รองเท้านารีเหลืองกระบี่ ที่ภูเก็ต

รองเท้านารี สกุล Paphiopedilum เป็นกล้วยไม้กึ่งดิน ในประเทศไทยพบกว่า 20 สายพันธุ์ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ รวมถึงภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยสภาพภูมิอากาศและพื้นที่ที่แตกต่างกัน ทำให้รองเท้านารีที่พบในประเทศไทยมีความงดงามแตกต่างกัน หลายชนิดพบเฉพาะในประเทศไทย เช่น รองเท้านารีเหลืองตรัง รองเท้านารีช่องอ่างทอง รองเท้านารีขาวพังงา

ภาคใต้ เป็นภาคที่มีรองเท้านารีชนิดต่างๆ ในธรรมชาติมากกว่าภาคอื่น ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปจนถึงจังหวัดสตูล พบรองเท้านารีในแหล่งธรรมชาติทุกจังหวัด อาจจะเป็นเพราะภาคใต้มีความชุ่มชื้นสูงจากผืนดินที่ติดทะเล รองเท้านารีเหลืองกระบี่ (Paphiopedilum exul) เป็นกล้วยไม้ที่พบในหลายจังหวัดที่ติดกับชายฝั่งอันดามัน เช่น ภูเก็ต พังงา ตรัง แต่พบมากในจังหวัดกระบี่ จึงเป็นที่มาของชื่อรองเท้านารีเหลืองกระบี่

รองเท้านารีเหลืองกระบี่ เป็นรองเท้านารีที่มีใบเขียว ไม่มีลาย เจริญเติบโตเป็นกอใหญ่ ก้านดอกยาว 10-12 นิ้ว ส่งเลยใบทำให้ดูโดดเด่น กลีบบนมีสีเหลือง มีจุดประสีน้ำตาล กระเป๋าด้านหน้ามีสีเหลืองเป็นมัน ออกดอกระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ พบมากตามเขาหินปูนทั้งบนเกาะและเขาหินปูนบริเวณชายฝั่งทะเล อยู่เหนือระดับน้ำทะเลไม่มากนัก บริเวณที่พบจะเป็นที่ที่แสงสว่างส่องถึงได้มากกว่ารองเท้านารีชนิดใบลาย

ที่ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต คุณไพบูลย์ วิศิษฐพัฒนากุล หรือ โกสุ่ย รองประธานชมรมกล้วยไม้ภูเก็ต ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้หลายชนิดโดยมีรองเท้านารีเป็นหลัก โดยเริ่มจากตอนเล็กเป็นคนชอบปลูกต้นไม้ อย่างไม้ดอกไม้ประดับ เช่น เฟื่องฟ้า บอนสี ว่าน อะโกลนีมา เมื่อได้มีโอกาสไปเดินตามงานเกษตรต่างๆ พบว่ากล้วยไม้เป็นต้นไม้ที่น่าสนใจ เพราะความหลากหลาย สวยงามของดอก จึงซื้อกล้วยไม้คัทลียา หวาย แวนด้า มาปลูกเลี้ยง โดยซื้อต้นที่ติดดอกมา พอดอกโรย เลี้ยงไปอีกหลายปีก็ไม่เห็นดอกอีกเลย

ตอนปี 2547 ได้มีโอกาสไปตลาดอินโดจีนที่มุกดาหาร ได้ซื้อกล้วยไม้จากฝั่งเพื่อนบ้านมาปลูกจำนวนหนึ่งแต่ก็ไม่ค่อยจะออกดอก ต่อมาสถาบันราชภัฏภูเก็ต ได้เปิดอบรมการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ ได้มีโอกาสไปอบรม 2 วัน ก็เริ่มมีความรู้เกี่ยวกับการปลูกเลี้ยงบ้างพอสมควร พร้อมกับมีโอกาสพบปะมิตรสหายที่ชอบเลี้ยงด้วยกัน รวมถึงผู้อาวุโสที่ปลูกเลี้ยงกล้วยไม้มานาน ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้จนได้ความรู้เพิ่มเติมขึ้นมาตามลำดับ

ต่อมาสนใจที่จะปลูกกล้วยไม้สกุลรองเท้านารี จึงชักชวนพรรคพวกเที่ยวหาซื้อ เห็นว่ารองเท้านารีเหลืองกระบี่มีความสวยงามโดดเด่น โดยพยายามรวบรวมพันธุ์จากแหล่งต่างๆ มาปลูกเป็นจำนวนหนึ่ง เมื่อมีดอกก็จะคัดเก็บไว้ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2556 ได้นำรองเท้านารีเหลืองกระบี่ไปขอรางวัลเกียรตินิยมในงานวันเหลืองกระบี่บาน ที่จัดขึ้นที่จังหวัดกระบี่ โดยสมาคมพฤกษชาติแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นผู้ให้คะแนน ได้รับคะแนน 82.02 เกียรตินิยม AM/TH ใช้ชื่อว่า ต้นไม้ขาว เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2556 และอีกต้นหนึ่งได้รางวัลเกียรตินิยม AM/TH 82.55 คะแนน เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2556 ใช้ชื่อว่า ต้นศรีภูเก็ต

ต่อจากนั้นโกสุ่ยได้ซื้อรองเท้านารีเหลืองกระบี่ที่ได้รับรางวัลเกียรตินิยมมาจำนวนหลายต้นด้วยสนนราคาหน่อละหมื่นถึงสองหมื่น เช่น ต้นน้ำรอบ ไตรมาส โกศล ทำให้รังกล้วยไม้โกสุ่ยมีรองเท้านารีเหลืองกระบี่ AM จำนวนหลายกระถาง และได้ผสมข้ามต้นเพื่อให้ได้ต้นลูกที่ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ปัจจุบัน โกสุ่ยได้ส่งฝักกล้วยไม้รองเท้านารีเข้าห้องแล็บที่กรุงเทพฯ เพื่อให้เพาะพันธุ์มาเป็นจำนวนมาก เช่น ต้นน้ำรอบ เป็นพ่อ ต้นไม้ขาว เป็นแม่ โดยใช้รหัสขวด SUI 18 และทำซ้ำรอบสอง SUI 155 ส่วนที่สลับพ่อแม่กันโดยมีต้นไม้ขาวเป็นพ่อ ต้นน้ำรอบเป็นแม่ คือ SUI 33 ทำซ้ำอีกในปีต่อมาคือ SUI 146 แต่ละรหัสได้จำนวนขวดไม่ถึง 10 ขวด ราคาจำหน่าย ขวดละ 20,000 บาท

วิธีการออกขวด ของกล้วยไม้รองเท้านารี

เมื่อต้นรองเท้านารีในขวดโตพร้อมที่จะออกขวด ก็จะนำมาทุบขวดเพื่อนำไปปลูกขยายต่อไป วิธีการทุบขวด จะต้องเปิดฝาจุกขวดออกก่อน เอามือตบที่ก้นขวดเพื่อให้วุ้นขยับมาด้านหน้า เว้นที่ว่างไว้ที่ก้นขวด เพราะตอนทุบจะได้ไม่โดนต้นช้ำ หลังจากนั้นให้เอาหนังสือพิมพ์ห่อเพื่อกันเศษแก้วกระเด็นใส่ตอนทุบ เมื่อทุบแล้วจะนำต้นรองเท้านารีที่ได้แช่ลงไปที่น้ำในกะละมัง วุ้นในขวดเอาออกหรือไม่ก็ได้ แล้วนำต้นกล้วยไม้มาแช่น้ำในกะละมังที่สองที่ผสมยาเบตาดีน (ยาใส่แผลสด) อย่างเจือจาง เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรค แช่ไว้สักประมาณ 5-10 นาที แล้วนำขึ้นมาใส่ตะกร้าขนาดเล็กที่เตรียมไว้ ซึ่งจะมีขนาดเท่าขวดพอดี

ลูกไม้รองเท้านารีเหลืองกระบี่ในขวด

การอนุบาล รองเท้านารี

ตะกร้าลูกไม้ที่เตรียมไว้ เป็นตะกร้าพลาสติกมีรูทะลุโดยรอบ นำเศษโฟมขนาดเล็กบิเป็นชิ้นเล็กๆ โรยใส่รองพื้นให้ทั่วก่อนให้มีความสูงจากก้นตะกร้า ประมาณ 1.5 เซนติเมตร แล้วใช้หินภูเขาไฟขนาดเล็กโรยทับอีกที รวมความสูงของวัสดุทั้งสองอย่างวัดจากก้นตะกร้า ประมาณ 2 เซนติเมตร แล้วนำต้นรองเท้านารีที่แช่น้ำยาแล้วเรียงลงไปในตะกร้า พร้อมโรยหินภูเขาไฟขนาดเดียวกับที่รองก้นตะกร้า โรยทับรากให้มิดอีกครั้ง นำมาวางไว้ในที่ร่มไม่ให้โดนแดดโดนฝน ประมาณ 7 วัน ไม่จำเป็นต้องรดน้ำ

ลูกไม้ในตะกร้า

หลังจากนั้นนำตะกร้าออกแดดใต้ซาแรนที่พอมีแสงรำไรในหลังคาโรงเรือนที่ไม่โดนฝน เอาพีทมอสส์โรยให้ทั่วตะกร้า แล้วโรยทับด้วยหินภูเขาไฟอีกครั้ง รดน้ำด้วยความประณีตไม่ให้วัสดุคลุมโคนต้นกระจายออกเพียงวันละครั้งตอนเช้า ใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน เมื่อเห็นต้นมีขนาดโตพอสมควรก็นำแยกใส่กระถางเดี่ยว ขนาด 3.5 เซนติเมตร โดยวัสดุที่ใช้รองกระถางมีโฟมรองก้น สูงประมาณ 1-1.5 นิ้ว โรยหินภูเขาไฟ ประมาณ 2 เซนติเมตร แล้วนำต้นรองเท้านารีมาวาง โรยหินภูเขาไฟทับอีกครั้ง ทับด้วยพีทมอสส์ และโรยทรายหยาบปิดทับหน้าอีกครั้งเพื่อให้ทรายหยาบลงไปตามช่องว่างของวัสดุปลูกเป็นการยึดรากให้มั่นคงไม่โอนเอน จะทำให้ต้นรองเท้านารีเจริญเติบโตได้ดี ทุกๆ 15 วัน ฉีดพ่นด้วยปุ๋ยน้ำ สูตร 20-20-20 พร้อมน้ำยาเร่งรากเจือจาง ผสมยากันราด้วยในฤดูฝน

หินภูเขาไฟ2ขนาด

คุณลักษณะ รองเท้านารีเหลืองกระบี่

รองเท้านารีเหลืองกระบี่ เป็นรองเท้านารีที่ปลูกเลี้ยงง่ายที่สุดในบรรดารองเท้านารีทั้งหมดที่พบในประเทศไทย และสามารถปลูกเลี้ยงให้ออกดอกได้ในทุกภาค ยกเว้นบนดอยที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดปี บางครั้งในลักษณะพื้นที่ที่เหมาะสมไม่จำเป็นต้องปลูกเลี้ยงในโรงเรือนกันฝนก็ได้ ดอกของรองเท้านารีเหลืองกระบี่ที่สวยงามพอสรุปได้ดังนี้

  1. มีกลีบบนหรือกลีบหลังคาขนาดใหญ่ สีเหลืองกระจายเกือบเต็มแผ่นหลังคา มีจุดกระสีเข้ม กลีบแหงนรับไม่งุ้มลง วัดขนาดจากซ้ายไปขวาอย่างน้อย 4 เซนติเมตร กลีบล่างควรมีขนาดใกล้เคียงกัน
  2. กลีบข้าง หรือแขนทั้งสองข้าง ต้องกางในตำแหน่งพอดี ไม่ถ่างหรือหุบเกินไป และเหยียดโค้งตามวงแขน ไม่บิดงอมากนัก มีขนาดพอเหมาะรับกับกลีบบน
  3. กระเป๋ามีขนาดใหญ่ สีเข้มเป็นมัน อาจเป็นสีเหลืองหรือเหลืองอมม่วง มีลักษณะสมส่วน สอดรับกับหลังคาและแขน
  4. ก้านมีขนาดใหญ่ ตรง รองรับดอกได้ โพล่พ้นใบ ตั้งตรง ชูดอกได้อย่างสง่างาม ความยาวตั้งแต่ 10-12 นิ้ว หรืออย่างน้อยควรชูดอกให้สูงกว่าใบของต้น

ปัจจุบัน โกสุ่ยยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนารองเท้านารีเหลืองกระบี่อย่างต่อเนื่อง ด้วยการผสมพันธุ์ต้นรองเท้านารีเหลืองกระบี่ที่มีความสวยงามโดดเด่นจนได้รางวัลเกียรตินิยมอยู่ทุกๆ ปีอย่างสม่ำเสมอ แต่ลูกรองเท้านารีเหลืองกระบี่แต่ละต้นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี จึงจะผลิดอกออกมาให้ชม