใช้พื้นพลาสติกสีดำหนาตีตะปูขนาด 1 นิ้ว ติดกับขอนไม้หน้า 3 นิ้ว ที่เป็นขอบโรงเรือน แล้วใส่น้ำขังสูง 3-4 เซนติเมตร อย่าใส่มากเกินนี้ เพราะมันจะล้นขอบโครงไม้ตู้อบ สาเหตุที่ใส่น้ำไว้ เพื่อหล่อเลี้ยงให้เกิดความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา เพราะบอนสีพวกนี้เป็นพืชที่ชอบร้อนชื้นอยู่ตลอดเวลา สามารถเร่งใบอ่อนให้เจริญเติบโตเร็ว ในขณะเดียวกัน จะต้องควบคุมแสงแดดด้วย โดยไม่ให้แสงแดดเกิน 70 เซนติเมตร ใช้ซาแรนกันแดดคลุมไว้ด้านบนเหนือตู้อบอีกชั้นหนึ่งเป็นการควบคุมแสง

บอนสีรัตนศิลป์

คัดแยกเมล็ดพันธุ์ที่แตกหน่อและออกใบอ่อนจากภาชนะที่เพาะเมล็ดพันธุ์ ออกมาใส่กระถางเล็กๆ สีดำ ใช้ปุ๋ยหมักใบก้ามปู ใบมะขาม และขี้วัวแห้งที่หาได้ตามธรรมชาติ หรืออีกอย่างคือมูลไส้เดือนตามแต่จะหาได้ ในอัตราส่วนผสมหนึ่งส่วน ปุ๋ยชีวภาพสองส่วน เสริมด้วยปุ๋ยละลายลงในกระถาง 2-4 เมล็ด

บอนสีศิลาหุ้มทอง

ดินและปุ๋ยใช้ในการปลูก

ถ้าต้องการให้บอนสีออกรากเจริญงอกงาม จำเป็นต้องใช้วัสดุปลูกคือ เพอร์ไลท์ (Perlite) ลักษณะคล้ายหินสีขาว หรือใช้ดินภูเขาไฟ หรือดินพีทมอส หรืออิฐมอญแดงทุบให้ละเอียดคลุกผสมกับขุยมะพร้าวแห้งที่สับเป็นชิ้นเล็กๆ นำดินที่ผสมแล้วลงในกระถางสีดำที่มีความสูง 3-4 นิ้ว แล้วกระแทกก้นกระถางเบาๆ เพื่อให้ดินลงก้นเสมอกัน ดูว่าอย่าให้ดินแน่นเกินไป พยายามให้ดินหลวมไว้ ถ้าดินแน่นเกินไปรากจะไม่เดิน ย่อมจะนำมาซึ่งความเสียหาย เมื่อนำต้นกล้าที่ออกจากโรงเรือนอนุบาลแล้ว ออกมาใส่กระถางนำไปไว้สถานที่มีแสงอาทิตย์ส่องลงด้วยลำแสงรำไร เสริมด้วยการหยอดปุ๋ยละลายช้ารอบกระถาง 3 เดือนต่อครั้ง จากนั้นก็ใส่ปุ๋ยเป็นมูลสัตว์ตามแต่จะหาได้ ก็คอยสเปรย์น้ำให้ชุ่มชื่น แล้วใบและลำต้นก็เจริญงอกงามดี

บอนสีนางไหม

ศัตรูอันตรายและโรคร้ายของบอนสี

อันดับแรกเลยคือ หอยเจดีย์ เป็นหอยตัวแดงๆ เล็กๆ ที่เกาะอยู่ตามใบและลำต้น ถ้าไม่สังเกตให้ดีเราจะมองไม่เห็น หอยพวกนี้จะเกาะกัดกินลำต้นที่งอกและออกยอดใบอ่อน หอยพวกนี้จะติดมาตามดินหรือปุ๋ยธรรมชาติที่เรานำมาปลูกและบำรุงรักษา

บอนสีนางพริ้ง

อันดับที่สอง คือ พวกไรแดงไรขาว จะเกาะลำต้นและใบ ไรแดงไรขาว จะดูดซึมเอาน้ำเลี้ยงจากลำต้นและใบ ทำให้ลำต้นแห้งเหี่ยว ใบเฉาตาย เมื่อเห็นลำต้นเหี่ยวใบแห้ง ให้ตัดทิ้งให้หมดป้องกันการลุกลาม

อันดับที่สาม คือ เพลี้ยและเชื้อราบางชนิด พวกนี้เกาะติดอยู่ตามกิ่งก้านใบ ทำให้กิ่งก้านใบงอหงิกคล้ายโรลม้วนผม ยางแห้ง ใบแห้งเหี่ยวตาย โดยเฉพาะช่วงเวลาอากาศแห้ง (ฤดูหนาว) เชื้อราและเพลี้ยพวกนี้แพร่เชื้อเร็วมาก เมื่อเห็นต้องรีบกำจัดอย่างเร็วอย่าปล่อยไว้เป็นอันขาด

บอนสีพันดาว
บอนสีรวยล้นฟ้า

อันดับที่สี่ คือ หอยทากแดง เจ้าตัวนี้มีทั้งใหญ่และเล็ก ไม่เลือกสภาพอากาศจะร้อนจะหนาวไม่หวั่น เราจะเห็นทั่วไป มันจะออกหากินกลางวันกลางคืน มันจะเกาะตามลำต้นและก้านใบ และค่อยคืบคลานไปสู่ยอดอ่อนที่เป็นอาหารอันโปรดปราน และตามขอบใบกัดกินไม่เหลือจนใบขาดแหว่ง สร้างความเสียหายไม่แพ้หอยเจดีย์ หอยพวกนี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ที่ไหนมีต้นไม้และความเปียกชื้น เจ้าหอยทากแดงก็จะแฝงตัวอยู่ที่นั้นเสมอ เจ้าหอยทากแดงนี้เชื่องช้าแต่ทำความเสียหายอย่างใหญ่หลวง

บอนสีไก่สุดสงวน

วิธีกำจัดคือ ต้องใช้สารเคมีพ่นฆ่าอย่างเดียวอย่างน้อยเดือนหนึ่งฉีดพ่นมา 1-2 ครั้ง การกำจัดอีกวิธีหนึ่งของคุณอาทิตย์นั้นคือ ให้เอายาฉุน (ยาสูบ) มาแช่น้ำแล้วนำน้ำยาฉุนที่ได้ ไปผสมกับเหล้าขาว มาพ่นวันหนึ่ง 2 ครั้ง คือ เช้า-เย็น ได้ผลดีพอสมควร หยุดการแพร่เชื้อของเชื้อราได้เหมือนกัน

บอนสีมหาชัย

ตลาดบอนสี ปี 2562-2565

ตลาดบอนสี 2564 เป็นปีที่บอนสีเป็นที่นิยมเต็มที่ โดยเฉพาะบอนสีโบราณที่ได้เอ่ยนามมาแล้วข้างต้น คุณอาทิตย์เคยขายได้เดือนหนึ่งเป็นแสน พอย่างก้าวสู่ปี 2565 ตลาดบอนสีกลับซบเซาหน้ามือเป็นหลังมือ บางก็อ้างว่าเศรษฐกิจซบเซา แถมมีการระบาดของโรคโควิด-19 โหมกระหน่ำซ้ำเติม ซ้ำหนักน้ำมันพุ่งพรวดราวกับน้ำพุแตก ผู้ปลูกบอนสีที่หารายได้เสริมย่อมหนีไม่พ้นคำว่า “ผลกระทบ” ราคาบอนสีลดฮวบลงราวกับใบไม้ร่วง ทักวันนี้ราคาบอนสีทั่วไปถั่วเฉลี่ยแล้วราคาต่อต้นตกประมาณ 30-50 บาท นับว่าเป็นวิกฤตที่น่าใจหายสำหรับตลาดบอนสีและไม้ประดับ ตลาดขายของคุณอาทิตย์คือ ขายตรงทางออนไลน์ บางทีก็มีลูกค้ามารับซื้อต้นกล้าที่บ้านด้วยราคาเป็นกันเอง พร้อมแนะนำวิธีการดูแลเพาะปลูกให้ด้วย ในการที่มีพื้นที่จำกัดเพื่อจะมีรายได้เสริมในเวลาเศรษฐกิจฝืดเคืองข้าวยากหมากแพง รอวันเวลาให้ฟ้าผ่องอำไพ เศรษฐกิจไทยจะได้รุ่งเรือง

บอนสีนาค เงิน ทอง
บอนสีสามวัง

นอกจากนี้ คุณอาทิตย์ยังรับเป็นผู้แนะนำให้แก่เกษตรกรผู้มีความสนใจปลูกบอนสีที่มีพื้นที่จำกัดด้วย ติดต่อสอบถามคุณอาทิตย์ได้ที่ บ้านเลขที่ 1614/189 หมู่ที่ 6 ตำบลท้ายบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หรืออีกช่องทางหนึ่งติดต่อได้ที่ ร้านหมูกระทะทิศทอง โทร. 081-932-8410 การปลูกบอนสีและไม้ประดับยังเป็นอีกทางหนึ่ง ซึ่งช่วยให้มนุษย์คลายเครียดไปด้วย ในยุคโลกาภิวัตน์ที่สังคมถูกรบเร้าด้วยนานาโรค หนทางแก้ไขช่างตีบตัน ที่สำคัญต้องมีใจรัก

…………………………

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566